พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.ก.เรียกแขก
มติการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้สามารถเลื่อนการเลือกตั้งได้
ชาวนาโวยเงินจำนำข้าว เตรียมรวมพลฟ้องนายกฯ
ลือหึ่ง ผบ.ทบ.ไม่ขอจับมือเฉลิม
แฉ สารวัตรโจ้มีครอบครัวแล้ว หลังเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอ เมย์ พิชญ์นาฏ แต่งงาน
ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 19-25 มกราคม 2557
เรื่องแรก จากการที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในช่วงกลางดึกคืนวันอังคารที่ 21 มกราคม 2257 และให้มีผลในวันรุ่งขึ้นคือวันพุธที่ 22 มกราคม 2557 เป็นเวลา 60 วัน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รัฐบาลให้เหตุผลการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นมีการคุกคามข้าราชการและบุกสถานที่ราชการ รวมไปถึงสร้างความเดือดร้อน สร้างข้อมูลเท็จทำให้เกิดความรุนแรง มติ ครม. จึงมีความเห็นชอบให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจะควบคุมสถานการณ์การชุมนุม และให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ดูแลรักษความสงบเรียบร้อย พร้อมกับ ร.ต.อ.เฉลิมย้ำว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมและเหตุการณ์จะไม่รุนแรงซ้ำรอยปี 2553
การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในครั้งนี้กลับถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านจากประชาชนชาวม็อบและไม่ได้เกรงกลัวหรือทำให้กระแสการชุมนุมเบาบางลง ผู้ชุมนุมกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น เหมือนเป็นการเรียกแขก โดยที่เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศอย่างวอลล์สตรีทเจอร์นัลยังได้มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การที่รัฐบาลไทยตัดสินใจประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนับเป็นความล้มเหลว เพราะผู้ชุมนุมยังคงนิ่งเฉยอีกทั้งเดินหน้าชุมนุมกันต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศบนเวทีปทุมวัน ถึงประกาศของศูนย์รักษาความสงบ ศรส. ที่ระบุห้ามใช้อาคาร ห้ามเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใดๆ รวมถึงการห้ามใช้ยานพาหนะและการห้ามใช้เส้นทางคมนาคมถนนต่างๆ 26 สาย ซึ่ง กปปส. ขอฝ่าฝืนทุกข้อและจะขอเดินขบวนให้ครบทั้ง 26 สาย อีกทั้งการแสดงตัวยืนยัน “คัดค้านการเลือกตั้ง” ที่ไม่ใช่ “ขัดขวางการเลือกตั้ง” โดยในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2557 จะมีการร่วมรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้ง ที่หน่วยเลือกตั้งทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร นำเวทีไปตั้งหน้าหน่วยเลือกตั้งทุกแห่ง เพื่อพูดให้เข้าใจ ไปตามสิทธิที่พึงมี
“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย่อมาจาก พวกเรารวมกันฉุกเฉิน ทีนี้เลยรวมตัวกันใหญเลย พี่น้องเอ๋ย มากกว่าเดิมอีกครับ ท่านรัฐบาล”
“จะใช้ พรก.ฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึก และอะไร ก็หยุดยั้งมวลมหาประชาชนไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่กลัวรัฐบาลชุดนี้ เขาต้องการทวงคืนสันติสุขให้ประเทศชาติ”
“การประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อปราบชาวนาที่ยังไม่ได้เงินจำนำข้าวหรือเปล่า เพราะรัฐบาลไม่มีเงินจ่ายเนื่องจากโกงเงินจำนำข้าวไปล่วงหน้าแล้ว”
“ถ้ารัฐบาลไม่ทุจริต คงไม่มีประชาชนมากมายออกมาหรอก เหมือนพวกที่ฆ่าข่มขืน ถ้าโดนจับเพราะไม่เลวจริง คงไม่มีใครลงประชาทัณฑ์หรอกนะ”
“พรก.ฉุกเฉิน ออกมาเพื่อ 3 ประเด็นคือ 1.กลบข่าวจำนำข้าว 2.ข่มขู่ไม่ให้ชาวนาเข้าร่วมชุมนุม 3.บีบทหารปฎิวัติเพื่ออ้างตัวเองเป็นประชาธิปไตยกลบเกลื่อนคดีต่างๆเหมือนสมัยทักษิณ”
