ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25 มิ.ย. – 1 ก.ค. 2559: “‘บิ๊กตู่’ พอใจ ค้ามนุษย์หลุดเทียร์ 3 ‘ปึ้ง’ ขวาง – สหรัฐฯ ยังจับตา” และ “จับร้านกาแฟละเมิดลิขสิทธิ์ค่ายเพลงใหญ่-ศิลปินโต้ ยินดีให้เปิดฟรี”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25 มิ.ย. – 1 ก.ค. 2559: “‘บิ๊กตู่’ พอใจ ค้ามนุษย์หลุดเทียร์ 3 ‘ปึ้ง’ ขวาง – สหรัฐฯ ยังจับตา” และ “จับร้านกาแฟละเมิดลิขสิทธิ์ค่ายเพลงใหญ่-ศิลปินโต้ ยินดีให้เปิดฟรี”

2 กรกฎาคม 2016


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25 มิ.ย. – 1 ก.ค. 2559

  • “บิ๊กตู่” พอใจ ค้ามนุษย์หลุดเทียร์ 3 “ปึ้ง” ชี้สหรัฐฯ ยังจับตา
  • ส่งใหม่ ทัพเรือยื่น ครม. ขอซื้อเรือดำน้ำ 3,600 ล้าน
  • เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ “โพสต์ภาพ-วิจารณ์” สาย/เสาไฟฟ้าไทย
  • จูงใจ “อีเพย์เมนต์” แจกรางวัลเดือนละ 7 ล้าน
  • จับร้านกาแฟละเมิดลิขสิทธิ์ค่ายเพลงใหญ่-ศิลปินโต้ ยินดีให้เปิดฟรี
  • “บิ๊กตู่” พอใจ ค้ามนุษย์หลุดเทียร์ 3 “ปึ้ง” ชี้สหรัฐฯ ยังจับตา

    T-P

    วันที่ 1 ก.ค. 2559 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกายกระดับประเทศไทยจากเทียร์ 3 ขึ้นมาเป็นเทียร์ 2 ของกลุ่มประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ โดยบอกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พึงพอใจกับเรื่องดังกล่าว รวมทั้งยังฝากขอบคุณความทุ่มเท เสียสละ ของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน ชาวประมง รวมทั้งสื่อมวลชน ที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมประมงไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการค้ามนุษย์ ให้มีความเป็นสากล และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พร้อมทั้งขอให้อดทนแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ การดำเนินการที่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายของสหรัฐฯ และมาตรฐานของสากล

    ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ก็ได้แสดงความเห็นว่า รัฐบาลอย่าเพิ่งดีใจเพราะสหรัฐฯ ยังคงจับตามองความจริงจังของการแก้ไขปัญหานี้อยู่ ต้องทำอย่างต่อเนื่องและเอาคนผิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ มาลงโทษ กระบวนการของศาลต้องรวดเร็ว และการใช้แรงงานเด็กและทารุณกรรมแรงงานต่างด้าวก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะสุดท้ายจะเดือดร้อนทั้งแรงงานไทยและภาคธุรกิจ

    ส่งใหม่ ทัพเรือยื่น ครม. ขอซื้อเรือดำน้ำ 3,600 ล้าน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (http://news.voicetv.co.th/thailand/383850.html)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (http://news.voicetv.co.th/thailand/383850.html)

    วันที่ 1 ก.ค. 2559 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานโดยอ้างเว็บไซต์บางกอกโพสต์ว่า กองทัพเรือได้ส่งเรื่องขออนุมัติซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ มูลค่า 3,600 ล้านบาทไปยังคณะรัฐมนตรีแล้ว กำลังรอบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม ซึ่งแผนการซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำเคยบรรจุในวาระการประชุมของคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน กระทรวงกลาโหมได้ส่งเรื่องกลับมาให้ทางกองทัพเรือปรับแก้ระยะเวลาผูกพันงบประมาณ โดยต้องการให้ทยอยจ่ายเงินเป็นเวลา 11 ปี ไม่ใช่ 7 ปีตามแผนจัดซื้อเดิม โดยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ. ณะ อารีนิจ กล่าวว่า หากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ กองทัพเรือจะซื้อในทันที

    ส่วนเว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานถึงการสัมภาษณ์ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อถามว่า กองทัพเรือเคยมีกองเรือดำน้ำ แต่ถูกยุบไป เนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ชายฝั่งทะเลไทยมีความลึกไม่มาก แต่ทำไมถึงยังมีแผนจัดซื้ออีกในยุคนี้ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ทรัพยากรธรรมชาติฝั่งอันดามันของเรามีจำนวนมาก อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านเราก็ล้วนแต่มีเรือดำน้ำทั้งหมด เมียนมายังมีตั้ง 10 ลำ ซึ่งไม่ได้ซื้อเรือเก่าเลย

