ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา รวมถึงคดีถอดถอนอื่นๆ ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ซึ่งถูกชะลอไว้เพราะมีการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น เมื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ามาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อ 31 กรกฎาคม 2557 จึงได้พิจารณาเรื่องนี้ต่อ และได้ส่งสำนวนการถอดถอนกลับให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาใหม่ในการปรับแก้สำนวนให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการกรณีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามข้อบังคับของ สนช. ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเสียงข้างมาก มีมติส่งคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 64 ประกอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 6 วรรคสอง
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติเป็นหลักการเกี่ยวกับกรณีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น การถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 39 ราย รวมทั้งการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ด้วยว่า หากเป็นการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ก็อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนต่อไป จึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลในเรื่องดังกล่าว แล้วเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับคดีถอดถอนสำคัญที่รวบรวมได้เบื้องต้น ปัจจุบันยังค้างอยู่ในกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แก่
1) คดีถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนี้ 1. ฆาตกรรมประชาชน 2. แทรกแซงการใช้อำนาจขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม “กรณีการชันสูตรพลิกศพ” 3. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและระงับเหตุวางเพลิง “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์”
2) คดีถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับพวก ออกจากตำแหน่ง เนื่องจาก มีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย สืบเนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัด ปริมณฑล เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2553
3) คดีถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกจากตำแหน่ง ในการเห็นชอบผลการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่–บางซื่อ
4) คดีถอดถอนนางพรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการทุจริตในการระบายข้าว
5) คดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย
6) คดีถอดถอนและตรวจสอบการกระทำอันมิชอบของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จากกรณีกู้เงินสำหรับแผนบริหารจัดการน้ำตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท
7) คดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ กับพวก ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำการโดยทุจริต และใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดย 1. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2554 2. ไม่ได้กระทำการเปิดเผยราคากลางและรายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง 3. ดำเนินการต่างๆ เพื่อมิให้มีการแข่งขันราคากันอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคารายใดรายหนึ่งให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ
8) คดียื่นถอดถอนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐนนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยในงาน “เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย 2020” ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเนื้อหาสาระขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 โดยถูกเชื่อมโยงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลและนางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้บังคับบัญชา
9) คดีถอดถอนคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีมติให้สนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
10) คดีถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีกองทัพบกสั่งซื้อเรือเหาะที่มีราคาสูงกว่าความเป็นจริง
11) คดีถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายก-รัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีการทุจริตจัดซื้อยานเกราะ ล้อยางจากยูเครน
12) คดีถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีส่อว่าทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับวิกฤติน้ำมันปาล์ม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ โดยมีผู้ใกล้ชิดซึ่งเป็นเจ้าของสวนปาล์มและโรงหีบน้ำมันปาล์ม ซึ่งครองตลาดปาล์มถึง 80% ของประเทศ ได้ประโยชน์จากวิกฤติราคาน้ำมันปาล์มขาดแคลนอย่างมาก
ติดตามคดีคงค้างของบรรดาบุคคลสำคัญทางการเมืองที่ยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้ที่ “ป.ป.ช. เร่งสาง 13 คดี พัวพัน 6 อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญทางการเมือง คดีม็อบแดง-เหลือง ทุจริตข้าว-โรงพักตำรวจ “พระสุเทพ-พรทิวา-บุญทรง” ติดร่างแห”