ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ประกาศแล้ว ม.44 ปลดล็อก พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้” และ “หายสามเดือน ทางการจีนยืนยันแล้ว คุมตัว ‘ฟ่าน ปิงปิง’ สอบหนีภาษี”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ประกาศแล้ว ม.44 ปลดล็อก พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้” และ “หายสามเดือน ทางการจีนยืนยันแล้ว คุมตัว ‘ฟ่าน ปิงปิง’ สอบหนีภาษี”

15 กันยายน 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 8-14 ก.ย. 2561

  • ประกาศแล้ว ม.44 ปลดล็อก พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้
  • อดีตพระพุทธะอิสระสารภาพ ทำร้ายสันติบาลช่วงชุมนุม กปปส.
  • ทรูอ่วม อนุญาโตฯ สั่งจ่ายทีโอที 9.4 หมื่นล้าน
  • แท็กซี่สนามบินขู่หยุดวิ่ง “ขอเพิ่มค่าบริการ-ลดโทษไม่กดมิเตอร์”
  • หายสามเดือน ทางการจีนยืนยันแล้ว คุมตัว “ฟ่าน ปิงปิง” สอบหนีภาษี
  • ประกาศแล้ว ม.44 ปลดล็อก พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (http://bit.ly/2NHEocM)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า วันที่ 14 ก.ย. 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2561 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) โดยระบุเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ดำนินการต่อไปในห้วงเวลาการปฏิรูปประเทศตามแผนการปฏิรูปประเทศ จึงจำเป็นต้องให้ประกาศ คสช. หรือคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่เกี่ยวกับการดำเนินการของพรรคยังมีผลใช้บังคับต่อไป

    แต่เพื่อให้การจัดเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้พรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่และพรรคเก่า สามารถเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น จึงควรผ่อนคลายการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่จำเป็นบางกรณี ซึ่งพรรคต้องดำเนินการก่อนเลือกตั้ง โดยให้ดำเนินการได้ในช่วงเวลา 90 วันนับแต่มีการประกาศ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในราชกิจจานุเบกษา

    ซึ่งเป็นระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ พ.ร.ป. ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 หัวหน้าคสช.จึงมีคำสั่งให้พรรคดำเนินการทั้งจัดทำนโยบาย ประชุมใหญ่เลือกหัวหน้า กก.บห. และหาสมาชิกพรรคภายใน 90 วันก่อนกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้

    อ่านประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่องดังกล่าวได้ที่นี่

    อดีตพระพุทธะอิสระสารภาพ ทำร้ายสันติบาลช่วงชุมนุม กปปส.

    นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ THE STANDARD (https://bit.ly/2QqnEoZ)

    วันที่ 12 ก.ย. 2561 ศาลนัดสอบคำให้การนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีทำร้ายตำรวจสันติบาลในม็อบ กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) แจ้งวัฒนะ ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ ให้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายฯ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 83

    เมื่อศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้ฟังจนเข้าใจแล้วสอบถามว่าจะปฏิเสธหรือสารภาพ นายสุวิทย์ก็แถลงให้การรับสารภาพ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วจึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่คุมประพฤติดำเนินการสืบเสาะประวัติและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิพากษา โดยกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ต.ค. 2561 เวลา 09.00 น.

    หลังเข้ารายงานต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ นายสุวิทย์ได้แจกคำแถลงที่พิมพ์เป็นเอกสารต่อสื่อมวลชน ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยอาตมภาพในฐานะผู้นำการชุมนุมของประชาชนเวทีแจ้งวัฒนะ ขอแถลงต่อศาลว่า พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมสั่งสอนไว้ว่าธรรมใดเกิดแต่พระองค์ทรงแสดงเหตุและความดับเหตุแห่งธรรมนั้น การที่มีชาย 2 คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ถูกการ์ดจิตอาสารุมทำร้ายจนถึงขนาดบาดเจ็บแม้อาตมาจะไม่รู้ไม่เห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แม้ผู้อื่นจะเป็นผู้กระทำก็ตามและพร้อมที่จะช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายตามกำลังความสามารถที่ตนมี จึงกราบเรียนความข้างต้นต่อศาลที่เคารพ

    เรียบเรียงจาก

    เว็บไซต์ THE STANDARD
    เว็บไซต์เนชั่นทีวี

    ทรูอ่วม อนุญาโตฯ สั่งจ่ายทีโอที 9.4 หมื่นล้าน

    จากกรณีที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ ระบุว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ละเมิดข้อตกลงในสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ โดยให้บริการหรือยินยอมให้ผู้อื่นนำอุปกรณ์ในระบบไปให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL) และเรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL)

    ล่าสุด คณะอนุญาโตตุลาการสองในสามเห็นว่า พยานหลักฐานประกอบคำให้การพยานฟังได้ว่า ทรู เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ผ่านโทรศัพท์พื้นฐานตามสัญญาร่วมการงานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมจากทีโอที จึงชี้ขาดให้ทรูชำระค่าผิดสัญญาให้ทีโอทีจำนวนกว่า 94,474 ล้านบาท พร้อมทั้งให้ชำระดอกเบี้ยอีก 6.6875% ต่อปี จากเงินต้นกว่า 76,197 ล้านบาท ไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้น

    อนึ่ง ทางทรูนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต่อไป

    เรียบเรียงจาก

    เว็บไซต์เนชั่นทีีวี
    เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ

    แท็กซี่สนามบินขู่หยุดวิ่ง “ขอเพิ่มค่าบริการ-ลดโทษไม่กดมิเตอร์”