“ไม่ไหวแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เราไม่ได้เป็นพวกไหนสีไหนและคิดเข้าข้างไหนแต่ตอนนี้เราเกลียดหมดทุกสีเลย ทำไมเราต้องแบ่งแยกล่ะครับ เราคนไทยอยู่ในผื่นแผ่นดินไทยเราต้องรักกันเราเคยเสียเอกราชมาแล้วกี่ครั้งเพราะคนไทยทะเหลาะกันเอง รัฐบาลทำอะไรก็น่าจะรู้ตัวดีสุเทพทำอะไรก็น่าจะรู้ตัวดี ผมขอให้ทั้งสองฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนพวกเราจริงๆนะครับ อย่าเสเสร้งเอาแต่ผลประโยชน์ ถ้าทั้งสองฝ่ายทำได้จริงประเทศไทยสงบสุขแน่ๆครับ มันนานเกินแล้วครับ”
เรื่องที่สอง ภายหลังการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 214 ให้วินิจฉัยการกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นใหม่ เนื่องจากตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ไม่ได้ เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นขัดขวาง ทำให้การจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนดเดิมไม่อาจดำเนินการให้บรรลุผลตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญได้ หรืออาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ความมั่นคงแห่งรัฐ หรือภัยพิบัติสาธารณะอันสำคัญ ก็สามารถกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ได้ จึงส่งผลให้มีมติเป็นเอกฉันท์ 8-0 ให้การเลื่อนการเลือกตั้งสามารถทำได้
โดยรายงานข่าวมีการนำเสนอว่า ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีความเห็นว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. ขึ้นใหม่เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายจะต้องร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะและความเสียหายร้ายแรงมิให้เกิดแก่ประเทศชาติหรือประชาชนด้วยความสุจริตและถือประโยชน์ของประเทศชาติและสันติสุขของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งวันเลือกตั้งใหม่ที่จะกำหนดขึ้นนั้นก็น่าจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 180 วัน นับแต่มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556
หลังมีมติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าสามารถเลื่อนวันเลือกตั้งนี้ออกไป ประชาชนต่างให้ความสนใจติดตามข่าวสารและแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยที่ทางด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ได้มีการเปิดเผยต่อสื่อว่า ทาง กกต. จะหารือกับรัฐบาลเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาการจัดการเลือกตั้ง และหากมีความเห็นที่ตรงกันเกี่ยวกับการเลื่อนวันเลือกตั้งก็จะกำหนดวันอีกครั้งหนึ่ง และหากรัฐบาลยังยืนยันจะจัดการเลือกตั้งให้ได้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบในจำนวนเงิน 3.8 พันล้านบาทเองด้วย
“ก็สงสัยเหมือนกันว่า การเลือกตั้งถ้าเลื่อนไปสักหน่อยมันจะเป็นอะไร หรือมีอะไรเร้าใจถึงพยายามกันนัก ถ้าจะปฏิรูปให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างน้อยก็มีการปฏิรูปกฏหมายเลือกตั้งให้รัดกุมกว่านี้ ที่จะไม่ให้มีการซื้อ-ขายเสียงกันอย่างโจ๋งครึ่ม ปฏิรูปนักการเมืองให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อประชาชนให้มากกว่านี้ ถามหน่อยมันไม่ดีตรงไหน แล้วใครไม่ชอบ ประชาชนทั่วไปแทบไม่มีผลเสียอะไรเลย นอกจากนักการเมืองเท่านั้น ที่ส่อเจตนาถึงการอยากเข้ามามีอำนาจโดยใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ”
“ท่าน กกต.ท่านมีหน้าที่ในจัดให้มีการเลือกตั้งตามกฏหมาย ท่านต้องรักษากฏหมายตามหน้าที่ เหตุการณ์วุ่นวายใดยังไม่ยังไม่เกิดหรือเกิดแล้วท่านต้องหลีกเลี่ยงหาทางแก้ไข ขอความช่วยเหลือจากองค์กรต่างได้ตามกฏหมาย คนไทยไม่ใช่มีแค่ม็อบที่กรุงเทพฯแต่มีอีกทั่วประเทศไทย”
“หากท่านนายกฯรักษาการไม่ยอมเลื่อน ท่านก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียวเต็มๆหากว่าเลือกตั้งแล้วมีเหตุรุนแรง หรือเลือกตั้งล้มเหลวเพราะได้จำนวนสส.ไม่พอ ไม่สามารถเปิดสภาได้”
“ทำไม ยิ่งลักษณ์ เธอไม่ออกจากตำเเหน่งนายกรัฐมนตรี…….???
เธอมักอ้างเสมอ เมื่อถูกนักข่าวถาม ดิฉันมาจากการเลือกตั้ง ต้องการรักษาประชาธิปไตย
เเต่เหตุผลจริงๆ!!! คืออะไร ที่เธอไม่ออก ทั้งที่ใจจริงอยากออก ใจจะขาด…….!!!!
1.นโยบายประชานิยม ที่ต้องถูกตรวจสอบ
2.ไม่มีเกราะป้องกันตัว หากข้าราชการที่ ถูกรังเเก รุมกินโต๊ะ เพราะกลั่นเเกล้งไว้ไม่ใช่น้อย
3.องค์กร อิสระที่เงื้อดาบ พร้อมฟันได้ทุกขณะ ถึงรัฐบาลจะเป็นรักษาการเเต่ก็ยังมีอำนาจ ใช้ให้ ข้าราชการ ทำตามคำสั่งได้ เเละยังสามารถโจมตี องค์กรอิสระ ปปช. ศาล รธน.
4.โครงการที่ถือว่า ฉ้อราชบังหลวงได้เป็นกอบเป็นกำที่สุด เรียกว่าโกง เเบบหน้าด้านๆ คือรับจำนำข้าวชาวนา ปปช.ตรวจสอบใกล้เข้าไป จนเเจ้งข้อกล่าวหา รมต.เเละพวกอีก15คน เเน่นอน เสียหาย 4.7เเสนล้าน ต้องมีข้าราชการมากกว่านี้ เเละเสี่ยเปียง มือขวาทักษิณ เเละนายกยิ่งลักษณ์ ก็โดนมาตรา 157 หมายถึง ติดคุก เเละยึดทรัพย์ทุกคน
5.ชาวนาที่ถือสัญญามา 4เดือน ยังไม่ได้เงินค่าข้าว เเละในคลังเงินก็หมด ต้องกู้จากต่างประเทศ มาจ่ายอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนี้ รัฐบาลก็ทำไม่ได้ ง่อยกิน ไม่มีจ่ายเเน่นอน จะเกิดอะไรขึ้น!!!
6.ปัญหาสุดท้าย ที่น่าหนักใจที่สุด ม็อบสุเทพ ซึ่งมีคนทุกกลุ่ม ชนชั้นนำของประเทศ อยู่ในม็อบนี้ทั้งหมด ต้องการ สภาประชาชน สางคอรัปชันของรัฐบาลชุดนี้ อันนี้น่ากลัวสุด เเละปฎิรูปที่จะเกิดขึ้น หมายถึง ทำหมั่น พรรคเพื่อไทย เเละพรรคที่ซื้อเสียงเข้ามา องค์อิสระที่จะเกิดขึ้นเเบบดอกเห็ด นักการเมืองอาจเป็นอาชีพที่ไม่มีใครอยากเข้ามาโกงอีกต่อไป
ทางออกสุดท้ายที่เหลือ วาร์ป!!! เท่านั้น เเต่จะเมื่อไหร่ หรืออาศัยช่วงชุลมุน ในการสร้างสถานการณ์ บางอย่างเพื่อ หนีไปต่างประเทศ ต้องจับตาดู เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สู้กับกองทัพประชาชน ไม่มีทางชนะ อดีตเเม้เเต่รัฐบาลสุจินดา ที่มีเหล่าทัพหนุน ก็ไม่อาจผ่าน ทัพประชาชนไปได้ เเต่สังคมเเละกองทัพ มีบทเรียน จะไม่เกิดเหตุการณ์เเบบนั้นอีกเเน่นอน”
“นักการเมืองทุกคนก็พูดว่ารักประเทศชาติบ้านเมืองจริงก็ต้องออกกฎหมายประหารชีวิตนักการเมืองที่คอร์รัปชันประเทศชาติไปเลยถ้าพวกคุณยังเป็นคนอยู่”
“จากที่ศาลตัดสิน ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ความหมายคือ ถ้าจะเลื่อนก็เลื่อนได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับคน 2 คนนี้ จะตกลงกันคือ นายกฯ กับ กกต. แต่ถ้า 2 คนนี้ ยังตกลงกันไม่ได้ ก็เท่ากับว่า วันที่ 2 ก.พ. 57 ก็ยังเป็นวันเลือกตั้งอยู่ดี เพราะนายกฯไม่ยอมเลื่อน ส่วน กกต.เห็นว่าควรจะเลื่อน ดังนั้น จึงต้องขัดแย้งกันต่อไป และวันเลือกตั้งก็ต้องตามกำหนดเดิม”
เรื่องที่สาม เมื่อกลุ่มชาวนาในพื้นที่หลายจังหวัดไม่พอใจรัฐบาลเรื่องการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว มีการรวมตัวกันบริเวณหน้าศาลาว่าการจังหวัดต่างๆ พร้อมทั้งประกาศเตรียมเคลื่อนพลเข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อฟ้องร้องรัฐบาล ให้จ่ายเงินจำนำข้าวพร้อมดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลผิดเงื่อนไข โดยเลื่อนการจ่ายเงินให้ชาวนาไม่ต่ำกว่า 