    และเมื่อถามว่า แสดงว่าสังคมก็มั่นใจได้ใช่หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ต้องช่วยกัน กองทัพเรือเป็นเจ้าของเรื่องก็ต้องไปดู ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นทำความตกลงร่วมกัน อยู่ในขั้นดำเนินการ แต่ชั้นนี้กองทัพเรือได้ไปพิจารณารายละเอียดไว้หมดแล้ว แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน กองทัพเรือกำหนดแล้วว่าจะซื้อ เบื้องต้นจะใช้ประมาณปี 2560 จัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกก่อน ต้องค่อยๆ ทำ ไม่ใช่ใช้งบประมาณแบบเศรษฐีเสียเมื่อไหร่ ต้องใช้แบบคนยากคนจน ซึ่งเป็นแผนงานของกองทัพเรือตั้งแต่ปี 2551-2552 แต่ตอนนั้นตนขอให้ระงับไว้ก่อน”

    เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ “โพสต์ภาพ-วิจารณ์” สาย/เสาไฟฟ้าไทย

    ภาพสายไฟฟ้าระโยงระยางที่บิลล์ เกตส์ โพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเอง ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064631)
    ภาพสายไฟฟ้าระโยงระยางที่บิลล์ เกตส์ โพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเอง
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064631)

    28 มิ.ย. 2559 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064631 บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ได้โพสต์ภาพสายไฟในเมืองไทยระโยงระยางที่พันกันยุ่งเหยิงอยู่บนเสาไฟฟ้าลงในเฟซบุ๊กของตน พร้อมโพสต์ข้อความที่แปลได้ใจความว่า

    “เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีข้อบกพร่อง ทำให้หลายเมืองประสบปัญหาไฟดับอยู่บ่อยๆ สายไฟฟ้าและหม้อแปลงไม่มีการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เลย

    ผมมีโอกาสได้เดินทางไปเยือนในหลายๆ เมืองที่มีสายไฟฟ้ายุ่งเหยิง และอย่างในรูปที่เห็นคือประเทศไทย ประชาชนมักจะลักลอบเอาอุปกรณ์บางอย่างเชื่อมกับกระแสไฟฟ้าหลัก เพื่อนำเข้าไปใช้ในบ้านของตัวเอง โดยที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเลยสักนิด”

    งานนี้ ร้อนถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ต้องรีบออกมาชี้แจงด้วยภาพผ่านเฟซบุ๊กว่า ที่อยู่บนเสาไฟฟ้านั้นไม่ได้มีแค่สายไฟเพียงอย่างเดียว แต่ประกอบไปด้วย 1. สายไฟฟ้าแรงสูง 2. สายไฟฟ้าแรงต่ำ และ 3. สายสื่อสารโทรคมนาคม ดังภาพข้างล่างนี้นั่นเอง

    Screen Shot 2016-07-02 at 3.02.34 AM

    จูงใจ “อีเพย์เมนต์” แจกรางวัลเดือนละ 7 ล้าน

    วันที่ 29 มิ.ย. 2559 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเพย์เมนต์ กล่าวว่า คณะกรรมการพิจารณาแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการและประชาชนมาใช้อีเพย์เมนต์ โดยการจับแจกรางวัลเดือนละ 7 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. 2560 เป็นต้นไป รางวัลแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 5.5 ล้านบาท ให้ผู้ใช้อีเพย์เมนต์โดยรางวัลใหญ่สูงถึง 1 ล้านบาท ส่วนที่สอง 1.5 ล้านบาท จะเป็นรางวัลให้กับร้านค้าผู้ประกอบการที่วางเครื่องรับบัตร หรืออีดีซี ซึ่งจะทำให้ทั้งประชาชนและร้านค้าสนใจมาใช้อีเพย์เมนต์รวดเร็วมากขึ้น การจับรางวัลระบบอีเพย์เมนต์จะสุ่มผู้ได้รับรางวัล โดยที่ผู้ชำระเงินและร้านค้าไม่ต้องส่งใบเสร็จมาชิงโชคให้ยุ่งยาก แต่ตอนได้รับรางวัลต้องมีใบเสร็จมายืนยันและจะโอนเงินรางวัลให้ผ่านทางอีเพย์เมนต์

    นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 15 ก.ค. 2559 นี้ จะเริ่มมีการลงทะเบียนพร้อมเพย์ และลงทะเบียนรับสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งไม่อยากให้เกิดความสับสน การลงทะเบียนพร้อมเพย์สามารถลงกับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐทุกแห่ง โดยสามารถลงทะเบียนได้ตลอด จะเริ่มมีการใช้ระบบอีเพย์เมนต์ในวันที่ 1 ต.ค. 2559 ค่าธรรมเนียมในการชำระเงินถูกมาก โดยในส่วนไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมการโอนเงิน 60-70% ในปัจจุบัน ขณะที่การลงวางเครื่องอีดีซีของร้านค้าจะเริ่มเดือน ก.ย. 2559 เป็นเวลา 1 ปี โดยจะวางให้ครบทั้งร้านขนาดใหญ่ เล็ก จนถึงโชห่วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะไปออกระเบียบให้ร้านค้าที่จดทะเบียนค้าต้องมีเครื่องอีดีซี

    ด้านนายปรีดี ดาวฉาย นายกสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ค. 2559 ธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่งจะให้บริการลงทะเบียนพร้อมเพย์ล่วงหน้า ผู้ลงทะเบียนไม่จำเป็นต้องมาที่สาขาธนาคาร สามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ผ่านระบบเอทีเอ็ม อินเตอร์เน็ตแบงกิ้ง และโมบายแบงกิ้ง

