ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – April Fool’s Day!! และ อากาศที่ร้อนจัด กับการประหยัดพลังงานไฟฟ้า

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – April Fool’s Day!! และ อากาศที่ร้อนจัด กับการประหยัดพลังงานไฟฟ้า

6 เมษายน 2013


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 30 มี.ค.–6 เม.ย. 2556

เรื่องแรก ต้อนรับเดือนที่มีวันหยุดยาวและวันสำคัญ คือ วันขึ้นปีใหม่ของไทย ด้วยการเริ่มต้นวันจันทร์ที่ 1 เมษายน กับแสงแดดจ้า และความร้อนทะลุปรอท อีกทั้งยังเป็นวัน April Fool’s Day!! ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี ซึ่งเชื่อกันว่ามีที่มาจากฝรั่งเศสในสมัยที่เทคโนโลยีต่างๆ ยังไม่ทันสมัย ข่าวสารยังไม่สามารถกระจายไปได้อย่างรวดเร็ว โดยสมัยนั้น วันที่ 1 เมษายน ถือว่าเป็นวันฉลองปีใหม่ แต่ทางการมีการเปลี่ยนให้เป็นวันที่ 1 มกราคม ชาวบ้านที่อยู่ไกลยังไม่ทราบข่าวคราว จึงยังจัดฉลองวันขึ้นปีใหม่ในวันดังกล่าวอยู่ อีกทั้งบางคนเมื่อได้ยินเรื่องการเปลี่ยนวันแล้วกลับบอกว่าไม่เชื่อ จนทำให้ถูกมองว่าเป็นพวกล้าหลัง ตกยุค และยังพยายามหลอกล้อคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนาน

จึงทำให้แต่นั้นมา วันที่ 1 เมษายน กลายเป็นวันที่คนแกล้งหลอกกัน ด้วยการแต่งเรื่องมาหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อก็ได้ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย โดยจะไม่มีผู้ใดโกรธเพราะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ แต่ทั้งนี้ เรื่องที่เอามาหลอกจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนหรือได้รับบาดเจ็บ

ภาพประกอบ ที่มาภาพ httpnews.voicetv.co.ththailand35364.html

โดยในวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา คนดังชาวโซเชียลมีเดียก็ได้มีการแต่งเรื่องโกหกขึ้นหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม เช่นกัน เรามาดูกันว่า ใครแต่งเรื่องโกหกกันว่าอะไรกันบ้าง

เริ่มต้นที่เรื่องโกหกทางการเมือง เมื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่าOak Panthongtae Shinawatra ตามกระแส April Fool’s Day โดยมีข้อความว่า

“ข่าวด่วน! “ทักษิณ” กลับเมืองไทยเรียบร้อยแล้วครับพี่น้อง! ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา หากใครได้ดูพวกเวปสลิ่มทั้งหลาย จะเห็นว่าพร้อมใจปล่อยข่าวกันวุ่นวายว่าคุณพ่อผมรถคว่ำตายที่ดูไบ ถ้าจะเล่นแรงกันแบบนี้ คุณพ่อผมก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้วครับ คราวที่แล้วคุณพ่อออกทีวีช่อง11 นำกล่าวถวายพระพรไปทีนึง สลิ่มทำท่าจะอกแตกตายกันเป็นแถวๆ อยากปล่อยข่าวกันดีนัก

คราวนี้คุณพ่อผมมาโชว์ตัวเป็นๆให้เห็นจะจะกันไปเลยดีกว่าครับ คุณพ่อผม ได้บินออกจากดูไบตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ เที่ยวบิน EK374 ขณะนี้ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก้มลงกราบแผ่นดินไทยเรียบร้อย กำลังจะเดินทางไปเชียงใหม่ครับ ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน แบบนี้ อยากปล่อยข่าวกันดีนัก เล่นไม่รู้จักเล่น คุณพ่อฝากบอกมาว่า ถ้ายังเล่นกันแรงแบบนี้อีก ไปเชียงใหม่คราวนี้อาจมีเซอไพร์สกลับมติพรรคซะเลย ไม่เอาอาแดง (นางเยาวภา วงศสวัสดิ์) ลงสมัคร สส.แล้ว เปลี่ยนคนเลยดีกว่า สลิ่มทั้งหลาย หยิบปากกาจดไว้เลยครับ 1 เม.ย. 2556 ผู้สมัคร สส. จังหวัดเชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทยชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครับนอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ทวิตเตอร์ชื่อ Thaksin Shinawatra ซึ่งระบุว่าเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีความเคลื่อนไหวอัพเดท หลังจากที่หยุดอัพเดทไปเป็นปี โดยระบุว่าชี้แจงว่า “มีข่าวว่าผมประสพอุบัติเหตุที่ดูไบอาจถึงตาย หลังจากนั้นก็มีคนเสื้อแดงและผู้ที่เป็นห่วงโทรมาอีกมาก ก็เลยขออนุญาตทวีทบอกว่าสบายดี”

