ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 1-7 ก.ค. 2560
กสทช. เลื่อนลงทะเบียน OTT รอ ประกาศใช้หลักเกณฑ์กำกับ
เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2560 การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีวาระสำคัญคือแนวทางการกำกับการแพร่ภาพและเสียงผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT)
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า มติที่ประชุม กสทช. ยังเห็นควรจะเดินหน้าการกำกับกิจการ OTT เนื่องจากเป็นการให้บริการในประเทศไทย จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย แต่เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการกำกับดูแลที่จะไม่มีข้อโต้แย้งในอนาคต จึงมีมติให้คณะอนุกรรมการ OTT ยกร่างหลักเกณฑ์การกำกับกิจการ OTT ให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อเสนอให้บอร์ด กสทช. พิจารณา ก่อนนำออกประชาพิจารณ์รับความฟังความเห็นสาธารณะ ก่อนที่จะปรับปรุงและเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติเพื่อประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา โดยมีกรอบเวลาดำเนินงานทั้งหมด 90 วัน
ดังนั้น กำหนดเส้นตายการลงทะเบียนผู้ให้บริการ OTT ที่ระบุไว้ว่าต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 22 ก.ค. นี้ จะถูกเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าหลักเกณฑ์กำกับดูแลจะประกาศใช้
งัด ม.44 เลื่อน 4 มาตรา พ.ร.ก.คนต่างด้าว
เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 33/2560 เรื่องมาตรการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. มีคำสั่งให้มาตรา 101, 102, 119 และ 122 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมาย หรือคำสั่งนี้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการบริหารจัดการการทํางานของคนต่างด้าว เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวนั้นให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป
สธ. ออก กม.คุมบุหรี่
กระทรวงสาธารณสุขได้ออก พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 และมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยจาก พ.ร.บ. ดังกล่าวนั้น เว็บไซต์ไทยโพสต์รายงานว่า นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ดังกล่าวว่ามีมาตรการสำคัญที่ประชาชนต้องรับทราบ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้
1. กำหนดห้ามขายหรือให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
2. ห้ามให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ
3. ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบใน 4 กลุ่มสถานที่ ได้แก่ วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานพยาบาลและร้านขายยา สถานศึกษาทุกระดับ สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
4. ห้ามโฆษณาสื่อสารการตลาดผลิตภัณฑ์ยาสูบในทุกรูปแบบ อาทิ พริตตี้ส่งเสริมการขายในงานคอนเสิร์ต
5. ห้ามผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาสูบทำกิจกรรม CSR อุปถัมภ์สนับสนุนบุคคลหรือองค์กร ที่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ยาสูบ
6. ห้ามตั้งวางโชว์ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือซองบุหรี่ ณ จุดขายปลีก ที่ทำให้ผู้บริโภคหรือประชาชนมองเห็น
7. ห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวน
8. เพิ่มโทษผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่เป็นปรับไม่เกิน 5,000 บาท
9. กำหนดหน้าที่ให้เจ้าของสถานที่สาธารณะที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ มีหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน ดูแลให้ไม่มีการฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ หากฝ่าฝืนไม่ดำเนินการ เจ้าของสถานที่มีโทษปรับไม่เกิน 3,000 บาท
พ.อ. ปลอมลายเซ็นเจ้ากรมขายรถทหาร
วันที่ 1 ก.ค. 2560 เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พล.ต. สมศักดิ์ ทรัพย์อนันต์ เจ้ากรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) และ พ.ต.อ. ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดี ดีเอสไอ ร่วมกันเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการกวาดล้างขบวนการมิจฉาชีพที่แอบอ้างยื่นเอกสารเท็จรถประมูลขายทอดตลาดของ ขส.ทบ.
นายสนิทกล่าวว่า ขบ. สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนรถจาก ขส.ทบ. 605 คัน จากทั้งหมด 1,136 คัน หลัง ขส.ทบ.ตรวจพบว่าใช้เอกสารบัญชีรถปลอมแจ้งประมูลขายทอดตลาดรถ โดยมีกลุ่มบุคคลจัดทำขึ้นมาและไม่มีการประมูลรถเพื่อขายทอดตลาดแต่อย่างใด โดยรถกระจายไปจดทะเบียนใน 15 จังหวัด แบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 289 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 22 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 265 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคลขนาดใหญ่ 19 คัน รถโดยสารประจำทาง 2 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง 7 คัน และรถโดยสารส่วนบุคคล 1 คัน
เบื้องต้นแจ้งไปยังผู้ที่ครอบครองทุกคันให้ทราบเกี่ยวกับการเพิกถอนทะเบียนแล้ว พร้อมให้สำนักงานขนส่งจังหวัด แนะนำให้เจ้าของรถที่ซื้อรถโดยสุจริตฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่นำรถมาจำหน่ายในข้อหาฉ้อโกงด้วย
นายสนิทกล่าวว่า ล่าสุดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อติดตามขยายผลไปยังเจ้าหน้าที่ ขบ. ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หากพบว่ากระทำผิดอาจถูกลงโทษถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ส่วนรถที่เหลืออีก 531 คัน ยังไม่มีการยื่นเอกสารขอจดทะเบียนมาที่ ขบ. จะสืบหาแหล่งที่มาและกลุ่มมิจฉาชีพที่ร่วมขบวนการต่อไป
ส่วน พ.ต.อ. ทรงศักดิ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้เอกสารปลอม โดยหลักการยังไม่ถือเป็นคดีพิเศษ เพราะเข้าข่ายเป็นคดีอาญาทั่วไป แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่าจะมีการเชื่อมโยงอย่างไรบ้าง เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มไม่ใหญ่คือมีเจ้าหน้าที่ของ ขส.ทบ. 1 คน ร่วมกับคนนอก และข้าราชการภายนอก ขส.ทบ. จำนวนหนึ่ง
ต่อมา เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า ได้มีการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว โดยเสนอ รมว.กลาโหมปลดออกจากราชการ
เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลสำเร็จ สหรัฐฯ ขู่ อาจตอบโต้ทางทหารหากจำเป็น
เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า ทูตสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2560 ว่า การยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เป็นการปิดประตูการเจรจาและการแก้ปัญหาทางการทูตไป ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็กำลังเตรียมการใช้ศักยภาพทางการรบเต็มพิกัดในการปกป้องตนเองและประเทศพันธมิตร
“สหรัฐฯ มีขีดความสามารถทางการทหาร แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้องดำเนินการใดๆ ตอบโต้ แต่หากจำเป็นก็ต้องทำ” นางฮาลีย์กล่าว
นางฮาลีย์ยังเปิดเผยอีกว่า ได้หารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าสหรัฐฯ อาจพิจารณาตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศที่ยังคงติดต่อค้าขายกับเกาหลีเหนือ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้เคยวิจารณ์จีนในเรื่องนี้มาแล้ว โดยทรัมป์มีกำหนดพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนที่กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ G-20 ที่เมืองฮัมบูร์กของเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีวาระการหารือเรื่องการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือด้วย