ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้ง พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ไปควบเก้าอี้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
การสั่งให้ตั้งทีม “ทหาร” คอยมอนิเตอร์ข่าวและตอบโต้ข่าวสารในโซเชียลมีเดีย
การมอบหมายสั่งการให้รัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ชี้แจง ทุกคำ ทุกข่าว ที่พาดพิงรัฐบาล และการตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในแต่ละวัน
อาจยังไม่อาจสะท้อนความเป็น “นักอ่าน” ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทั้งหมด
เพราะ “ที่มา” ของคำสั่งพิเศษหลายคำสั่ง ล้วนมาจากการ “อ่าน” ของ “บิ๊กตู่”
คนใกล้ชิด พล.อ. ประยุทธ์ เกือบทุกคนเล่าว่า พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนักอ่านตัวยง มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ
อาจารย์ของ “บิ๊กตู่” คนหนึ่งเล่าว่า “พล.ท. ประยุทธ์” (ยศในขณะนั้น) จะอ่านหนังสือ-ทำการบ้านมาล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาเรียน จะอภิปรายทุกหัวข้อ “พูดเร็ว อ่านเร็ว เหมือนประทัดแตก”
ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รายวัน รายสัปดาห์ เสิร์ฟให้ “บิ๊กตู่” อ่านทุกวัน
เช่นเดียวกับในรถ บนเครื่องบิน ที่ “บิ๊กตู่” ไม่เคยห่างข่าวสาร และหนังสือพิมพ์
เมื่อครั้งเดินทางไปประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา 10 กว่าชั่วโมงบนเครื่องบิน “บิ๊กตู่” ติดตามรายงานความคืบหน้าเรื่องเรือล่มที่พระนครศรีอยุธยา และวาระงานเมืองไทยผ่านแอปพลิเคชัน “ไลน์”
นอกจากอ่านหนังสือพิมพ์กระแสหลักแล้ว “บิ๊กตู่” ยังอ่าน “วาระงาน” และเอกสารการประชุมล่วงหน้า ทุกวาระ ทุกหน้า พร้อมทำเครื่องหมายขีดเส้นใต้ คาดด้วยปากกาเมจิก บนข้อความสำคัญ
เอกสาร-วาระงานเรื่องประกอบการพิจารณาที่ “บิ๊กตู่” โปรดปราน จะเป็นชิ้นที่มี “อินโฟกราฟิก” ประกอบเรื่อง
เอกสารประเภทนี้ส่วนใหญ่มาจาก “สภาพัฒน์ฯ” ที่ต้องการอธิบายเรื่องเศรษฐกิจ มาตรการรัฐบาล ข้อมูลแน่นๆ ให้อ่านง่ายภายในเวลาอันสั้น
ในช่วงดึกๆ ของแต่ละวัน “บิ๊กตู่” เปิดอีเมล อ่านบทสรุป บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ที่เข้มๆ แต่เข้าใจง่าย พร้อมมาตรการและแนวทาง ที่มีรัฐมนตรีคนโปรดสรุปส่งให้ “เป็นการส่วนตัว” และตอบกลับแทบทุกครั้ง
ล่าสุด มีข้าราชการ “นิรนาม” ทำรายงานเสนอให้นายกรัฐมนตรี เรื่องการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ 1 สถานีเชื่อมระหว่างสายสีม่วงกับสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-เตาปูน
นายกรัฐมนตรีอ่าน ทำประเด็นแยกแยะเป็นข้อๆ แล้วสั่งการ จนนำมาซึ่งการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว แก้ปัญหา 1 สถานี จาก 15 เดือน เหลือเวลา 8 เดือน พร้อมการแก้ปัญหา “สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย”