มาทางด้านวงการบันเทิงไทย ก็มีคนดังเล่นตามกระแส April Fool’s Day นี้เช่นกัน จนผู้รับข่าวสาร บ้างคนถึงกับตกใจ แต่ก็ต้องตั้งสติระลึกไว้ว่า นี่คือวันโกหก และคงไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการเล่นไปตามกระแส ซึ่งนักแสดงสาวของไทย 2 คน ก็แต่งเรื่องช็อควงการได้เกือบแนบเนียนมากๆ

เรามาเริ่มที่นางเอกสาวทางช่อง 7 สี แตงโม ภัทรธิดา ที่โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัวในทำนองว่าเธอตั้งครรภ์และไม่มีพ่อของลูก แต่เธอก็ภูมิใจ เพราะเธอมีความตั้งใจที่อยากจะมีลูก และไม่ได้สนว่าจะต้องมีพ่อของลูกหรือไม่

เรื่องนี้ถือว่าแตงโมเธอทำได้แนบเนียนมาก เพราะมีข้อความคอมเมนท์มากมาย ทั้งให้กำลังจะสอบถามเพื่อความแน่ใจ แม้จะแอบคิดไว้ในใจอยู่แล้วว่าเธอต้องโกหกแน่ๆ แต่ก็ยังแอบลุ้นคำตอบ และแตงโมเธอก็เล่นตามกฏของการโกหก คือต้องเฉลยก่อนข้ามวัน ด้วยการมายอมรับว่าทั้งหมดที่เธอโพสต์เป็นเรื่องโกหก และยังฝากข้อความไว้ด้วยว่า เชิญด่าได้เลย……

นอกจากแตงโมแล้ว ยังมีดาราสาวอีกหนึ่งคน คือ กัสจัง ที่โพสต์เรื่องโกหก พร้อมรูปแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายว่า เธอกำลังจะหมั้นกับแฟนหนุ่ม โดม-ปกรณ์ ลัม ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ พร้อมเชิญสื่อมวลชนและเพื่อน รวมทั้งญาติผู้ใหญ่มาร่วมแสดงความยินดี

แต่สำหรับกรณีนี้ กัสจังทำได้ไม่แนบเนียนพอ เพราะเธอลืมเตี๊ยมกับพี่โดม ซึ้งพี่โดมก็โพสต์ข้อความกลับมาว่า “ไม่จริงครับ“ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อเข้ามาโพสต์ข้อความแสดงความยินดีและข้อความเชิงต่อว่าต่อขาน จนสาวกัสจังต้องรีบเฉลยและลบรูปภาพแหวนนิ้วนางออกโดยด่วน

กระแส April Fool’s Day เป็นวัฒนธรรมของโลกตะวันตก แต่สำหรับชาวไทยนั้นยังถือว่าใหม่มาก และยิ่งเป็นเมืองของชาวพุทธ เพราะว่าการเล่นแบบนี้ดูขัดกับศีลในข้อ 4 ทำให้ใครบางคนยังรับไม่ได้และไม่ชินกับประเพณีเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้จะเป็นวันที่ทั่วโลกให้ความสนใจว่าเป็นวัน April Fool’s Day แต่วันที่ 1 เมษายน ยังเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของคนไทย คือ “วันเลิกทาส” ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงออก “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124” ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448 เป็นต้นมา

“เดือนเมษายน คือเดือนแห่งความสุขที่สุดของคนไทยทุกคนค่ะ”

“โดนโกหกทุกวัน จนชินซะแล้วนะซิ วันนี้เลยดูธรรมดาไปเลย”

“คนทั่วโลกเค้าโกหกหลอกกันวันเดียว แค่วันที่ 1 เมษายน แต่ตระกูล ชินวัตร โกหกหลอกลวงคนไทยทุกวัน ไม่มีวันหยุด”

