ThaiPublica > เกาะกระแส > “ชาญชัย”สวมหมวกผู้ถือหุ้น จ่อฟ้องศาลทุจริตฯ เอาผิด ทอท. 5 ประเด็น ฐานละเว้น-เอื้อคิงเพาเวอร์

“ชาญชัย”สวมหมวกผู้ถือหุ้น จ่อฟ้องศาลทุจริตฯ เอาผิด ทอท. 5 ประเด็น ฐานละเว้น-เอื้อคิงเพาเวอร์

30 มิถุนายน 2017


นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.)

ต่อกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ให้ปลดบอร์ดและคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” รวมทั้งยกเลิกสัญญาสัมปทานกับกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ว่า “ปลดเรื่องอะไร การสอบสวนและกฎหมายว่าอย่างไร แจ้งความกันหรือยัง ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รัฐบาลจะเอาเรื่องที่มีกระแสมาทำโดยไม่มีที่มา หลักฐานการทุจริต ผู้เสียหาย กระบวนการยุติธรรมว่าอย่างไร”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากคำสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ทนายความ เตรียมยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ คือ ทอท. และผู้ร่วมกระทำความผิดทุกคน ในข้อกล่าวหาทำให้รัฐและผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียหาย จากกรณีการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำผิดกฎหมายและข้อสัญญาที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่สัญญาระบุไว้ และเกิดความเสียหายอันเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อกฎหมายและสัญญาที่กำหนดว่าจะต้องจ่ายรายได้ส่วนแบ่งให้ ทอท. 15% และเจ้าหน้าที่ ทอท. ต้องเรียกเก็บให้ครบตามสัญญา 15% จากยอดการขายสินค้าหรือการบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางทีมทนายความคาดว่าจะสรุปสำนวนและยื่นคำฟ้องต่อศาลฯ ได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2560

“การยื่นคำฟ้องต่อศาลทุจริต และประพฤติมิชอบครั้งนี้ เพื่อให้ศาลฯ ได้พิจารณาคดี ลงโทษ หรือระงับยับยั้งความเสียหายของประเทศชาติ และผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการร่วมมือกันประพฤติมิชอบ ซึ่งผมจะส่งคำฟ้อง รายละเอียดของพยานหลักฐานให้ พล.อ. ประยุทธ์ ก่อนตนจะพ้นจากตำแหน่งคณะอนุกรรมาธิการฯ สปท. ในวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ทั้งนี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะปลดผู้บริหาร ทอท. คนไหน หรือ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปอย่างไร ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ” นายชาญชัยกล่าว

นายชาญชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางทีมทนายความกำลังตรวจสอบสำนวนคำฟ้องอย่างละเอียด รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าทำเรื่องนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบว่ามีหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงมาเป็นเวลานาน โดยไม่มีการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในคำฟ้องมีประมาณ 5 ประเด็น

เริ่มจากประเด็นแรก ก่อนทำสัญญาอนุญาตประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. ไม่ดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และมีการใช้ข้อความอันเป็นเท็จไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อยุติคดี

ประเด็นที่ 2 เรื่องการบริหารสัญญา ก่อให้เกิดความเสียหายและมีการใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยมีการอนุมัติที่ไม่เป็นไปตามสัญญาหลายกรณี ทำให้ ทอท. เสียหายกว่าหมื่นล้านบาท

ประเด็นที่ 3 เรื่องการเปิดจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะ ในสัญญาบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ไม่ได้ระบุไว้ว่าให้บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจุดส่งมอบสินค้า ซึ่ง ทอท. ควรดำเนินการเอง แต่กลับอ้างว่าได้ให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนไปแล้ว ทอท. จึงไม่สามารถอนุญาตผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเปิดจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะได้ ทำให้ภาคเอกชนมีอำนาจเหนือรัฐ

ประเด็นที่ 4 ความเสียหายที่เกิดจาก ทอท. ต่ออายุสัญญา และลดรายได้ให้กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ตามมาตรการเยียวยา กรณีกลุ่มพันธมิตรปิดสนามบิน ทำให้รัฐเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท

และประเด็นที่ 5 กรณีกรมศุลกากรอนุญาตผู้โดยสารขาออกให้ซื้อสินค้าปลอดอากร แต่อนุญาตให้ฝากไว้ที่จุดส่งมอบสินค้า โดยไม่นำสินค้าปลอดอากรออกไปนอกราชอาณาจักร อาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายศุลกากร

“ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ ฟ้องผม 11 คดี ผมก็จะทยอยฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จจนครบ 11 คดี และผมจะขออนุมัติศาล ออกหมายเชิญ พล.อ. ประยุทธ์มาเป็นพยานปากเอกทุกคดีที่ผมฟ้อง รวมทั้งศาลทุจริตฯ อย่างน้อยที่สุด ท่านนายกฯ จะได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด เมื่อศาลไต่สวน ผมในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ ทอท. ถือว่ามีความเสี่ยงมาก หากยื่นคำฟ้องไม่จริง เป็นเท็จ ก็มีสิทธิถูกฟ้องกลับ ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จึงควรจะรับทราบ คนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ เขายอมรับความเสี่ยงแทนนายกรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับ พล.อ. ประยุทธ์ จะให้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างไร เป็นเรื่องของท่าน” นายชาญชัยกล่าวทิ้งท้าย