6-7 ครั้ง และยังเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทั้งนี้ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลาง กลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย ได้มีการกล่าวต่อสื่อถึงโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ทั่วประเทศว่า มีจำนวนกว่า 11 ล้านตัน มูลค่ากว่า 157,000 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แจ้งไว้ว่าจะนำเงินงบประมาณบวกเงินจากการขายระบายข้าวมาจ่ายให้ชาวนาจำนวน 5.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่มียอดค้างจ่ายอีกกว่า 1.2 แสนล้านบาท
โดยที่ชาวนาได้ยื่น 4 ข้อเรียกร้อง คือ 1. ขอให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินค้าจ่ายทั้งหมด 2. ให้รัฐบาลรับผิดชอบดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงที่ไม่สามารถจ่ายเงินให้ชาวนาได้ 3. หากไม่สามารถจ่ายเงินได้ ขอให้รัฐบาลคืนข้าวเปลือกแก่ชาวนา นำข้าวไปขายแก่โรงสี พร้อมกับให้รัฐบาลจ่ายเงินส่วนต่างให้ครบตามราคาในใบประทวน และ 4. หากไม่สามารถทำได้ ชาวนาจะล่ารายชื่อทั่วประเทศเพื่อฟ้องร้องรัฐบาลในข้อหาฉ้อโกง รวมถึงความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทางด้านนายยรรยง พวงราช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังจากได้มีการร่วมหารือถึงแนวทางการกู้เงินกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงสื่อว่า รัฐบาลมีเป้าหมายการแก้ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวด้วยการจ่ายเงินให้ชาวนาตามที่ได้ค้างชำระชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการแล้วไม่ได้รับเงินประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ภายหลังจากที่มีหนังสือสอบถามเรื่องการกู้เงินไปยัง กกต. รัฐบาลยังคงรอหนังสือตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรจาก กกต. รวมทั้งกำลังเร่งดำเนินการและหาทางออกโดยแนวทางที่จะนำเงินมาชำระให้มี 4 ช่องทาง คือ การกู้ยืมเงิน การระบายข้าว การใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี และการขอสภาพคล่องของสถาบันการเงินมาใช้ โดยขอให้ ธ.ก.ส. มีส่วนดูแลชาวนาที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. อีก ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลส่งเงินในการระบายข้าวคืนให้กับ ธ.ก.ส. แล้ว 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าการระบายข้าวที่รัฐบาลอื่นเคยทำมาได้ในอดีต
“คำนิยาม จำนำ คือการ นำ ข้าวของเครื่องใช้ใดๆ นำไป เเลกเปลี่ยนเป็นเงินตราในสถานรับจำนำ หรือโรงจำนำ ในราคา ต่ำกว่าราคา ของข้าวของเครื่องใช้นั้นๆ โดยมีค่าตอบแทนคือดอกเบี้ย เป็นรายเดือนให้กับผู้ประกอบการรับจำนำ จนกว่าจะได้รับการไถ่ถอน ถือเป็นอันสิ้นสุด! จำนำข้าว ในราคา สูงขนาดนี้ ถามว่าชาวนา จะไปไถ่ถอนหรือไม่ คิดว่าไม่ แล้วจะเรียกว่าจำนำข้าวได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้มอมเมาประชาชนหรือไม่ เงินมากมายมหาศาลที่ทุ่มลงไปก่อให้เกิดเหตุประท้วงขับไล่ แล้วจะถามว่าทำไมถึงไล่ อีกไหม?”