“เปิดใจให้กว้าง อย่าไปว่าใครเขาเลย เขาก็อยากเล่นตามกระแส ยังไงก็เป็นการฝึกสติเราทุกคนนะ”

“ทำไมดาราชอบสร้างกระแส หรือเอาอย่างในสิ่งไม่ดี สังเกตุดูดาราที่ดีๆ เค้าเลือกที่จะแสดงในสิ่งที่ควรอย่างเหมาะสม เพราะนั่นคือ “กึ๋น” ที่บ่งบอกตัวตนของตัวเอง”

“เรื่องของคนจริงจังในประเทศที่ไม่รู้ว่าการเล่นมีเพื่ออะไรและการจริงจังมีเพื่ออะไร ทั้งโลกเขารู้ว่าเป็นเรื่องเล่นที่ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรแก่ใคร ยังอุตส่าห์มาตั้งประเด็นว่าควรหรือไม่ควร”

“แฟนฝรั่งชวนเข้าวัดทำบุญเกือบทุกวันสำคัญทางศาสนาของไทย เค้าบอกเราว่าชอบและรู้สึกดีที่ได้ทำ เราก็อธิบายว่าวันอะไรคืออะไร และเป็นวันสำคัญอย่างไร เค้าจะสนใจมาก ส่วนใครที่สนใจวันของฝรั่งเราว่าก็ไม่ผิดนะถ้าชอบ ก็คงแค่ล้อเล่นกันสนุกๆ เพราะทุกคนชอบต่างกัน แต่อยากจะให้รักและเข้าใจทุกวันสำคัญของไทยเราให้เยอะๆ ต่อไปคนรุ่นหลังจะได้รักและให้ความสำคัญกับวันสำคัญของไทยมากกว่าวันอื่นๆ ของต่างชาตินะค่ะ”

เรื่องที่สอง ในสัปดาห์นี้ มีคลิปภาพยนตร์โฆษณาที่เกี่ยวกับการเมืองและเคยเผยแพร่แล้วไปแล้วกลับมาดังในโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากมีข่าวการร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เกิดขึ้น โดยคลิปนี้เป็นคลิปจากภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน ชื่อชุดว่า “ต่อต้านคอร์รัปชัน” มีความยาวประมาณ 1.45 นาที

สำหรับโฆษณาชุดนี้ มีเนื้อหาที่เสียดสีการเมือง และรวบรวมเรื่องราวความล้มเหลวที่เกิดจากการทุจริตของข้าราชการ นักการเมือง และการคอร์รัปชัน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม รายข่าวยังได้บอกไว้อีกว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่คนในสังคมออนไลน์ได้เคยพูดถึงอย่างมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในปี 2553 ที่ผ่านมา

ที่มาภาพ : http://www.talkystory.comp=53560
ที่มาภาพ: http://www.talkystory.comp=53560

“โทษของการคอรัปชั่น ต้องกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โทษที่อุทธรณ์ และลดหย่อนไม่ได้”

“คอร์รัปชั่นกำลังกัดกินบ้านผม ช่วยเกาะติด อย่าให้ลุกลามมากไปกว่านี้นะครับด้วยครับ”

“จะลงคลิปสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนนิสัยนักการเมืองไทยได้ ขอสนับสนุนให้นักการเมืองไทยสู่ความ ”โกงชาติ” ระดับโลกเลย”

“รัฐบาล กู้ 2 ล้าน ล้าน + ดอกเบี้ย ชาวบ้าน แดง เหลือง ขาว ทั้งประเทศ จะต้องทนให้กู้ มาโกงกิน 50 ปี ถึง 100 ปี แล้วทำไมต้องแก้กฏหมายละ คิดเอาแล้วกัน มีกฏห้ามคอยกดไม่ให้โกงกิน ทำไมต้องตัดสิทธิเสรีการนำเรื่องไปฟ้องศาล รัฐธรรมนูญ อำนาจอะไรที่มีอยู่แล้วไม่ต้องแก้ไข คนไม่โกง ไม่ทำผิด ไม่ต้องทำแก้ไขโน่นนูนี่นั้นหรอก”

“การรณรงค์ต้านคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่ดีครับ ขออย่างเดียวอย่าเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายไหนแค่นั้นเอง ผมเต็มใจมากที่ฝ่ายค้านจะสวมบทโหดกัดไม่ปล่อยถ้า รัฐบาลนี้ทุจริต แต่ไม่เต็มใจและออกแนวเกลียดถ้าฝ่ายค้านสวมบทนางอิจฉา ค้านทุกเรื่อง ก็ไม่ไหวนะครับ”

