ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 6-12 พ.ค. 2560
ครม. ไม่อนุมัติบรรจุ-เครือข่ายพยาบาลฯ ขู่ “ลาออกทั้งประเทศ”
วันที่ 10 พ.ค. 2560 เว็บไซต์ hfocus รายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติไม่อนุมัติอัตราข้าราชการพยาบาลวิชาชีพตั้งใหม่ 10,992 อัตรา แต่ให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำตำแหน่งที่ยังว่างอยู่มาจัดสรรรองรับบรรจุตามจำเป็น
จากมติ ครม. ดังกล่าว เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า ได้สร้างความไม่พอใจจนเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราวออกมานัดแสดงพลังด้วยการลาออกหลัง 30 ก.ย. 2560 ร้อนถึง ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีสาธารณสุขได้เรียกผู้บริหารที่เกี่ยวข้องมาประชุมและชี้แจงว่าขณะนี้ สธ. มีตำแหน่งว่างอยู่เกือบ 1 หมื่นตำแหน่ง แต่ยังไม่สามารถจัดสรรคนเข้าบรรจุในตำแหน่งเหล่านั้นได้เพราะตำแหน่งบนๆ ยังไม่มีการขยับ
ทั้งนี้ ตามรายงานของเว็บไซต์เดลินิวส์ ทางด้านสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่มีการอนุมัติว่า ปัจจุบัน สธ. มีตำแหน่งว่างอยู่ถึง 11,213 อัตรา หรือร้อยละ 5.8 ของกรอบอัตรากำลังข้าราชการทั้งหมดจำนวน 192,960 อัตรา จึงเสนอให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขอาจใช้ตำแหน่งว่างไปกำหนดเป็นตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพได้ตามความจำเป็น และควรบริหารจัดการอัตราว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณด้านบุคคลาภาครัฐ
คาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี เจ็บเกือบ 70 รวมเด็ก
เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 พ.ค. 2560 เกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จังหวัดปัตตานี โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ได้เกิดเหตุระเบิดภายในห้างสรรพสินค้าก่อน และเมื่อผู้คนแตกตื่นและวิ่งหลบหนีออกมานอกห้าง ก็ได้เกิดเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำอีกครั้งบริเวณลานจอดรถด้านหน้า จึงทำให้มีชาวบ้านบาดเจ็บจำนวนมาก และจากรายงานของเว็บไซต์ Deep South Watch นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 67 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเด็ก 5 ราย
ทั้งนี้ จากการรายงานของเว็บไซต์อมรินทร์ทีวี พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ สามารถสาวถึงผู้ร่วมก่อเหตุ โดยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวมาสอบปากคำจำนวน 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายก อบต. แห่งหนึ่งในอำเภอหนองจิก เนื่องจากมีหลักฐานเป็นพยานบุคคลเชื่อมโยงถึงนายก อบต. คนดังกล่าว ซึ่งหากสอบถามแล้วเสร็จก็จะส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลสอบสวนต่อไป
“พุทธะอิสระ” เสนอ “มีชัย” ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบพระ-นักการศาสนา “ทุจริต”
เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม ที่รัฐสภา พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้ยื่นหนังสือต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพิ่มเติม เพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถตรวจสอบการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าคณะสังฆาธิการและนักการศาสนาอื่นๆ ที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐได้
พระพุทธะอิสระกล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช. และศาลปกครองเคยตีความว่าไม่สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการละเมิดต่อหน้าที่ทุจริตของเจ้าคณะสังฆาธิการ และนักการศาสนาอื่นๆ ที่ได้รับงบประมาณจากรัฐ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่ได้เป็นบุคคลที่ให้หน่วยงานไหนทำหน้าที่ตรวจสอบได้ ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 บัญญัติไว้ในมาตรา 45 ว่าพระภิกษุได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา แต่กลับปรากฏว่าไม่มีองค์กรใดทำหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่และใช้งบประมาณของนักการศาสนา ผู้มีตำแหน่งหน้าที่เหล่านี้เลย ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล จึงนำมาซึ่งความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อวงการศาสนาและสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมาก อย่างเช่นคดีธรรมกาย เมื่อไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบได้ จึงกลายเป็นการปล่อยปะละเลยให้นักการศาสนาที่ทุจริตลอยนวลทำผิดอยู่ไม่จบสิ้น
ด้านนายมีชัยให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่พระพุทธะอิสระยื่นมานั้นมุ่งหมายถึงเฉพาะเรื่องวัดที่ได้รับงบประมาณจากแผ่นดินก็พอมีทางจะดำเนินการได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินที่ประชาชนมีจิตศรัทธาต่อพระคงไปทำอะไรไม่ได้ เพราะการบริจาคเงินให้กับวัดแต่ละวัดก็มีกติกาแตกต่างกันไป ส่วนความเป็นเจ้าพนักงานของพระตามประมวลกฎหมายอาญานั้นต้องยอมรับว่าการปฏิบัติหน้าที่ของพระไม่ได้มีลักษณะของการปฏิบัติหน้าที่ราชการเหมือนกับราชการที่ทำหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐทั่วไป นอกจากนี้ การทำงานของพระก็มีกฎหมายที่ควบคุมอยู่แล้ว เช่น การดำเนินการทางวินัยของสงฆ์ เป็นต้น
