เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559 นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมว่า กนง. มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 11 ครั้ง หลังลดดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 2 ครั้ง เมื่อ 11 มีนาคม และ 29 เมษายน 2558
กนง. ให้เหตุผลในครั้งนี้ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยังเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ เช่น Brexit การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง และความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี
ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพียงพอ โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ในบางช่วงเวลาที่ผ่านมา ค่าเงินบาทโน้มแข็งขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับสกุลคู่ค้าคู่แข่งสำคัญ ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งต้องติดตามความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน รวมทั้งพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (earch for yield) จึงควรรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
ปรับจีดีพีจาก 3.1% เป็น 3.2% จากปัจจัยชั่วคราว ไม่ยั่งยืน
นายจาตุรงค์กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบผลการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ โดยปรับเพิ่มจีดีพีจาก 3.1% เป็น 3.2% มีเหตุผลหลังจากการบริโภคของเอกชนที่ปรับตัวสูงกว่าที่คาดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี รวมไปถึงการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ แต่โดยหลักการคงกระตุ้นได้ช่วงสั้นๆ เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม 2559 ที่เครื่องชี้การบริโภคได้แผ่วแรงลง และหากไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมาอาจจะขยายตัวได้น้อยกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ขณะที่การลงทุนของเอกชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ และกระจุกตัวอยู่เฉพาะในบางภาคธุรกิจ เช่น พลังงาน, โทรคมนาคม, ขนส่ง, ค้าปลีก และภาคบริการอย่างโรงแรม ในภาพรวมการลงทุนยังถูกจำกัดจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งหากต่อไปยังไม่ลงทุนเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้ศักยภาพของประเทศและส่งออกหดตัวมากขึ้นอีก เป็นลักษณะวงจรที่ทำให้ความสามารถของไทยลดลงไปเรื่อยๆ ได้
“การส่งออกและลงทุนของไทยมันพัวพันกันอยู่ แต่อะไรจะเกิดก่อนหลัง การลงทุนเกิดก่อนแล้วทำให้ส่งออกดี หรือส่งออกดีแล้วคนถึงกล้าลงทุน ไม่กล้าบอกว่าอะไรเกิดก่อน ถ้ามันเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันก็ดี การลงทุนของเอกชนสมัยก่อนสูงกว่านี้เยอะ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงทุนของภาคเอกชน รวมไปถึงของรัฐ เป็นอะไรที่ควรเกิดขึ้น เพื่อยกระดับศักยภาพของจีดีพีขึ้นไป ที่ผ่านมาต้องถือว่าภาครัฐลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณที่สูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ก็รอว่าเมื่อไรการลงทุนของเอกชนจะมาเป็นตัวขับเคลื่อนตัวที่ 3 ได้ เมื่อนั้นเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริงๆ” นายจาตุรงค์กล่าว
นอกจากภาครัฐแล้ว ภาคท่องเที่ยวยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะข้างหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญบ้าง แต่ถือว่าเป็นจำนวนน้อย ประมาณหลักแสนรายเท่านั้น
ย้อนรอยคงดอกเบี้ย 11 ครั้ง
10 มิถุนายน 2558 กนง. ต้องการเก็บพื้นที่นโยบาย โดยเน้นน้ำหนักการดำเนินนโยบายการเงินไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่า ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจประเมินว่ายังฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่มีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของจีนและเอเชีย รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการค้าโลก
5 สิงหาคม 2558 กนง. แสดงความกังวลกับปัจจัยจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกของไทย ขณะที่ภาวะการเงินยังผ่อนคลายพอสมควร ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรของการฟื้นตัว
16 กันยายน 2558 กนง. ยังมองว่าปัจจัยลบจากต่างประเทศเป็นปัจจัยลบที่หนักขึ้น โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจจีน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล จะเป็นแรงช่วยสนับสนุนอยู่บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน กนง. เริ่มกังวลถึงหนี้เอ็นพีแอลที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลของนโยบายที่เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น แต่คงไม่ถึงจุดที่จะลุกลามและสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพการเงิน
4 พฤศจิกายน 2558 กนง. แสดงความกังวลถึงปัจจัยเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ข้อจำกัดเชิงโครงสร้างการค้า และภาวะตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้น และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง และขอติดตามผลของมาตรการทางการคลังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อน และเริ่มกลับมาเน้นการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ
16 ธันวาคม 2558 กนง. ให้เหตุผลหลักว่าต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินจากความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด (FED) ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเห็นว่ามีสัญญาณฟื้นตัวมากกว่าที่คาด โดยเป็นผลจากการบริโภคของภาคเอกชน และคาดหวังว่าการลงทุนของรัฐจะช่วยชี้นำการลงทุนของเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวได้ ซึ่งเริ่มเบิกจ่ายได้ดีขึ้น
3 กุมภาพันธ์ 2559 กนง. ให้เหตุผลว่าควรรักษาพื้นที่นโยบาย กรณีเศรษฐกิจในอนาคตไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ โดยกังวลกับปัจจัยด้านต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลัก, การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและอัตราแลกเปลี่ยนของไทย และระบุว่าเศรษฐกิจไทยจะถูกขับเคลื่อนจากภายใน โดยเฉพาะแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่อง และภาคการท่องเที่ยว
23 มีนาคม 2559 กนง. ย้ำอีกครั้งว่าควรรักษาพื้นที่นโยบายแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่เอื้อให้ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไม่เติบโตลดลงกว่าที่คาด อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ แต่ยังมองว่าเพียงพอแล้ว และไม่ควรสร้างความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ยังระบุว่าความเสี่ยงระหว่างในและต่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น โดยมีภาครัฐเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักเพียงปัจจัยเดียว ขณะที่ปัจจัยอื่นถูกปรับประมาณการลดลงทั้งหมด
11 พฤษภาคม 2559 กนง. ยังให้น้ำหนักความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวได้ช้าและเสี่ยงมากขึ้น โดยมีปัจจัยหลักจากเศรษฐกิจในประเทศที่ดูแผ่วลง ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง โดยเฉพาะในภาคเกษตร ซึ่งนอกจากทำให้รายได้ลดลงยังกระทบไปถึงธุรกิจในพื้นที่ด้วย เหลือเพียงภาครัฐและท่องเที่ยวที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ และระบุว่าเริ่มเฝ้าระวังพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่เสี่ยงขึ้น หลังจากผ่อนคลายภาวะการเงินเป็นระยะเวลานาน
22 มิถุนายน 2559 กนง. ระบุว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ตามคาด แต่การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวในระดับต่ำและการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวตามเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอลงมากกว่าคาด ในภาพรวมแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยวช่วยชดเชยการส่งออกสินค้าที่ปรับลดลง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน ขณะที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยมีความสมดุลมากขึ้นและควรรักษาพื้นที่นโยบายเอาไว้ใช้รับมือกับความผันผวนในอนาคตจากต่างประเทศ
3 สิงหาคม 2559 กนง. กลับมากังวลปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความเสี่ยงในตลาดการเงินจากเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากคนมีความเชื่อมั่น เนื่องจากไทยมีฐานะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด มีเงินสำรองระหว่างประเทศสูง มีหนี้ต่างประเทศต่ำ จนอาจจะสร้างความเสี่ยงและความผันผวนในระยะข้างหน้าได้ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจ กนง. แสดงความกังวลถึงปัจจัยการลงทุนของเอกชนว่าอาจจะกระทบกับความสามารถแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่ไม่ฟื้นตัว
อ่านเพิ่มเติมรายงานการประชุม กนง. ฉบับย่อ
อ่านเพิ่มเติม EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)