ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นวุ่นไม่จบ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” ดึงดีเอสไอออกหนังสือรับรอง “ไม่พบการกระทำผิด”

สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นวุ่นไม่จบ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” ดึงดีเอสไอออกหนังสือรับรอง “ไม่พบการกระทำผิด”

21 เมษายน 2013


จากการนำเสนอข่าว “สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นป่วน “มณฑล กันล้อม” ฟ้องอาญา-แพ่ง “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” อดีตประธานยักยอก 1.2 หมื่นล้าน” เนื่องจากผู้บริหารมีการแย่งชิงการบริหารสหกรณ์ระหว่างนายมณฑล กันล้อม และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ทำให้ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2556 ที่มีนายมณฑล กันล้อม เป็นประธานกรรมการ ไม่สามารถประชุมได้ ขณะที่ทางกลุ่มนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้นัดประชุมสมาชิกในวันที่ 9 เมษายน 2556 และมีการแต่งตั้งนายศุภชัยเป็นประธานคนใหม่ แต่ทางสำนักส่งเสริมสหกรณ์ กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ยังไม่รับรองแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวไทยพับลิก้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2556 เป็นวันแรกที่สหกรณ์เปิดทำการ หลังจากช่วงวันหยุดตามประเพณีสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 12-17 เมษายน มีสมาชิกสหกรณ์จำนวนมากมารอที่สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นตั้งแต่ก่อนเปิดทำการในเวลา 9.00 น. เพื่อเบิกเงินปันผลตามที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประกาศในนามสหกรณ์ฯ ว่าจะให้สมาชิกถอนเงินปันผลที่เหลือทั้งหมด จากที่อนุญาตให้ถอนในช่วงก่อนวันหยุดสงกรานต์ไม่เกินรายละ 20,000 บาท

สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาเบิกเงิน ปิดบัญชี เปิดบัญชีใหม่ เมื่อวันที่ 18  เมษายน 2556
สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นมาเบิกเงิน-ปิดบัญชี-เปิดบัญชีใหม่ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2556

จนเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ได้แจกบัตรคิวและเชิญสมาชิกเข้าห้องประชุมเกยุราพันธุ์เพื่อรอเวลาเปิดทำการ ระหว่างนั้น นายวราวุฒิ สงวนหงษ์ หัวหน้าแผนกสมาชิกสัมพันธ์ของสหกรณ์ฯ ได้มาพูดคุยกับสมาชิกในห้องประชุมเพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามของสมาชิก โดยกล่าวว่าจะอนุญาตให้สมาชิกเบิกเงินปันผลได้ไม่เกินรายละ 20,000 บาท และเบิกจากออมทรัพย์พิเศษได้ไม่เกิน 20,000 บาทเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องสำรองเงินให้สมาชิกที่มาเบิกทีหลังด้วย และตอนนี้คณะกรรมการชุดที่ผ่านการลงมติที่ประชุมวันที่ 9 เมษายน (นายศุภชัยเป็นประธาน) ยังไม่ได้รับการรับรองจากสำนักส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร เพราะทางสหกรณ์ฯ ได้ส่งเอกสารทั้งหมดไปตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนแล้ว

จากนั้น มีสมาชิกบางคนถามถึงกรณีหนังสือของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ระบุว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นลูกหนี้เงินยืมทดรอง วงเงินกว่า 3,300 ล้านบาท นายวราวุฒิกล่าวว่า รายละเอียดในทางคดีนั้นตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่านายศุภชัยจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ พร้อมทั้งกล่าวว่าจะมีการฟ้องร้องนายมณฑล เนื่องจากนำเอกสารภายในสหกรณ์ไปเปิดเผยกับสาธารณะทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหาย

ตลอดวันที่ 18 เมษายน มีสมาชิกหมุนเวียนเข้ามายังสหกรณ์ฯ อย่างเนืองแน่น โดยส่วนใหญ่ตั้งใจมาถอนเงินปันผล บางส่วนมายื่นเอกสารปิดบัญชี บางส่วนมาสมัครสมาชิกใหม่และนำเงินมาฝากเพิ่ม โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเอกสารการปิดบัญชีที่มีผู้ยื่นตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ แต่จะรวบรวมไปให้คณะกรรมการพิจารณาในวันที่ 20 เมษายน 2556 ซึ่งจะมีการประชุมของคณะกรรมการ (ชุดนายศุภชัย) และยืนยันว่าจะได้รับการอนุมัติให้ลาออกจากสมาชิกและปิดบัญชีทุกคน ส่วนการถอนเงินครั้งต่อไป จะอนุญาตให้ถอนอีกครั้งในต้นเดือนหน้า ส่วนจะให้ถอนจำนวนเท่าใดนั้นยังไม่ชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ได้ออกหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ลงวันที่ 19 เมษายน 2556 เรื่องแจ้งผลดำเนินการ กรณีการร้องเรียน สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด เรียน นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานกรรมการดำเนินการ โดยอ้างถึง หนังสือสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ที่ สคจ388/2556 ลงวันที่ 12 เมษายน 2556 โดยมีเนื้อหาว่า DSI ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนแล้ว ไม่พบการกระทำความผิดตามข้อร้องเรียนแต่อย่างใด ลงชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

หนังสือจากดีเอสไอ

ส่วนหนังสือ สคจ388/2556 ลงวันที่ 12 เมษายน เอกสารต้นเรื่องที่นายศุภชัยส่งให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบข้อร้องเรียนที่ว่า สหกรณ์ฯ มีการดำเนินงานที่อาจมีข้อผิดพลาดและมีความวุ่นวายในช่วงหลังวันที่ 31 มีนาคม ปัจจุบัน สหกรณ์ได้ดำเนินการตามปกติแล้ว จึงขอให้ DSI ยืนยันผลการร้องเรียนให้กับสหกรณ์ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกและสยบข่าวลือของผู้ไม่หวังดีต่อสหกรณ์ฯ ลงนามในหนังสือโดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานกรรมการดำเนินงาน

นอกจากนี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นหลายสมัย ได้นัดชี้แจงและตอบข้อซักถามของสมาชิก วันที่ 19 เมษายน 2556 ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. โดยมีสมาชิกและเจ้าหน้าที่สหกรณ์เข้าร่วมในห้องประชุมเกยุราพันธุ สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ประมาณ 70–80 คน ซึ่งการชี้แจงดังกล่าวมีการบันทึกวิดีโอโดยเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯ ด้วย

นายศุภชัยได้อธิบายที่มาที่ไปของเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่การประชุมวันที่ 31 มีนาคม 2556 ว่า ความวุ่นวายในการประชุมใหญ่วันนั้นมีสาเหตุมาจากการที่นายมณฑลเพิ่มกฎแบ่งแยกสมาชิกเป็นสมาชิกที่ติดบัตรสีเหลืองและบัตรสีชมพู โดยบัตรสีชมพูเป็นสมาชิกที่สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์เกิน 6 เดือนและผ่านการอบรมกับสหกรณ์แล้ว ส่วนสมาชิกบัตรสีเหลืองยังไม่ผ่านเงื่อนไขข้างต้น โดยการประชุมวันดังกล่าว มีเพียงสมาชิกบัตรสีชมพูเท่านั้นที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงในวาระต่างๆ

คลองจั่น18-3

นายศุภชัยกล่าวว่า การแบ่งแยกดังกล่าวทำให้สมาชิกไม่พอใจมาก และมีการประท้วงจากสมาชิก ทำให้การถกเถียงดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยง โดยที่ประชุมยังไม่ได้ผ่านวาระส่วนใหญ่ จากนั้นนายมณฑลได้ยุติการประชุมและส่งจดหมายขอเลื่อนการประชุมโดยบอกกับสมาชิกว่าวันที่ 2 เมษายน สมาชิกจะได้รับเงินปันผลแน่นอน

