เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ประเด็นสำคัญคือกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ครม. จะมีมติปรับโครงสร้างสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร. โดยยุบเลิกศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (Thailand Creative & Design Center: TCDC) และสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (Thai Knowledge Park: TK park)
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลเพียงให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ไปประเมินการทำงานขององค์การมหาชนต่างๆ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและเกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วมหรือไม่ ยังไม่ถึงขั้นที่จะเสนอควบรวมหรือยุบเลิกองค์การมหาชนใด เท่าที่ดูส่วนใหญ่ตนเห็นว่าหลายแห่งยังมีประโยชน์ แต่ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้าอาจให้ ก.พ.ร. เข้าไปประเมินอีกครั้ง ถ้าเห็นว่าองค์การมหาชนใดไม่มีความจำเป็นก็อาจจำเป็นต้องยุบเลิกหรือควบรวม ดังนั้น องค์การมหาชนทั้ง 39 แห่งจึงต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม
แบ่งงานใหม่ 8 กลุ่ม ลุยงานปฏิรูป ตั้ง “สุวพันธุ์” ประสาน สปท.
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลจะเดินหน้างานด้านการปฏิรูปประเทศมากขึ้น จึงมีมติแบ่งกลุ่มงานจากเดิมที่เคยแบ่งไว้สมัย คสช. เป็น 5 กลุ่มงาน โดยเน้นงานด้านการบริหารราชการแผ่นดินเป็นหลัก แต่ครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 8 กลุ่มงาน โดยเพิ่มเติมงานด้านการปฏิรูปประเทศด้วย ซึ่งแต่จะกลุ่มงานจะมีรองนายกฯ รับผิดชอบ ประกอบด้วย
- กลุ่มงานที่เกี่ยวข้องทรัพยากรมนุษย์ มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านการเกษตรแนวใหม่และการบริหารจัดการน้ำ มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านความมั่นคง มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านสาธารณสุขและประกันสุขภาพ มี พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และกีฬา มี พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ เป็นประธาน
- กลุ่มงานด้านวาระแห่งชาติและการแก้ไขปัญหาสำคัญ อาทิ ปัญหายาเสพติด ปัญหาด้านการบิน ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ฯลฯ มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง เป็นประธาน
ขณะเดียวกัน ยังมีมติตั้งคณะกรรมาธิการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) หรือวิปรัฐบาล-สปท. โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นประธาน เพื่อประสานการทำงานระหว่าง ครม. กับ สปท. ว่างานด้านการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านใดที่ ครม. เริ่มทำไปบ้างแล้ว โดยต้องมีการจัดลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดจะต้องทำให้เสร็จก่อนเดือนกรกฎาคม 2560
ยัน มทบ.11 ไม่ใช่เรือนจำทหาร – ไฟเขียวสอบทุจริต “อุทยานราชภักดิ์”
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้พิจารณาเรื่องการแก้ปัญหาความแออัดของนักโทษในเรือนจำ ที่ปัจจุบันมีจำนวนถึง 3-4 แสนคน จากที่รองรับได้เพียง 1 แสนคน โดยไม่มีการแยกอัตราโทษหนัก-เบา ทำให้เหมือนกับเป็นการรวมดาวนักโทษตั้งแต่ระดับ ป.1 ไปจนถึงอุดมศึกษา มีการถ่ายทอดวิธีการทำผิดกฎหมายให้แก่กัน ทั้งนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปล่อยนักโทษซึ่งเหลือโทษไม่มากนักให้ออกจากเรือนจำแล้วใช้วิธีติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวแทน ยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดในการสร้างเรือนจำเพิ่มเติม เพราะไม่ใช้วิธีแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังต้องหาวิธีทำให้นักโทษกลับคืนสู่สังคมได้เมื่อพ้นโทษโดยไม่กลับไปกระทำผิดกฎหมายอีก ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอแผนมาให้ตนดูแล้ว คาดว่าจะนำเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ในเร็วๆ นี้
เมื่อถามถึงเรือนจำชั่วคราว ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ซึ่งใช้คุมขังผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง รวมถึงคดีของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง กับพวก ผู้ถูกกล่าวหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวไม่ใช่เรือนจำทหาร แต่เป็นเรือนจำชั่วคราวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ และใช้ระบบการดูแลเหมือนเรือนจำอื่นๆ เหตุที่ต้องมาใช้ มทบ.11 เพราะเรือนจำปกติไม่พอเพียงและไม่เหมาะสม ส่วนกรณีที่นายสุริยันเสียชีวิตอย่างกะทันหันภายในเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ต้องไปฟังสาเหตุจากแพทย์ว่าเกิดจากอะไร แต่เท่าที่ทราบญาติของนายสุริยันก็ไม่ติดใจ