“จริงๆ แล้วสิ่งที่เอาไปจำนำ ไม่ใช่ข้าว แต่เป็นคะแนนเสียง ข้าวแค่ยึดไว้เป็นหลักประกันเท่านั้นเอง จำไว้นะชาวนา ถ้าไม่กาให้ไม่ได้เงิน 2 กุมภา รู้นะว่าต้องเลือกใคร”
“เงินงบประมาณอันมหาสารที่ถูกใช้ไปจากนโบายต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ หายไปหมดแล้ว ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่เพียงพอเลย ใครคะที่ทำให้ประเทศเสียหายขนาดนี้”
“เป็นเพราะกฏแห่งกรรม ที่น่าเห็นใจสุดๆ ชาวไร่ชาวนาเลือกพรรคเพื่อไทย มาเป็นรัฐบาล เพราะนโยบายโครงการต่างๆ แต่แล้วก็ไม่ทำตาม ใจร้ายจริงๆ รัฐบาลชุดนี้”
“สู่ ๆ ๆ เด้อ พอแมพีน้องชาวอีสานของเฮา อย่าให้เขามาขี่ตั๊วไดอีกเด้อ จำเป็นบทเฮียนสิไดบ่หลงเซือมันอีก เฮาก็กินเข่าคือกันกับมันแมนบ่ เว่าแมนบ่ข่อยเว่าแมนบ่ๆๆๆ”
“ชวนชาวนามา กรุงเทพฯ ดีกว่า ชวนกันมาซัก 2 ล้านคน เรื่องจบเร็วแน่ รัฐบาลไม่มีเงินหรอก เขาโกงกันไปแล้วมหาศาล ตอนนี้มีทางเดียว ยึดทรัพย์ นักการเมืองมาชดใช้”
เรื่องที่สี่ เป็นที่พูดถึงกันมากในโลกออนไลน์ เรื่องการปฏิเสธการจับมือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ตามรายงานข่าวเล่าว่า ภายหลังจาก ร.ต.อ.เฉลิมได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเรียบร้อย ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ (กบ.ทอ.) และเดินไปเข้าร่วมประชุม ครม. ต่อ ได้สวนกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เพิ่งเสร็จภารกิจจากการเข้าร่วมประชุมสภากลาโหม
ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินเข้าไปทักทายและยกมือไหว้ พร้อมจะยื่นมือไปจับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ภาพที่ปรากฏให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์เห็นกลับเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยืนมือมาจับด้วย แต่กลับเอามือไขว้หลังไว้ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมต้องแก้เขินด้วยการทำท่าทางชกท้องของพล.อ.ประยุทธ์เบาๆ โดยที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ก็มีสีหน้าที่เคร่งเครียด จนเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานที่เชื่อได้ 100% เพราะนักข่าวบางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เล่าว่าไม่ได้เห็นภาพที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยื่นมือออกไปจับ หรืออาจเป็นการมองพลาดก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างไรก็ตาม สีหน้าความตึงเครียดของ ผบ.ทบ. ที่เดินออกมาก็ทำให้หลายฝ่ายต่างคาดเดากันไปแล้ว
“ท่านประยุทธ ท่านเป็น ทหารหาญของพระราชา และ ประชาชน ท่านต้องหนักแน่น เพื่อพระราชา และประชาชน ท่านต้องไม่ทำร้าย เข่นฆ่า ประชาชนนะ อย่าทำให้เราผิดหวังนะท่าน”
“ถ้าจริงก็ถือว่าเสียหน้ามาก และ เขาไม่ให้ราคาเลย งานนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหน และเป็นการแสดงออกเลย ว่าไม่ร่วมงานด้วย”
“ท่าน ผบ.ทบ.ทำดีและถูกต้องแล้วครับอย่าไปจับให้มันเสียมือเลยท่านวางตัวเป็นกลางๆอย่างนี้ดีครับพวกเราจะเป็นกำลังใจให้ท่านตลอดไป”
“ทหารต้องรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ไปอ่อนข้อให้กับคนที่เขาจะล้มระบอบประชาธิปไตย ไม่อย่างนั้นแล้วจะมีทหารไว้ทำไม”
“จงทำในสิ่งที่ชอบธรรมและคุณธรรมเถิด ท่านอาจได้รับความเอื้อเฟื้อจากระบอบทักษิณในเรื่องหน้าที่การงาน แต่สิ่งทีขาดคุณธรรม ไม่จีรังยั่งยืนและเป็นสง่า ท่านตัดใจทำตนให้เป็นสง่าของชาติเถิดครับ”
“เสียดายไม่เห็นคลิปและภาพชัดๆ”
เรื่องที่ห้า ตกเป็นข่าวครึกโครมกับการขอแต่งงานสายฟ้าแลบแบบหรูหราอลังการของนักแสดงสาวสวยมากความสามารถ เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร ที่แฟนหนุ่มคนปัจจุบัน สารวัตรโจ้ พ.ต.ต.ธิติสรรค์ อุทธนพล ที่กำลังคบกันได้ประมาณ 2 เดือน จัดงานเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน โดยมีเพื่อนสาวของสาวเมย์ซึ่งนำทีมโดยสาวอั้ม พัชราภา และ หนิง ปณิตา ร่วมวางแผนขอแต่งงานแบบสุดโรแมนติก แต่แล้วหลังจากการขอแต่งงานแบบฟ้าแลบผ่านไปแค่ข้ามคืน ก็มีข่าวฉาวตามมา ด้วยการขุดคุ้ยประวัติของฝ่ายชาย สารวัตรโจ้ ที่เคยแต่งงานมีครอบครัวแล้วกับไฮโซตระกูลดัง พร้อมมีทายาทที่เป็นพยานรักวัย 4 ปี ทั้งยังมีภาพของนักศึกษาอีกคนที่คบกันในช่วงเวลาใกล้เคียงกันอีกด้วย
จึงเป็นเรื่องให้สารวัตรโจ้ต้องออกโรงชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชนที่มารอฟังคำแถลงจากปาก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอโอกาสที่จะคบกับสาวเมย์ ซึ่งสารวัตรโจ้ได้ยอมรับว่าเคยแต่งงานมีภรรยาและลูกแล้วจริง แต่เลิกกันได้ 2 ปีแล้วโดยที่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายก็รับทราบ ทั้งยังวอนให้เห็นใจอย่าขุดคุ้ยเพราะสงสารลูก สำหรับสาวนักศึกษาที่มีภาพตามมา ก็ยอมรับว่าคบกันจริง แต่หลังจากที่เลิกกับภรรยา สำหรับกับสาวเมย์ก็รู้จักกันมา 8 เดือนกว่า แต่พอสาวเมย์เลิกกับแฟน ถึงได้เดินหน้าจีบทันที