    จับร้านกาแฟละเมิดลิขสิทธิ์ค่ายเพลงใหญ่-ศิลปินโต้ ยินดีให้เปิดฟรี

    จากกรณีที่มีร้านกาแฟในเมืองแพร่ถูกจับและปรับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเปิดเพลงจากเว็บไซต์ยูทูบในร้าน ทำให้เกิดการถกเถียงเรื่องการเปิดเพลงของค่ายเพลงต่างๆ ในร้านค้าว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ขึ้นมาอีกครั้ง

    ต่อเรื่องนี้ เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานถึงข้อความในสเตตัสเฟซบุ๊กของ “ปุ้ม-พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ศิลปิน นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ชื่อดัง ซึ่งเคยทำงานในแกรมมี่ ต่อกรณีดังกล่าว โดยสามารถสรุปใจความได้ดังนี้

    1. กรณีเปิดเพลงจากยูทูบ ค่ายเพลงนั้นๆ ก็ได้รายได้จากยูทูบอยู่แล้วในทุกครั้งที่มีคนเปิดคลิปเพลงของค่ายเพลงนั้นๆ แต่ถ้าเปิดแล้วโดนจับแบบนี้ ต่อไปก็ไม่มีใครเปิด คอนเทนต์ในส่วนนั้นของค่ายเพลงก็จะ “เน่าตาย”

    2. ร้านอาหารขายสินค้าอื่นที่ไม่ใช่เพลง จะบอกว่าเปิดเพลงเพื่อส่งเสริมการขายคงไม่ได้

    3. สถานีวิทยุก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ค่ายเพลงเคยไปเก็บค่าลิขสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งก็ไม่เคย เพราะถ้าไปเก็บ สถานีวิทยุก็ไม่เปิดเพลงให้ เพลงก็ไม่ดัง

    4. เวลาสถานีวิทยุในเครือข่ายของ GMM เปิดเพลงของศิลปินก็ไม่มีการจ่ายค่าการแสดงสู่สาธารณะ (public perform) ให้กับศิลปินเช่นกัน เพราะตนก็ไม่เคยได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีหลักการ ก็ควรทำให้เหมือนๆ กัน

    รวมทั้งยังทิ้งท้ายว่า

    “คือด่าไอ้คนที่มันขโมยจริงๆ ก็ว่าไปอย่างนะ เช่นไอ้พวกเทปผีซีดีเถื่อน.. ท่านพูดมาเหมือนเห็นใจชะตากรรมพวกผมหรือคนที่สร้างสรรค์เพลงเหลือเกิน “ไปขโมยเขา คุณไม่เห็นใจนักแต่งเพลงหรือ?..” โห ผมน้ำตาเกือบไหลน่ะ.. ถ้าพวกท่านเห็นใจพวกผมจริงๆ นะครับ พวกท่านก็คืนสิทธิผู้ประพันธ์ให้พวกผมสิครับ ท่านจะได้ไม่ขึ้นชื่อว่าขโมยเหมือนที่ท่านด่าคนอื่น ได้ไหมล่ะ? เพราะท่านไม่ได้เป็นคนแต่งซะหน่อย ทำไมสิทธิไปอยู่กับท่านล่ะ พิลึกไหม?

    ทั้งหมดนี่น่ะ คุณห่วงแต่กำไรของคุณ ห่วงการขาดทุนกำไร เพราะที่ลงทุนไปน่ะคุณได้คืนหมดแล้ว แต่เวลาคุณออกปกป้องผลประโยชน์ของพวกคุณ พวกคุณก็เอาพวกผมมาอ้างทุกที แหกตาดูให้ดีสิ คนที่รวยสะดือปลิ้นมันพวกผมหรือพวกคุณ ถ้าจริงใจนะ สักวันลองแจงมาหน่อย ที่จัดเก็บน่ะ เก็บจากไหนได้บ้าง? แล้วแบ่งพวกผมเท่าไหร่? ไปปรับใครเขาน่ะ ได้มาเป็นหมื่นเป็นแสน มาที่พวกผมเท่าไหร่? เก็บ public perform น่ะ คุณได้เท่าไหร่? พวกผมได้เท่าไหร่? อยากรู้มานานแล้ว เอาแบบแถลงข่าวมีสื่อมวลชนรับรู้ก็ยิ่งดีนะ”

    ทว่า ก็มีศิลปินและค่ายเพลงที่พลิกวิกฤตินี้ให้กลายเป็นโอกาสในการเผยแพร่ผลงานเพลงของตน ดังจะเห็นได้จากในเพจ “โสตศึกษา” ที่ได้โพสต์ว่ามีศิลปินและคายเพลงจำนวนหนึ่งที่แสดงเจตจำนงให้ร้านค้าต่างๆ สามารถนำเพลงของตนไปเปิดให้ลูกค้าฟังได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องค่าลิขสิทธิ์

    ภาพจากเพจ “โสตศึกษา”
    ภาพจากเพจ “โสตศึกษา”