“ตราบใดที่ประชาชนคนไทย ไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน “ต่อต้านคอรัปชั่น โกงกินชาติ” ความเป็นอยู่ของพวกเราก็จะลำบากกันอยู่แบบนี้ ช่วยกันหยุดเถอะพวกเรา ต่อไปพวกเราต้องกระตือรือล้นกับการตรวจสอบการทำงานของ นักการเมืองให้มากขึ้น มากขึ้น เห็นสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง พวกเราต้องร่วมกันต่อต้าน ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเองและลูกหลานของเราในภายภาคหน้า”

เรื่องที่สาม เป็นอีกหนึ่งคลิปที่มาแรงในรอบสัปดาห์นี้ กับคลิปที่มีชื่อว่า “Enjoy these amazing impressions of Thailand” ซึ่งมาจากเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า AmazingThailand.ch เพื่อเป็นการโฆษณาเชิญชวนให้มาเที่ยวเมืองไทย

เนื้อเรื่องเล่าถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่ง ที่เดินทางมาประเทศไทยและตกตะลึงกับความอัศจรรย์และความงดงามของธรรมชาติในประเทศไทย ความเป็นอยู่ อีกทั้งรอยยิ้มที่งดงามของคนไทย โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 3 นาที ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนส่วนมากชื่นชอบในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้เพราะได้เห็นภาพธรรมชาติที่งดงามของเมืองไทย อีกทั้งความน่ารักขี้เล่นของนักแสดงชาวต่างชาติ สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมคลิปอยากออกไปท่องเที่ยวเมืองไทยทันที ยิ่งเดือนนี้เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว ยิ่งสร้างความรู้สึกอยากท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

ที่มาภาพ : http://guru.truelife.comcontent2344139
ที่มาภาพ: http://guru.truelife.comcontent2344139

“ขอตบมือดังๆ ให้คนที่ทำโฆษณานี้ สวยและดีมากๆ เป็นวิถีชีวิตของคนไทยจริงๆ”

“แอบอิจฉาฝรั่งคนนี้ ไปมาจะหมดเลย เป็นคนไทยเองแท้ๆ ยังเที่ยวอยู่ไม่กี่ที่เอง”

“ชอบ คือ ความฝันอยากเที่ยวให้ทั่วให้หมดเมื่องไทยเนี้ย ไม่อยากไปเต่างประเทศซักนิด แค่เมื่องไทยก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเทียวได้หมดไหม ”

“ภูมิใจที่เห็นชาวต่างชาติรักเมืองทย”

“ตอนนี้อยู่ลิเบียครับ ดูโฆษณานี้ผ่านช่อง TGN (ช่อง5) ทุกวัน เพื่อนๆต่างชาติเวลามันเห็นโฆษณานี้ชอบถามผม This Thailand ผมปลื้มทุกครั้งที่ได้ตอบว่า Yes sure ., This is my home,”

“เป็นโฆษณาการท่องเที่ยว ที่เยี่ยมที่สุด เจ๋งกว่าทุกๆ อัน 3นาที พาเที่ยวครบทุกภาคเลย อเมซิ่งไทยแลนด์มากๆ แล้ววันนี้คุณออกไปกอดเมืองไทยหรือยังครับ”

เรื่องที่สี่ อากาศร้อนจัดในช่วงนี้ส่งผลต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีการ “บ่น” กันมากบนหน้าเฟซบุ๊กและทิตเตอร์ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แม้จะมีการพูดถึงความร้อนที่สูงและแทบจะทนไม่ได้ขนาดไหน แต่นับวันความร้อนของสภาพอากาศของโลกก็ไม่ได้ลดน้อยลง แต่กลับจะร้อนเพิ่มขึ้นไปตามกาลเวลา