ทางด้านสาวเมย์ พิชญ์นาฏ ไม่ได้มีการออกมาพูดอะไรกับสื่อ จนสื่อต้องคอยสอบถามเรื่อราวจาก 2 เพื่อนซี้ สาวอั้ม พัชราภา และหนิง ปณิตา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน และคอยตามเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางอินสตาแกรม โดยล่าสุดสื่อรายงานภาพจากอินสตาแกรมที่สาวเมย์ออกไปทานข้าวกันแก๊งเพื่อนสาวแบบไร้เงาสารวัตรโจ้ พร้อมทั้งที่นิ้วนางข้างซ้ายก็ไม่ได้มีแหวนเพชรแต่อย่างใด ขณะที่อินสตาแกรมของหนุ่มปาล์ม ฐณส หงสนันทน์ อดีตคนรักเก่า ก็ได้โพสต์ภาพตนเองกับสุนัขตัวโปรดพร้อมใช้เพลง “Marry You” ของศิลปิน “Bruno Mars” ประกอบเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างกับสาวเมย์ เพราะเนื้อหาของเพลงพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่อ้อนวอนแฟนสาวว่าที่ผ่านมาตนเองอาจจะทำอะไรผิดพลาดลงไป แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าห้วงเวลาที่ผ่านมานั้นมันมีความหมายและสวยงามเพียงใด อยากจะแต่งงานกับเธอ โปรดตอบตกลงอย่าได้ปฏิเสธเลย จนทำให้แฟนคลับได้แอบมีกำลังใจ ตามลุ้นการรีเทิร์นของคู่นี้อีกครั้งด้วย
“ผู้ชายสมัยนี้ทำอะไร นึกถึงแต่ตัวเอง น่าสงสารผู้หญิงทุกคนของเขา อีกทั้งเมย์อาจไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ดูจากภาพวันขอแต่งงานก็ไม่ได้ซาบซึ้งใจ เหมือนหญิงสาวคนอื่นที่ถูกคนรักขอแต่งงานเลยด้วยซ้ำ อย่างว่ารู้จักกันได้ไม่นานเลย”
“ถ้าแยกทางกับภรรยาเก่าแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องรอดูกันต่อไป”
“เดี๋ยวก็คงเงียบไปกับสายลม เหมือนกรณีสุ่ย พรนภา ที่เมียหลวงโดนปิดปากอย่างรวดเร็ว หลังออกมาแฉสามีของเธอและสุ่ยผ่านโลกโซเชี่ยลได้ไม่นาน แต่กรณีเมย์ น่าจะแซ่บกว่าเยอะ”
“ยังอยู่ในระยะ 7 วันอันตราย ถ้าของมีตำหนิ งานประกอบไม่ดี ผมว่าทำเรื่องเคลมส่งของคืนต้นสังกัดได้เลยครับ”
“ทำไมสังคมต้องมอง ต้องว่าฝ่ายหญิงว่าไปแย่งเขา จริงๆ แล้วผู้ชายนั้นแหละ โกหก ปิดบัง หลอกลวงสารพัด”
“ที่จริงไม่อยากเม้นอะไรเรื่องความรักดารา น่าเบื่อ แต่พอดีได้ดูน้องที่ชื่อไหมออกรายการ รู้สึกสงสารในสิ่งที่เกิดขึ้น น้องพูดจาน่ารักดี เชื่อว่าที่พูดคงไม่โกหก ไม่ใช่ผู้กญิงต่ำต้อยอะไรที่จะต้องถูกกระทำเช่นนี้ อยากให้คุณเมย์ลองดูแล้วประมวลภาพ ว่าผู้ชายคนนี้ทำเหมาะสมไหม ช่วงเวลาสองเดือนที่หายไปจากไหม โดยบอกให้ผู้หญิงรอก่อน อาจเป็นช่วงที่เอาเวลานั้นมาสานสัมพันกับเมย์รึเปล่า แล้วก็ตัดสินใจเลือกมัดมือชกผู้หญิงใหม่โดยขอแต่งงานสายฟ้าแลบ จึงบอกเลิกคนเก่าที่ให้เฝ้ารอ ที่จริงน้องเค้ายังพูดอีกหลายเรื่อง ดูแล้วก็น่าสงสาร พูดจาซื่อๆดี ไม่ดัดจริตอะไร เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้น้องไหม รักษาความเป็นลูกผู้หญิงให้มากขึ้น เมื่อโตขึ้นแล้วย้อนกลับมา จะได้ไม่ต้องเสียดายการกระทำของตัวเอง”