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (http://bit.ly/2xiXZ8G)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า น.ส.ดาลัด อัศเวศน์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายการพาณิชย์) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2561 ตัวแทนสมาชิกกลุ่มแท็กซี่ขนาดใหญ่หรือแท็กซี่แวน 50 คน ได้รวมตัวชุมนุมเพื่อยื่นข้อเรียกร้องและเสนอปัญหากับ ทอท. โดยได้ยื่นขอปรับเพิ่มค่าเซอร์ชาร์จ หรือค่าบริการจอดรอรับผู้โดยสารที่สนามบิน จากเที่ยวละ 50 เป็น 100 บาท เนื่องจากปัจจุบัน สนามบินสุวรรณภูมิ มีการอนุญาตให้รถแท็กซี่วีไอพี ตามโครงการส่งเสริมใช้รถไฟฟ้ากรมการขนส่งทางบก เข้ามาจอดให้บริการภายในสนามบินตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 2561 โดยอนุญาตให้เก็บค่าเซอร์ชาร์จเที่ยวละ 100 บาท สูงกว่าแท็กซี่แวนที่ได้เที่ยวละ 50 บาท ซึ่งกลุ่มแท็กซี่มองว่าไม่เป็นธรรม เพราะแท็กซี่ทั้ง 2 ประเภท มีบริการที่ไม่แตกต่างกัน

    นอกจากนี้ ตัวแทนแท็กซี่สนามบินยังยื่นข้อเสนอให้มีการกำหนดอัตราค่าโดยสารแท็กซี่เป็น 2 ราคาที่แตกต่างกันระหว่างแท็กซี่ขนาดใหญ่กับแท็กซี่ขนาดเล็ก เนื่องจากต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของแท็กซี่ขนาดใหญ่สูงกว่า และขนผู้โดยสารรวมถึงสัมภาระได้มากกว่าอีกด้วย

    และยังเสนอให้ ทอท. ลดบทลงโทษกรณีไม่กดมิเตอร์ ให้เป็นหยุดพักรถชั่วคราว ไม่ใช่ถอนการให้บริการในสนามบิน เพราะอัตราค่าโดยสารปัจจุบันต่ำเกินจริง ทำให้แท็กซี่ขาดทุนจนต้องใช้วิธีเหมา ขณะที่แท็กซี่วีไอพี กรมการขนส่งทางบกกลับให้จ้างเหมาได้หากเดินทางเกินกว่า 300 กิโลเมตร ซึ่งแท็กซี่มองว่าไม่เป็นธรรม

    โยหลังจากนี้ หลังจากนี้ แท็กชี่จะมาชุมนุมที่ ทอท. เพื่อหาทางออก โดยที่ประชุมมีมติให้ ทอท. ทำหนังสือไปยังกรมขนส่ง ให้เร่งพิจารณาข้อเรียกร้อง ซึ่งกลุ่มแท็กซี่สุวรรณภูมิจะมาฟังคำตอบในวันที่ 14 ก.ย. 2561 หากข้อเสนอไม่ถูกการตอบรับ แท็กซี่แวน สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ซึ่งมีมากกว่า 1 พันคัน จะพร้อมใจกันหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2561 เป็นต้นไป

    หายสามเดือน ทางการจีนยืนยันแล้ว คุมตัวฟ่าน ปิงปิง สอบหนีภาษี

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (http://bit.ly/2NIaC7r)

    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ซีเคียวริตี้ส์ เดลี สื่อด้านความมั่นคงของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมาว่า ฟ่าน ปิงปิง ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ และเตรียมที่จะยอมรับคำตัดสินตามกฎหมาย แต่ไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ ว่าจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง

    รายงานระบุว่า ดาราสาวถูกตั้งข้อสงสัยว่าใช้สัญญา “หยิน-หยาง” ซึ่งเป็นการจัดการที่จะช่วยให้ดารารับเงินค่าจ้างมากกว่าที่แจ้งให้กับทางการเพื่อเสียภาษี เพื่อปกปิดรายได้ที่แท้จริง ด้วยการเซ็นสัญญาหลายๆ ฉบับสำหรับการถ่ายภาพยนต์เพียงเรื่องเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศจีน

    ทั้งนี้ ฟ่าน ปิงปิง ในวัย 36 ปี หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนทำให้หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาราสาวผู้นี้ และเริ่มมีข่าวว่า ดาราสาวถูกควบคุมตัวไว้ข้อหาเลี่ยงภาษี แต่ยังไม่มีการออกมายืนยันใดๆ ขณะที่นายหลี่ เฉิน เพื่อนชายของฟ่าน ปิงปิง ก็หายตัวไปตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเช่นกัน กระทั่งเดือนสิงหาคม มีข่าวออกมาว่า ฟ่านถูกสั่งห้ามรับงานแสดงเป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับสัญญาจ้างที่ผิดกฎหมาย แต่ข่าวดังกล่าวยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือและไม่มีการยืนยันใดๆจากทางการหรือฟ่าน ปิงปิง เอง

    ฟ่าน ปิงปิง ได้รับการจัดอันดับจากฟอร์บส์ว่าเป็นผู้ที่มีรายได้มากที่สุดในหมู่คนดังของจีน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา โดยฟ่าน ปิงปิง เป็นนักแสดงสาวมากความสามารถที่มีผลงานโด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งยังเคยแสดงเรื่องเอ็กซ์เมน ตอน X-Men: Days of Future Past