ล่าสุด เว็บไซต์ไคลเมทนิวส์เน็ตเวิร์ก มีการรายงานงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ของคณะวิจัยที่นำทีมโดย ดร.เจเรมี แครูว์ รี้ด ที่ระบุว่าอีก 40 ปีข้างหน้า โลกจะเผชิญกับภาวะโลกร้อนแบบเต็มรูปแบบ อุณหภูมิอากาศอาจจะร้อนขึ้นกว่านี้อีก 4-6 องศาเซลเซียส และประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแบบเต็มรูปแบบในอนาคตคือประเทศที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำและแหล่งเกษตรกรรมอย่างประเทศไทย ลาว กัมพูชา โดยอุณหภูมิจะร้อนขึ้นมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งผลกระทบนั้น นอกจากประชาชนจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ฝนที่ตกมากขึ้น และฤดูแล้งที่ยาวนาน ภาวะโลกร้อนก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพืชผลทางการเกษตร ซึ่งทั้งหมดส่งผลไปยังระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตัวการหลักที่สำคัญที่ทำลายโลกและเพิ่มอุณภูมิความร้อนก็คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศของโลก ที่เป็นเกราะป้องกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ จนทำให้ชั้นบรรยากาศบางลง จึงทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้งได้ และมีวี่แววว่าโลกจะร้อนขึ้นไปเรื่อยอีก

ที่มาภาพ : http://www.vcharkarn.comvarticle40761
ที่มาภาพ : http://www.vcharkarn.comvarticle40761

นอกจากสถานการณ์ความร้อนที่ทุกคนต้องพบเจอ การหลีกเลี่ยงอุณหภูมิความร้อนจากภายนอกก็คือการที่ประชาชนเลือกอยู่แต่ภายในบริเวณบ้านหรือที่พักอาศัย และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความร้อน ซึ่งแน่นอนว่า ก็ส่งผลให้ยอดค่าใช้ไฟฟ้าของคนในประเทศสำหรับเดือนเมษายนพุ่งสูงที่สุดของทุกปี

แต่ปีนี้ดูเหมือนคนในประเทศไทยจะได้รับข่าวคราวที่ไม่มีทางใดจะช่วยบรรเทาความร้อนไปได้เลย เมื่อทางการผลิตก๊าซฯ ของพม่า ในแหล่งยาดานา จะต้องหยุดซ่อมยาว ส่งผลให้ต้องหยุดจ่ายก๊าซฯ มายังประเทศไทยในระหว่างวันที่ 5-14 เมษายน 2556 นี้ด้วย อีกทั้งยังมีข่าวแจ้งว่า มีการประเมินพบว่าวันที่ 5 เมษายน จะเป็นวันที่เสี่ยงต่อไฟตกมากสุด เนื่องจากพบกำลังสำรองไฟฟ้าพร้อมใช้ (Hot Standby) ต่ำสุดเพียง 760 เมกะวัตต์

แต่อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท. ได้มีการออกมาแจ้งเกี่ยวกับแผนการรองรับสำหรับกรณดังกล่าวีแล้ว ซึ่งก็จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ถึงกระนั้น ช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงที่รัฐบาลออกมาขอความร่วมมือให้คนไทยช่วยกันประหยัดและลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลง เพื่อจะได้มีปริมาณไฟฟ้าใช้อย่างพอเพียงและทั่วถึงในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

“พม่าและลาว คือผู้กำหนดลมหายใจเมืองไทย พึ่งก๊าซพม่าผลิตไฟฟ้า ไฟฟ้าสำรองพึ่งลาว ต่อไปอำนาจต่อรองของไทยกับประเทศนี้จะลดน้อยถอยลง เพราะเขาถือว่าเราต้องพึ่งเขา ส่วนไทยก็เดินหน้าใช้ไฟฟ้าชนิดที่ว่าเรื่องการประหยัดพลังงานไม่ใช่ประเด็นความมั่นคงของชาติ”

“ประเทศไทยเอง มีแหล่งกาซ แหล่งน้ำมัน ขุดเจาะขายส่งออก ทุกเดือนมากมาย แต่กลับกลายเป็นว่า บัดนี้กำลังจะไม่มีไฟใช้ เพียงพอ นี่มันเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออกจริง ๆ”

“เรื่องนี้ ต้องมีนัยยะ อะไรแอบแฝงแน่นอน เพราะแค่ลำพังตัวเลขศักยภาพการผลิตไฟฟ้าในไทยเอง ไม่ต้องตื่นเต้นกับปัญหาบ่อแก๊ส บางทีพวกการไฟฟ้าอยากขึ้นโบนัสตัวเองให้ได้ปีละ 3 แสนก็เป็นได้ คนไทยที่มีฐานะไม่ตื่นเต้นอะไรอยู่แล้วกับการขึ้นค่าไฟ ยินดีที่จะจ่ายขอให้จ่ายไฟมาเลี้ยงเครื่องแอร์ คนจนในไทยไม่มีสิทธิ์บ่นอยู่แล้ว ก็ทนอยู่ไปจนกว่าจะตายพ้นไปนั่นแหละ ตอนนี้จับตาเรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงก์ อยู่ว่าจะเกี่ยวโยงมั้ย เรื่องขึ้นค่าแก๊สในประเทศ ก็น่านำมาพิจารณา”