นายศุภชัยกล่าวว่า จากนั้น ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน คณะกรรมการชุดที่ 28 และนายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง ผู้จัดการสหกรณ์ ไม่เข้ามาบริหารสหกรณ์ ทำให้สมาชิกไม่สามารถถอนเงินปันผลและเงินฝากก้อนอื่น ส่งผลให้สมาชิกเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และทำให้สหกรณ์เสื่อมเสียชื่อเสียง

จากนั้น เจ้าหน้าที่สหกรณ์จึงรวมตัวพร้อมกับสมาชิกสหกรณ์มากกว่า 100 คน ร้องเรียนกับนายทะเบียนสหกรณ์ ให้มีคำสั่งจัดประชุมใหญ่ต่อเนื่อง จนสำนักส่งเสริมสหกรณ์พื้นที่ 2 มีหนังสือคำสั่งให้จัดการประชุมต่อเนื่องโดยเร็วและชี้แจงสาเหตุของการเลื่อนประชุมออกมา

นายศุภชัยยืนยันว่า กรณีการประชุมวันที่ 9 เมษายน 2556 โดยนายสุเมธ สัญญเดช ผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ สำนักส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ได้เข้าร่วมประชุมในวันที่ 9 เมษายน ในฐานะตัวแทนของสำนักส่งเสริมฯ เพราะนายสุเมธแสดงตนบนเวทีในที่ประชุมในฐานะของตัวแทนสำนักส่งเสริมฯ พื้นที่ 2 และได้กล่าวยืนยันกับตนเช่นนั้น อีกทั้งนายสุเมธก็มาเข้าร่วมประชุมในวันที่ 31 มีนาคม ในฐานะของตัวแทนสำนักส่งเสริมฯ พื้นที่ 2 อย่างเป็นทางการด้วย

นอกจากนั้นยังมี นายยศวริศ ชูกล่อม ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีจากกระทรวงการคลัง ตัวแทนจากกระทรวงกลาโหม และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งขัดกับการให้ข่าวของสำนักส่งเสริมฯ พื้นที่ 2 ที่ยืนยันว่านายสุเมธไปร่วมประชุมในนามส่วนตัว และทางสำนักส่งเสริมฯ ก็ไม่ได้รับจดหมายเชิญร่วมประชุมในวันที่ 9 เมษายน อย่างทันเวลา

ส่วนประเด็นเรื่องผู้มีอำนาจลงนามเรียกประชุมใหญ่ที่เมื่อวันที่ 9 เมษายน ผู้ลงนามเป็น นายยนต์ บุญเพ็ง หนึ่งในคณะกรรมการ ชุดที่ 28 นายศุภชัยกล่าวว่า ถ้าดูตามข้อบังคับของสหกรณ์เครดิตยูเนียนแล้ว ผู้มีอำนาจลงนามได้คือประธานคณะกรรมการดำเนินงาน รองประธานฯ และเลขานุการเท่านั้น แต่เนื่องจาก นายวีระยุทธ รุจิเรข เลขานุการลาออกก่อนการประชุมวันที่ 31 มีนาคม ส่วนประธานและรองประธานไม่มาปรากฏตัวที่สหกรณ์และเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น เพื่อให้สหกรณ์สามารถดำเนินการต่อได้ นายยนต์ซึ่งเป็นกรรมการคนเดียวที่ยังดำรงตำแหน่งและสามารถติดต่อได้จึงต้องลงนามแทนเพื่อให้สหกรณ์ดำเนินกิจการต่อไปได้

นายศุภชัยยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นนักสหกรณ์และเป็นนักกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายสหกรณ์จะมีความแตกต่างกับกฎหมายอื่นๆ คือ จะมองผลประโยชน์สูงสุดของสหกรณ์เป็นหลัก หากกฎหมายขัดกับผลประโยชน์ของสหกรณ์ซึ่งคนจำนวนมากเป็นเจ้าของ ก็สามารถอนุโลมกฎหมายบางข้อได้