งานเข้า “กระทะวู้ดดี้” สคบ. สั่งสอบ “ตั้งราคาสูงเกินจริง”
วันที่ 9 พ.ค. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า พล.ต.ต. ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงกรณีการโฆษณาจำหน่ายสินค้ากระทะโคเรียคิงที่มีการตั้งราคาสูงเกินจริง และใช้กลวิธีลดราคาเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้านั้นอาจเข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อหลอกให้ซื้อหรือไม่ ว่า ล่าสุด สคบ. อยู่ระหว่างเรียกให้ผู้ประกอบธุรกิจส่งเอกสารการโฆษณาทั้งหมด พร้อมทำการทดสอบพิสูจน์คุณภาพของสินค้า หากพบว่าไม่เป็นไปตามที่โฆษณาจะมีความผิดตามกฎหมาย และ สคบ. จะได้รวบรวมข้อเท็จจริงของการโฆษณาดังกล่าวทั้งในส่วนประเด็นด้านราคา ประเด็นด้านคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้า รวมทั้งประเด็นการจัดให้มีของแถมหรือให้สิทธิหรือประโยชน์โดยให้เปล่านำเสนอคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง พิจารณาในวันที่17 พ.ค. 2560 ต่อไป
สำหรับกรณีดังกล่าว สคบ. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า บริษัท วิซาร์ด โซลูชั่น จำกัด ได้รับการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องใช้ในครัวเรือน (กระทะโคเรียคิง) ซึ่งในเอกสารประกอบการจดทะเบียนระบุราคาขายไว้ 15,000 บาท นำเข้าและจัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภค โดยที่ผ่านมา สคบ. ยังได้มีหนังสือให้บริษัทดังกล่าว มาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโฆษณาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2559 โดยบริษัท ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กระทะโคเรียคิง ราคาปกติ 15,000 บาท เป็นราคาสินค้าที่ทางเกาหลีตั้งราคามาเพื่อเป็นราคามาตรฐาน บริษัทจัดโปรโมชั่น ซื้อ 1แถม 1 ในราคา 3,300 บาท (59 สายแรก) ซึ่งทางลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่นนี้จริง หากโทรเข้ามา ในช่วง 5 นาทีนี้ โดยระบบจะบันทึกเบอร์ไว้ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ ณ ช่วง 5 นาทีนั้น
อย่างไรก็ตาม สคบ. ได้ดำเนินการนำกรณีดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามสอดส่องและวินิจฉัยการโฆษณา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 เพื่อพิจารณากรณีการโฆษณากระทะโคเรียคิง ที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ โดยผู้แทนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความเห็นในประเด็นราคาสินค้าดังกล่าวว่า กระทะโคเรียคิงไม่ถือเป็นสินค้าควบคุมราคา หรือเป็นสินค้าควบคุมราคา ซึ่งหมายถึงสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
ตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลฯ ล่าหัวหน้าใหญ่กบฏซีเรีย
วันที่ 11 พ.ค. 2560 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเสนอเงินรางวัลสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ (346.7 ล้านบาท) แก่ผู้ชี้เบาะแสสถานที่อยู่ของหัวหน้าใหญ่กลุ่มนุสรา ฟรอนท์ แนวร่วมกลุ่มอัล-กออิดะห์ในซีเรีย
โดยสำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2560 รายงานว่า แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพุธกล่าวว่า เงินรางวัลจะมอบให้กับผู้ที่ให้ข้อมูล ที่นำไปสู่การพบตัว หรือรู้สถานที่อยู่ของ อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี หัวหน้าใหญ่กลุ่มนุสรา ฟรอนท์ นับเป็นครั้งแรกของโครงการเงินรางวัลเพื่อความยุติธรรม (Rewards for Justice Program) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่เสนอเงินรางวัลสำหรับการตามล่าหัวหน้ากลุ่มแนวร่วมของอัล-กออิดะห์ในซีเรียกลุ่มนี้
แถลงการณ์ฯ กล่าวอีกว่า นุสรา ฟรอนท์ ภายใต้การนำของกอลานี ก่อเหตุโจมตีในดินแดนซีเรียนับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งการโจมตีพลเรือนจำนวนมาก นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556
กอลานี ชาวซีเรีย อายุประมาณ 40 ปีเศษ ถูกรัฐบาลสหรัฐประกาศให้เป็น “ผู้ก่อการร้ายคนสำคัญของโลก” ตั้งแต่ปี 2556 และถูกสหรัฐรวมทั้งนานาประเทศคว่ำบาตร รวมถึงการยึดอายัดทรัพย์สิน และห้ามเดินทางเข้าดินแดน
นุสรา ฟรอนท์ ถูกประกาศให้เป็น “องค์การก่อการร้ายต่างชาติ” โดยรัฐบาลสหรัฐในปี 2559 และเมื่อปีที่แล้วได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ฟาตาห์ อัล-ชาม ฟรอนท์ พร้อมกับประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับกลุ่มอัล-กออิดะห์ แต่หลายฝ่ายยังมองว่า กลุ่มนี้ยังเกี่ยวโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายสากล อัล-กออิดะห์อยู่