“รู้แต่ว่าอย่าเปิดแอร์ เปิดพัดลมแทน ยิ่งเราอยู่ในห้องแอร์ ที่เย็นมากเท่าไหร่ เวลาออกมาเจออากาศร้อนภายนอก อุณภูมิเปลี่ยนฉับพลัน ไข้จะถามหาเอานะครับ ผมเป็นมาแล้วเข็ดเลยครับ”

“รับมือกับอากาศร้อน คือ อยู่นิ่งๆ หายใจเบาๆ อย่าโมโหใคร ใจเย็นๆ อิอิ ขำๆ รับอากาศร้อนค่ะ ทำไงได้หละก็มันร้อนไปแล้วนิ ส่วนอนาคตจะร้อนน้อยลงไหม ขึ้นอยู่กับเราทุกคนว่าช่วยกันมากแค่ไหน”

เรื่องที่ห้า ลดดีกรีความร้อนของอากาศลงด้วยท่าเต้นและเพลงน่ารัก แอ๊บแบ๊ว ที่กำลังอิตกันมากในขณะนี้ กับเพลง “Gwiyomi“ จากดาราและนักร้องเกาหลี ที่ร้องเต้นออกรายการและลงยูทูบกันมากจนกระแสเพลงนี้ค่อยๆ ดังขึ้นในบ้านเรา จนวันนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเพลงและเต้นท่าควีโยมี

สำหรับคำว่า “Gwiyomi” อ่านออกเสียงว่า ควีโยมี แปลว่า น่ารัก เขียนเป็นตัวอักษรเกาหลีคือ 귀요미 ซึ่งเป็นของนักร้อง Hari โดยท่าเต้นจะเป็นการเต้นและต้องทำหน้าตา ที่เรียกว่า “แอ๊บแบ๊ว” โดยเนื้อหาของเพลงจะเป็นการอ้อนคนรักไม่ให้ไปมองหรือสนใจใคร และอยากจะให้รักและสนใจตนเองเพียงคนเดียว

ก็แน่นอนว่า ในโซเลียลมีเดียของไทย ทั้งสาวๆ หนุ่มๆ หรือแม้กระทั่งเด็กน้อยตัวเล็กๆ ต่างก็ร้องและเต้นควีโยมีเพื่ออ้อนคนรักของตัวเองกันอย่างมากมาย แม้กระทั่งงานเลี้ยงขอบคุณหนังดังอย่าง “พี่มาก…พระโขนง” ที่มียอดพุ่งสูงเกิน 100 ล้านไปแล้วด้วยเวลาเพียงแค่ 1 อาทิตย์ ก็ยังให้หนุ่มๆนักแสดงทั้ง 5 คน ออกมา เต้นควีโยมี กันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

รวมความแอ๊บแบ๊ว กับท่าเต้นเพลง Gwiyomi ที่มาภาพ : http://hilight.kapook.comview84125
รวมความแอ๊บแบ๊ว กับท่าเต้นเพลง Gwiyomi ที่มาภาพ: http://hilight.kapook.comview84125

“น่ารักดีนะ แข่งกันแอ๊บสุดฤทธิ์ ^_^”

“ดูแล้ว ก็อดใจไม่ได้ ต้องกด like แทบทุกตลิปดเลย”

“ตอนนี้ในยูทูปมีคน Cover มากมาย และระบาดมาโดยเฉพาะในไทย เกิดปรากฏการณ์ยูทูปสัญชาติเกาหลี แต่โดนคนไทยยึดซะงั้น”

“คนไทยก็ทำตามต่างชาติไปเรียบร้อย แล้ว ตลอดเลย”

“ตอนนี้ระบาดหนัก วัยรุ่นไทยพากันเต้นตามกันเต็มยูทูปไปหมด ต้องยอมรับละค่ะว่า ของเค้าแร๊งส์ส์ส์ส์.. จริงๆ”

“น่ารักดี รู้ไว้ ไม่ตกเทรนด์ ใครทำน่ารัก ก็ดีใจด้วยนะ”