ส่วนประเด็นเงินยืมทดรองจ่ายประมาณ 3,300 ล้านบาทของตนนั้น นายศุภชัยกล่าวว่าเป็นเงินที่ตนใช้ในการบริหารสหกรณ์ ซึ่งการบริหารบางครั้งต้องมีการใช้อย่างเร่งด่วน ตนยืนยันว่าสามารถชี้แจงและยืนยันซ้ำเหมือนวันที่ 9 เมษายน ว่ารายงานการประชุมในปีหน้าจะไม่มีตัวเลขนี้อยู่อีก

จากนั้น มีสมาชิกถามถึงกรณีที่นายมณฑลฟ้องร้องนายศุภชัยและคณะทั้งทางอาญาและทางแพ่งในข้อหายักยอกทรัพย์เป็นเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท นายศุภชัยกล่าวว่า สหกรณ์มีทรัพย์สินประมาณ 22,000 ล้านบาท ถ้าตนเอาเงินไปหมื่นกว่าล้านบาทสหกรณ์อยู่ไม่ได้อย่างทุกวันนี้แน่นอน จะต้องเจ๊งไปแล้ว และตัวเขาเองคงหนีไปไกลแล้ว ไม่อยู่แก้ปัญหาให้สมาชิกตอนนี้แน่นอน เรื่องคดีความตนจะดำเนินการต่อไป เพราะคาดว่าศาลจะนัดสอบสวนครั้งแรกประมาณเดือนกรกฎาคม 2556 และถ้าปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นนี้จบลง ตนจะฟ้องร้องนายมณฑลกลับแน่นอน ตอนนี้ได้ส่งเรื่องไปให้กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลแล้ว เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดน่าจะเรียบร้อยไม่เกินสิ้นเดือนนี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้สมาชิกซักถามทุกข้อสงสัยอย่างละเอียด

เมื่อมีสมาชิกถามเกี่ยวกับจดหมายนัดประชุมใหญ่ของนายมณฑล ที่มีผู้นำมาแจกให้สมาชิกบางคนในละแวกเคหะคลองจั่น ลงวันที่ 17 เมษายน ระบุว่า การประชุมวันที่ 9 เมษายน เป็นการประชุมที่ผิดกฎหมายข้อบังคับของสหกรณ์เครดิตยูเนียน ไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะไม่ได้ดำเนินการตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงาน (ที่ประชุมคณะกรรมการจะเป็นผู้อนุมัติวันประชุม และออกเป็นหนังสือในนามคณะกรรมการที่มีประธานหรือรองประธานหรือเลขานุการเป็นผู้เซ็นกำกับ) และไม่ได้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการประชุม (หนังสือลงวันที่ 3 เมษายน แต่นัดประชุมวันที่ 9 เมษายน)

ในหนังสือดังกล่าว นายมณฑลได้นัดประชุมใหญ่ซึ่งเลื่อนมาจากวันที่ 31 มีนาคม เป็นวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2556 เวลา 08.00-12.00 น. ณ โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ถนนศรีวรา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาอนุมัติตามระเบียบวาระที่ค้างไว้เดิม โดยการนัดประชุมดังกล่าวยังอยู่ในกำหนดเวลาไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันเลื่อนกำหนดการประชุมสามัญประจำปีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม (ตามข้อบังคับของสหกรณ์เครดิตยูเนียนข้อที่ 59)

ข้อ 59 การประชุมใหญ่วิสามัญ คณะกรรมการดำเนินการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้านายทะเบียนสหกรณ์มีหนังสือแจ้งให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ หรือในกรณีที่สหกรณ์เกิดการขาดทุนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนทุนเรือนหุ้นที่ชำระแล้ว ต้องเรียกประชุมใหญ่วิสามัญโดยมิชักช้า แต่ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่สหกรณ์ทราบ

สมาชิกซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน หรือผู้แทนสมาชิกซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนผู้แทนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าห้าสิบคน ลงลายมือชื่อทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็ได้ และให้คณะกรรมการดำเนินการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับคำร้องขอ ถ้าคณะกรรมการดำเนินการไม่เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้นายทะเบียนสหกรณ์หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายมีอำนาจเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้ภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร

ที่น่าสังเกตคือ นายมณฑลยังระบุในตอนท้ายของจดหมายว่า ยังคงกฎเดิมเหมือนการประชุมวันที่ 31 มีนาคม 2556 ที่ว่าสมาชิกสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกไม่ครบ 6 เดือน มีสิทธิเข้าร่วมประชุมได้แต่ไม่สามารถมีสิทธิลงมติหรือออกเสียงในการพิจารณาอนุมัติตามระเบียบวาระดังกล่าวข้างต้นได้ ลงชื่อ นายมณฑล กันล้อม ประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ ชุดที่ 28

นายศุภชัยกล่าวถึงการนัดประชุมข้างต้นว่า ให้สมาชิกไม่ต้องเข้าร่วมการประชุม เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากเหลือกรรมการเก่าเพียง 6 คน (จากจำนวนเต็ม 15 คน) ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดประชุมได้

บรรยากาศการตลอดการชี้แจงดำเนินไปอย่างปกติ นายศุภชัยมีท่าทีเชื่อมั่นอย่างมากตลอดการชี้แจง สมาชิกส่วนใหญ่ในห้องประชุมคลายความกังวลและมีท่าทีเห็นด้วยกับนายศุภชัยทุกเรื่อง จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่นำจดหมายจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI อ่านให้สมาชิกฟัง และนายศุภชัยกล่าวว่ามีคนยื่นเรื่องให้ DSI สอบสวนว่าสหกรณ์มีการทุจริตหรือไม่ และ DSI สรุปผลว่าไม่พบความผิดปกติ ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ในห้องประชุมมีท่าทีโห่ร้องแสดงความยินดี

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 19 เมษายน ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ที่ สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น มีกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ที่นำโดย นายศุภกิจ แก้วทรง ทำจดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 1/2556 แจกจ่ายให้กับสมาชิกและติดประกาศไว้ที่สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น เรียกร้องให้ฝ่ายนายศุภชัยและฝ่ายนายมณฑลหันหน้าเจรจาตกลงกันเพื่อให้เรื่องยุติโดยเร็ว และปรับปรุงมาตรฐานการตรวจสอบด้านต่างๆ ของสหกรณ์ โดยมีการส่งจดหมายดังกล่าวไปยื่นแก่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 19 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางวนิดา รุ่มโรย ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการบริหารการจัดการสหกรณ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ในเรื่องการรับรองการประชุมว่า ยังไม่ขอตัดสินว่าการประชุมวันที่ 9 เมษายน เป็นโมฆะหรือไม่ เพราะได้รับเอกสารชี้แจงเหตุผลจากทางสหกรณ์คลองจั่นไม่ครบ ถ้าดูตามข้อกฎหมายแล้วก็มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นโมฆะ แต่การตัดสินกรณีนี้จะผ่านการใช้องค์คณะที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของพื้นที่ 2 และเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งจะพิจารณาเหตุผลของทางสหกรณ์ฯ ประกอบด้วย

นางวนิดากล่าวอีกว่า การประชุมเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ทางสำนักส่งเสริมฯ พื้นที่ 2 ส่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นพยานจริง แต่วันที่ 9 เมษายน ไม่ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมเลย และเมื่อถามถึงการนัดประชุมใหญ่ของนายมณฑล กันล้อม ประธานคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 28 ในวันที่ 26 เมษายน เวลา 08.00-12.00 นาฬิกา นางวนิดากล่าวว่าเห็นหนังสือเชิญสมาชิกประชุมดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญสำนักฯ พื้นที่ 2 เข้าร่วมประชุมจากนายมณฑล แต่ถ้าหากมีทางสำนักก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นพยานด้วย