เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ อ้างคำพูดของนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงผลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานางสาวภัคภร เรขะกมลพร (ประไพศรี เผ่าพันธุ์) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคลัง และรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กับพวก รวม 38 คน ทุจริตในการดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่างปีงบประมาณ 2543-2545 จำนวน 201 งานจ้าง หรือ 201 สัญญา เป็นเงินทั้งสิ้น 331,317,086 บาท ซึ่งมีศาสตราจารย์ ดร.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่านางสาวภัคภร เรขะกมลพร (ประไพศรี เผ่าพันธุ์) ได้ดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 201 สัญญาดังกล่าว โดยมีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่ง ให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอนุมัติให้จัดจ้าง และหรือสั่งจ้าง โดยวิธีการแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่จะจ้างโดยวิธีประกวดราคา เป็นโดยวิธีสอบราคา และเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป จากที่เป็นอำนาจของอธิบดี ให้เป็นอำนาจของตนเองหรือของผู้อำนวยการกองคลังแล้วแต่กรณี โดยไม่มีการดำเนินการสอบราคาและแข่งขันเสนอราคากันจริง ทำเอกสารการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีสอบราคาเป็นเท็จ ปลอมและใช้เอกสารใบเสนอราคาของเอกชนรายอื่นมาเป็นหลักฐานแข่งขันเสนอราคากับเอกชนรายที่ได้เลือกให้เป็นผู้รับจ้างทำงานนั้น
ส่วนข้าราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อีกจำนวน 16 คน ที่ร่วมกระทำผิด มีพฤติการณ์ช่วยเหลือเอกชนรายใดรายหนึ่ง ให้เป็นคู่สัญญารับจ้างทำงานปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการเปิดซองสอบราคา ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรรมการเปิดซองสอบราคาและทำรายงานผลการเปิดซองสอบราคาเป็นเท็จ หรือในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้าง ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรรมการตรวจการจ้างและทำหลักฐานการตรวจรับการจ้างเป็นเท็จ หรือทำหน้าที่กรรมการเปิดซองสอบราคาทั้งที่ไม่มีหน้าที่ และทำรายงานผลการเปิดซองสอบราคาเป็นเท็จเพื่อเสนอให้จ้างเอกชนรายใดรายหนึ่ง ทำและรับรองฎีกาเบิกเงินค่าจ้าง ว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ถูกต้องแล้ว
ส่วนเอกชนที่เป็นผู้รับจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานครั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงก็พบว่ามีพฤติการณ์ ร่วมกับผู้มีอำนาจสั่งจ้าง กรรมการเปิดซองสอบราคา คณะกรรมการตรวจการจ้าง และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง กระทำการเพื่อให้ได้เป็นคู่สัญญารับจ้าง และตกลงร่วมกับผู้เสนอราคารายอื่น เพื่อให้ได้เป็นคู่สัญญาโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิด ดังนี้
1. นางสาวภัคภร เรขะกมลพร (ประไพศรี) เผ่าพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กองคลัง และรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และข้าราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ร่วมกระทำความผิด รวม 15 คน (ถึงแก่ความตายก่อน1๑ คน) มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและฐานจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) (4) ฐานใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด และกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 (ฐานความผิดดังกล่าวจะแตกต่างกันไปตามพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแต่ละราย) พร้อมทั้งให้แจ้งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อดำเนินการสอบสวนหาผู้รับผิดทางละเมิดด้วย
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด หุ้นส่วนผู้จัดการ และกรรมการบริษัท ผู้รับจ้างปรับปรุงซ่อมแซมสระน้ำ ถนน อาคารสถานที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ร่วมในการกระทำผิดอีก 19 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 (ฐานความผิดดังกล่าว จะแตกต่างกันไปตามพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแต่ละราย)
ส่วนบริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ร่วมกระทำผิดอีก 2 แห่ง ปรากฏว่าแห่งแรกเป็นบริษัทที่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการไปแล้ว จึงให้ยุติการไต่สวน สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดอีกแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าการกระทำของหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นการกระทำนอกกรอบวัตถุประสงค์ของห้างฯ ไม่มีผลผูกพันห้างฯ จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป