ThaiPublica > คอลัมน์ > ปีศาจพนันได้น้ำบำรุงกำลัง

ปีศาจพนันได้น้ำบำรุงกำลัง

23 เมษายน 2015


วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ถึงแม้การพนันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษยชาติ แต่ก็มิได้หมายความว่าเราควรยอมรับให้มันเป็นเรื่องธรรมดา การดำเนินชีวิตของมนุษย์ปกติก็มีความเสี่ยงอยู่แล้วตลอดเวลา เหตุใดถึงต้องเอาการพนันมาเพิ่มความเสี่ยงให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็น ความหายนะจากนิสัยรักการพนันของสมาชิกในครัวเรือนมีผลกระทบอย่างกว้างไกลต่อคนจำนวนมาก อย่างไรก็ดี สังคมไทยของเรากลับปล่อยให้มีสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนความวายวอดนี้อยู่เต็มไปหมด

มนุษย์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่เสมอ เช่น ออกไปนอกบ้าน ขับรถยนต์ เดินทางระหว่างจังหวัด ลงทุน รักษาโรคกับแพทย์ เดินป่า เล่นน้ำทะเล โดดร่ม ฯลฯ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วก็คือการพนันโดยไม่รู้ตัว กล่าวคือ “พนัน” ว่าเมื่อกระทำสิ่งข้างต้นแล้วจะประสบความสำเร็จไม่มีความตาย บาดเจ็บ หรือพิการ หรือสูญเสียเงิน ฯลฯ เกิดขึ้น เมื่อมองในแง่นี้ว่า “ชีวิตคือการเลือก” (เลือกกระทำสิ่งใด หรือไม่กระทำสิ่งนั้นๆ) แล้ว “การเลือกก็คือการพนัน” นั่นเอง

การเลือกคู่แล้วแต่งงานก็คือการพนันลักษณะหนึ่ง กล่าวคือพนันว่าเมื่อได้แต่งไปแล้วจะเกิดสิ่งดีงามกับชีวิตขึ้น บางครั้งได้เลือกคู่ที่คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะพบสิ่งดีงาม แต่แต่งงานได้ไม่นานคู่ชีวิตก็ตาย เช่นนี้ถือได้ว่าแพ้พนัน

การเลือกสาขาที่เรียนในระดับอุดมศึกษา การเลือกสถาบันที่จะศึกษา การได้รับจากสถานศึกษาสมความตั้งใจ ฯลฯ ล้วนแล้วเป็นการพนันอีกเช่นกัน การลงทุนในหุ้น ในกองทุน หรือร่วมหุ้นลงทุนกับเพื่อน ทั้งหมดก็เป็นการพนันทั้งสิ้น

การพนันคู่กับความเสี่ยง ดังนั้นจึงมีได้และสูญเสีย เมื่อชีวิตในทุกขณะจิตก็มีความเสี่ยงอยู่เป็นอันมากแล้ว มนุษย์จำนวนมากยังเล่นการพนันเสริมความเสี่ยงในชีวิตเข้าไปอีก ที่ร้ายแรงก็คือการติดการพนันงอมแงมดังที่ภาษาอังกฤษเรียกพฤติกรรมนี้ว่า compulsive gambling หรือ pathological gambling

ในแง่มุมของศาสตร์จิตวิทยา พฤติกรรมการพนันเป็นผลมาจากสภาวะความเจ็บป่วยทางจิต (mental disease) หรือเป็นผลพวงจากพยาธิสภาพ (pathology) หรือเป็นข้อบกพร่องบางประการในบุคลิกภาพ โดยพวกเขาไม่สามารถที่จะเลิกได้เพราะขาดความสามารถในการควบคุมตัวเอง

เอกสารให้ความรู้เรื่องการส่งเสริมชีวิตมั่นคงโดยปลอดจากอบายมุขของ สสส. (กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ระบุว่า Edmund Bergler นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง พบจากการศึกษาว่าพวกที่เล่นการพนันงอมแงมนั้นมีอาการทางประสาท (neurotic) กล่าวคือเป็นผู้มีความรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างอยู่ตลอดเวลาจนไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ พวกเขาจึงคิดว่าการพนันเท่านั้นที่สามารถช่วยชดเชยความรู้สึกนี้โดยหาความสุขอันเกิดจากความตื่นเต้น แต่มันก็เป็นภาพลวงตาซึ่งให้ความสุขในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้วก็ต้องวิ่งหามันอีกเพื่อบำบัดจิตล้มล้างความรู้สึกผิดอยู่ร่ำไป