ส่วนปัญหาเรื่องการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีการทุจริต โดยเฉพาะกรณีเรียกรับหัวคิว พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก่อน ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน หรือมียศอะไรก็สอบมา ใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย และขอร้องสื่อว่าอย่าไปขยายความ และอย่าเหมารวมทำจุดผิดพลาดเล็กๆ ให้กลายเป็นจุดผิดพลาดในภาพรวม
ทั้งนี้ การจัดงาน Bike for Dad ทั่วประเทศ ในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 ตนขอให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยกับดูแลให้การจัดงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย
แจงให้ “วิษณุ” ดูคดี บ.บุหรี่ยักษ์ใหญ่เลี่ยงภาษี แค่หวังรอบคอบ ปัดช่วยล้มคดี
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงคดีหลีกเลี่ยงภาษีบุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ระดับโลก มูลค่ากว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ว่า คดีนี้เป็น 1 ใน 12 คดีที่รัฐบาลเป็นคู่ความที่ตนสั่งให้รวบรวม และสั่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย เข้าไปดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ยืนยันว่าไม่ใช่การเข้าไปล้มหรือเป่าคดี
“ถ้าเขาจะมาขออะไรจากรัฐบาล สิ่งเดียวที่ขอได้คือทำให้คดีเร็วขึ้นหน่อย เพราะเป็นคดีที่ยืดเยื้อมากว่า 10 ปีแล้ว ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด”
เมื่อถามว่าสามารถใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44 แก้ปัญหาในคดีนี้ได้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า คงจะใช้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ตนสั่งไป ประเทศอื่นก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม เพราะเขาไม่มีมาตรา 44 ส่วนที่มีข่าวว่าอัยการอาจจะส่งฟ้องคดีนี้ในเร็วๆ นี้ ตนยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีใครรายงานเข้ามา แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการ
ชื่นชมเลือกตั้งพม่า คนใช้สิทธิ 80% ขอชาวไทยดูเป็นตัวอย่าง
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งในประเทศพม่าว่า ขอแสดงความยินดีกับการเลือกตั้งในพม่า แต่อย่านำเรื่องพลเรือนหรือทหารมาตีกัน ทั้งนี้ อยากให้คนไทยดูคนพม่าเป็นตัวอย่าง เพราะเขาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันถึง 80% ขณะที่คนไทยยังออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันน้อยอยู่ ที่เหลือไม่ออกมา แต่พอการเมืองทำอะไรไม่ดี ก็จะบอกว่าไม่ได้เลือกมา จะไม่รับผิดชอบกันแบบนี้ไม่ได้ ครั้งหน้าอยากให้ออกมาใช้สิทธิ์กันให้ครบไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหรือการทำประชามติ
“นี่แหละประชาธิปไตย ถ้านอนอยู่บ้านเฉยๆ แล้วติติงอย่างเดียว มันไม่ใช่ประชาธิปไตย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายกฯ ของไทยได้ส่งสารแสดงความยินดีถึงประธานาธิบดีของพม่า และชื่นชมผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
มาตรการรัฐบาลเริ่มออกผล ทำดัชนีเชื่อมั่นเพิ่ม – สั่งทำแผนจัดการน้ำทั้งระบบ
นายกฯ ยังกล่าวถึงประเด็นทางการเมืองว่า ขอยินดีกับประเทศพม่าที่มีการเลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่ว่ารัฐบาลใหม่ที่ขึ้นมาจะเป็นทหารหรือพลเรือนก็ทำงานร่วมกันได้ เพราะต่างต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ตนเห็นว่าสามารถทำได้ แต่คนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายคือประชาชน ในการทำประชามติ
ส่วนที่นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ช่วยผ่อนปรนให้พรรคการเมืองสามารถจัดการประชุมหารือกันได้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คาดว่าหากเปิดให้มีการประชุมกันแล้ว แทนที่จะไปหารือกันเรื่องปฏิรูปประเทศ คงจะไปคุยกันเรื่องที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศมากกว่า จึงอยากให้กลับไปดูเหตุการณ์ในอดีตประกอบด้วย
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2558 ที่เพิ่มจาก 72.1 มาอยู่ที่ 73.4 ปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบสิบเดือนว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเริ่มผลิดอกออกผล แต่การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป
ส่วนการแก้ปัญหาภัยแล้ง ขณะนี้เรามีน้ำอยู่ในเขื่อนเพียง 4,100 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ตนจึงสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องไปจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อให้รู้ว่ายังมีน้ำอยู่ที่ไหน เท่าไร และจะใช้ทำอะไรบ้าง
“วิษณุ” แจงเหตุทบทวน 39 องค์การมหาชน –ไม่ยุบ TCDC แต่อาจย้าย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุม ก.พ.ร. ได้เสนอผลประเมินการทำงานขององค์การมหาชนจำนวนหนึ่งจริง แต่ไม่ได้มีการพิจารณาว่าจะควบรวมหรือยุบเลิกองค์กรมหาชนใด เพราะเป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะ โดยดูจาก 3 ปัจจัย คือ 1. วัตถุประสงค์การจัดตั้งองค์กร มีการดำเนินงานตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ 2. ธรรมภิบาล เช่น ความโปร่งใส ประหยัด และคุ้มค่าหรือไม่ และ 3. ความจำเป็นในการจัดตั้งองค์กร ว่ายังจำเป็นต้องใช้รูปแบบองค์การมหาชนหรือไม่ หรือจะให้หน่วยงานราชการไปจนถึงให้บริษัทเอกชนทำแทนได้ ทั้งนี้ การควบรวมหรือยุบเลิกองค์การมหาชนใดขึ้นอยู่กับ ครม. โดยจะออกมาเป็น พ.ร.ฎ. เท่านั้น ซึ่งไม่ยากเย็นอะไร
“องค์การมหาชนทั้ง 39 แห่งไม่เคยถูกตรวจสอบมาก่อน ว่ายังมีความจำเป็นในการคงอยู่หรือไม่ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปประเทศ จึงต้องหยิบเรื่องนี้มาพูดคุยกัน เพราะซีอีโอของบางแห่งมีเงินเดือนมากกว่านายกฯ ถึง 3 เท่า บางแห่งมีคนทำงานทั้งองค์การเพียง 7 คน บางแห่งจัดตั้งขึ้นโดยใช้เวลาเพียงข้ามคืนไม่มีการศึกษาอย่างแท้จริง ขณะที่บางแห่งได้ระบุระยะเวลาไว้ว่าจะอยู่ชั่วคราวเพียง 5 ปี แต่ถึงเวลาก็มาขอต่ออายุอยู่ตลอด”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะยุบองค์การมหาชนบางแห่ง เช่น TCDC หรือ TK Park นายวิษณุกล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นจะต้องยุบเลิก แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เคยอยู่กับกระทรวง X ก็อาจจะไปอยู่กับกระทรวง Y ทั้งนี้ ครม. จะต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงผลกระทบด้วย แต่ผลประโยชน์ของส่วนรวมก็มีความสำคัญ ยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ผู้เกี่ยวข้องจะได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม
ครม. ขยายเวลาใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดิม อีก 1 ปี
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญอื่นๆ มีอาทิ
พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาในการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราเดิมออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่มีผลถึงการประเมินภาษีประจำปี 2558 เท่านั้น ออกไปจนถึงปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน รวมทั้งต้องการให้การเก็บภาษีเป็นไปตามสัดส่วนรายได้ของประชาชน
สำหรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมในปัจจุบัน (ซึ่งปรับปรุงเมื่อปี 2556) แบ่งเป็น 7 ระดับชั้น
– ผู้มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาท/ปี จะเสียภาษีในอัตรา 5%
– ผู้มีรายได้ 300,000-500,000 เสียภาษีในอัตรา 10%
– ผู้มีรายได้ 500,000-750,000 บาท/ปี เสียภาษีในอัตรา 15%
– ผู้มีรายได้ 750,000-1,000,000 บาท/ปี เสียภาษีในอัตรา 20%
– ผู้มีรายได้ 1,000,000-2,000,000 บาท/ปี เสียภาษีในอัตรา 25%
– ผู้ที่มีรายได้ 2,000,000-4,000,000 บาท/ปี เสียภาษีในอัตรา 30%
– ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 4,000,000 บาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 35%
ยืดอายุ “รถเมล์-รถไฟ” ฟรี อีก 6 เดือน
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ด้วยการให้บริการรถเมล์ฟรีและรถไฟฟรี ที่สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ออกไปอีก 6 เดือน หรือจนถึง 30 เมษายน 2559 มีวงเงินที่รัฐบาลต้องชดเชยรวม 2,103 ล้านบาท ประกอบด้วยการให้บริการรถเมล์ฟรี 800 คัน/วัน ใน 73 เส้นทาง คิดเป็นเงิน 1,599 ล้านบาท และรถไฟชั้น 3 ฟรีเชิงสังคม จำนวน 164 ขบวน/วัน กับรถไฟชั้น 3 ฟรีเชิงพาณิชย์ อีก 8 ขบวน/วัน คิดเป็นเงิน 504 ล้านบาท
สำหรับมาตรการนี้ใช้แล้ว 18 ครั้ง โดยนายกฯ เคยให้นโยบายไปว่า การให้บริการรถเมล์ฟรีและรถไฟฟรีอยากจะช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยมากจริงๆ ส่วนผู้ที่มีรายได้ปานกลางหรือรายได้มากก็ควรจะเสียค่าบริการบ้าง แต่เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล จึงจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาการใช้มาตรการนี้อีกไปก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของประชาชน
ไฟเขียวคลายเกณฑ์ทำผังเมือง เอื้อภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้มีการยกเลิกกฎระเบียบบางประการที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ผังเมือง พ.ศ. 2518 เพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ และให้สอดคล้องกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ว่าจะบริเวณชายแดน หรือที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (cluster) เนื่องจากการจัดทำผังเมืองของแต่ละจังหวัดในปัจจุบันต้องใช้เวลานาน เพราะมีถึง 18 ขั้นตอน ทำให้พื้นที่ซึ่งสามารถประกอบอุตสาหกรรมใดไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาของประเทศ เช่น ไม่สามารถขยายโรงงานหรือจัดตั้งโรงงานบางประเภท โดยผังเมืองรวมของบางจังหวัด เช่น จ.ระยอง กรณีมาบตาพุด ที่มีการลดพื้นที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานลงถึง 50% หรือ จ.สงขลา ที่เปลี่ยนพื้นที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าเป็นพื้นที่สำหรับเกษตรกรรม เป็นต้น
รับทราบแผนปฏิรูปคลองแสนแสบให้สะอาดใน 2 ปี
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดใน 2 ปี ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ประกอบด้วย 3 แนวทางปฏิบัติที่สำคัญ คือ
1. ปรับปรุงคุณภาพของน้ำ โดยหลักการจะไม่ใช้การบำบัดทางสารเคมี แต่จะใช้วิธีการบำบัดโดยชีวภาพ มีการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียตลอดแนวคลองแสนแสบเพื่อรองรับน้ำเสียจากที่ต่างๆ ก่อนส่งไปบำบัดที่โรงควบคุมคุณภาพน้ำเสียดินแดง โดยการทำเขื่อนจะสามารถปิดกั้นควบคุมระดับน้ำได้ในแต่ละช่วงเพื่อให้สามารถขุดลอกคลองได้
2. การปรับปรุงท่าเรือ ภูมิทัศน์ และพื้นที่หลังเขื่อน ให้เป็นเส้นทางจักรยานและพื้นที่ออกกำลังกาย โดยสถิติพบว่ามีผู้ใช้บริการเรือคลองแสนแสบประมาณ 1 แสนคน/วัน ซึ่งถือว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้คนหันมาใช้การเดินทางในเส้นทางนี้มากขึ้นจึงต้องมีการปรับภูมิทัศน์และปรับปรุงท่าเรือให้ดีขึ้น
และ 3. การปลูกจิตสำนึก โดยให้กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปลูกจิตสำนึกแก่ประชาชน
ทั้งนี้ คลองแสนแสบถูกขุดขึ้นในปี 2380 เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในพื้นที่ กทม. โดยระบายน้ำจาก กทม. ไปยังฝั่งตะวันออกทางแม่น้ำบางประกง คลองแสนแสบที่อยู่ในพื้นที่ กทม. จะมีกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนที่อยู่นอกพื้นที่ กทม. จะมีกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการดูแลการสัญจรในคลองแสนแสบเป็นหน้าที่ของกรมเจ้าท่า
เร่งโครงการตำบลละ 5 ล้าน ที่เกี่ยวกับปลูกพืชใช้น้ำน้อย
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ด้วยการสนับสนุนเงินลงทุนตำบลละ 5 ล้านบาท โดยเฉพาะในมาตรการที่ 4 เรื่องการปลูกพืชใช้น้ำน้อย พบว่า การปลูกพืชใช้น้ำน้อยไม่ได้หมายความว่าจะปลูกตอนไหนก็ได้ ต้องเร่งปลูกในช่วงที่ดินยังมีความชุ่มชื้นอยู่ หมายถึงภายในเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม 2558 ดังนั้น การพิจารณาโครงการที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ละจังหวัดจะต้องทำให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาและจัดสรรงบประมาณ ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2558 ส่วนการพิจารณาโครงการเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชใช้น้ำน้อย แต่ละจังหวัดจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายเพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาและจัดสรรงบประมาณก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559
เห็นชอบเอกสารสำคัญที่จะใช้ในการประชุม “เอเปก-อาเซียนซัมมิต”
ด้าน พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบเอกสาร 2 ฉบับที่จะใช้ในการประชุมด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ทั้งในระดับรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2558 และระดับผู้นำ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 23 และ 2. ร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรี APEC ครั้งที่ 27
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบเอกสาร อีก 13 ฉบับ ที่จะใช้ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีเอกสารสำคัญ อาทิ ร่างปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ ปี ค.ศ. 2015 ว่าด้วยการจัดตั้งประชาคมอาเซียน, ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน–สหรัฐฯ, ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามความเป็นหุ้นส่วน (ที่เพิ่มพูน/เชิงยุทธศาสตร์) อาเซียน-สหรัฐฯ (ปี ค.ศ. 2016-2020) ฯลฯ เป็นต้น