ในกรณีที่หากมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดต้องตอบเร็วเป็นการเฉพาะ “บิ๊กตู่” ส่งข้อสั่งการเป็นข้อๆ ชัดเจน ถึงบุคคลระดับรองนากยกรัฐมนตรีทางไลน์ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม
ระหว่างวัน “บิ๊กตู่” อ่านไลน์จากสมาร์ทโฟน เรียกว่าอ่านทุกข่าว ทุกเรื่อง ตั้งแต่ดราม่าข่าวการเมือง เพจความเคลื่อนไหวที่แหลมคมของแกนนำเสื้อแดง
นอกจากนี้ยังมีไลน์ตอบโต้กับนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลบางคน
จึงไม่แปลกที่เมื่อหลายวันก่อน “บิ๊กตู่” ออกปาก “อินไซด์” เรื่องนักข่าวคุยอะไรในรังนกกระจอก นำไปสู่การจัดระเบียบการทำบัตรนักข่าวใหม่ และส่งผลให้ “เจ๊ยุ” หรือ นางยุวดี ธัญศิริ ที่เคยเป็นพนักงานฟรีแลนซ์ให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ต้องปลดระวาง ไม่สามารถเข้าทำเนียบได้ เพราะ “ไม่มีสังกัด”
อีกเหตุการณ์ ในบ่ายวันหนึ่ง “บิ๊กตู่” เปิดทีวี มีรายการข่าวเช้าของ voice tv ซึ่งนำมาออกอากาศซ้ำ (รีรัน) ในช่วงบ่าย พิธีกรข่าวกำลังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล “บิ๊กตู่” เห็นรายการดังกล่าว ถึงกับสั่งการให้โฆษกรัฐบาลทำการชี้แจงย้อนหลังทันที
ทุกวันนี้ หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกวันอังคาร เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจะ “เก็บไมค์” ที่ตั้งไว้ให้นักข่าวถามนายกรัฐมนตรี แต่ใช้วิธีให้นักข่าวที่จะถามคำถามส่งแนวคำถามทั้งหมดไปที่ “นักข่าวคนหนึ่งที่สนิทกับนายกรัฐมนตรี” แล้วนักข่าวคนนี้จะส่งคำถามต่อไปที่ “ทีมงาน” ของนายกรัฐมนตรีอีกทอด ผ่านระบบ “ไลน์”
ดังนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีลงจากห้องประชุมในตึกบัญชาการ จะอ่าน “ไลน์” ที่นักข่าวคนนั้นรวบรวมส่งไว้ แล้วลงมาตอบคำถามสัปดาห์ละราว 4-5 คำถาม
ดึกดื่นเพียงใด หาก “บิ๊กตู่” อ่านข่าววิจารณ์รัฐบาลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง รัฐมนตรี-ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง จะต้องได้รับข้อความหรือโทรศัพท์เพื่อแจ้งให้ชี้แจง ไม่ปล่อยให้เนิ่นช้า
ก่อนขึ้นเวทีการประชุมระหว่างประเทศ “บิ๊กตู่” จะอ่านสปีชที่ข้าราชการ-ทีมงานเตรียมการไว้ให้ พร้อมขีดด้วยปากกาไฮไลต์ หากมีข้อสงสัย จะรีบถามทันที
ระหว่างประชุม ถ้ามีที่ปรึกษา ส่งข้อความให้อ่านทางไลน์-ทางอีเมล จะเปิดอ่านทันที และมี “คำตอบ” ทุกข้อความ
เพราะความเป็น “นักอ่าน” บางครา “บิ๊กตู่” จึงตอบคำถามนักข่าวแบบวิเคราะห์คำถาม ก่อนจะตอบด้วยดีกรีเดือดกว่าปกติ
เช่นเดียวกับข้าราชการ-ทีมงาน-รัฐมนตรี หรือ ผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องสยองพองเกล้าทุกครั้งที่เห็นไลน์ที่ใช้นามว่า “พี-บูรพาพยัคฆ์” เด้งขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
อุณหภูมิการเมืองของ “บิ๊กตู่” จึงคู่กับ “การอ่าน” (ไลน์)
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