งานศึกษาเรื่องการพนันของไทยหลายชิ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าคนไทยส่วนใหญ่เล่นหวยใต้ดิน (กว่า 24 ล้านคน) รองลงมาคือสลากกินแบ่งรัฐบาล (22 ล้านคน) หวยออมสิน (8 ล้านคน) การพนันในบ่อน หวย ธ.ก.ส. หวยหุ้น (แทงเลขท้ายของดัชนีตลาดหลักทรัพย์) การพนันฟุตบอล กีฬาพื้นบ้าน (ชนวัว ชนไก่) ปลากัด มวย มวยตู้ จับยี่กี หวยปิงปอง ม้าแข่ง การพนันอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นการพนันประมาณ 1.5-2 ล้านคน สิ่งที่คนไทยนิยมมากที่สุดคือหวย 5 ประเภท (สลากกินแบ่ง หวยบนดิน หวยใต้ดิน หวยออมสิน ธ.ก.ส.) รองลงมาคือทายพนันบอล

เนื่องจากงานวิจัยเหล่านี้มีอายุหลายปีแล้ว ข้อมูลจึงอาจไม่ทันสมัยสมควรแก่การนำมาอ้างอิงในรายละเอียด แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือยังเล่นการพนันกันเหนียวแน่น แต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงมากก็คือการพนันฟุตบอล ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับโลก โดยมีทางโน้มสู่การพนันทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น

การพนันที่มาแบบเนียนๆ ก็คือการชิงรางวัลจากการบริโภคเครื่องดื่ม ซึ่งก็คือการพนันเราดีๆ นี่เอง แจกทอง แจกรถยนต์ แจกโทรศัพท์มือถือกันเกือบทุกวัน (“คนอังกฤษดื่มชาเพื่อรสนิยม คนจีนดื่มชาเพื่อการผ่อนคลาย คนอินเดียดื่มชาเพื่อสุขภาพ คนไทยดื่มชาเพื่อฝา”) การกระทำเช่นนี้คือการสร้างบรรยากาศสนับสนุนการรักและงมงายในการพนันของสังคมไทยยิ่งขึ้น

นิตยสารกีฬาที่แนะนำให้แต้มต่อชี้แนะว่า ทีมฟุตบอล นักมวยใดเป็นต่อใคร ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็อีกลักษณะหนึ่งของการสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นคุณต่อเยาวชนไทยแม้แต่น้อย

งานศึกษาของไทยพบว่า การตกปลักการพนันนำไปสู่การลักเล็กขโมยน้อย การเสียคน เพื่อหาเงินมาเล่นพนันต่อ ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกไปสู่ความเสื่อมยิ่งขึ้น

งานวิจัยพบว่าคนไทยโดยทั่วไปเล่นหวยประเภทต่างๆ อย่างเมามันโดยเฉพาะในต่างจังหวัดและในกลุ่มที่มีการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย วันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนเป็นวันที่ผู้คนมีความขะมักเขม้นเป็นพิเศษเพราะเป็นวันแห่งความหวัง และกลายเป็นวันแห่งความผิดหวังซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่าของคนจำนวนมากของประเทศในตอนเย็น เงินที่สูญเสียไปนับเป็นหมื่นๆ ล้านบาท แต่ละงวดสามารถแปรเป็นเงินออม ลงทุน เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้าได้มากมาย

การออกสลากกินแบ่งรัฐบาล (พิจารณาชื่อให้ละเอียดแล้วดูแปลก) ตั้งแต่ พ.ศ. 2482 จนถึงปัจจุบัน เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าเป็นหนทางสนองตอบความต้องการเล่นการพนัน และความหวังของประชาชน อีกทั้งหารายได้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือเหตุใดจึงยอมให้นานาผู้ขายสินค้าและสื่อสร้างบรรยากาศหล่อหลอมให้คนไทยจมปลักอยู่กับการพนัน แค่ไม่โหมล้างสมองก็เล่นการพนันกันหนักอยู่แล้ว เมื่อสินค้าปนการพนันแนบเนียนมาเต็มจอโทรทัศน์ แล้วเยาวชนของชาติและชาวประชาชื่นชอบการพนันอยู่แล้วจะเหลืออะไร

ท่ามกลางงานที่หน่วยงานรัฐ เช่น สสส. และ NGO’s พยายามต่อสู้อบายมุขในระดับชุมชนด้วยสารพัดโครงการ เช่น สสส. ทำที่ป้อมพระกาฬ จันทบุรี ชุมชนโชคชัยร่วมมิตร น่าน ฯลฯ อย่างพอได้ผล กระแสโหมโฆษณาการพนันผ่านเครื่องดื่มก็ถาโถมเข้ามาลบล้างอย่างน่าเสียดาย

การเป็นนักพนันงอมแงมมีที่มาจากการบ่มเพาะให้รักฝักใฝ่การพนันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ปีศาจตัวนี้มีเชื้ออยู่แล้วตามธรรมชาติ เมื่อได้น้ำบำรุงกำลังก็เติบใหญ่ขึ้นทำลายตนเองและผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพนันทำให้สูญเสียทั้งทรัพย์และเวลา สองสิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์

หมายเหตุ :ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคาร 21 เมษายน 2558