ThaiPublica > คอลัมน์ > ใครยังคงยืนเด่นและถูกท้าทาย

ใครยังคงยืนเด่นและถูกท้าทาย

22 ตุลาคม 2012


ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

มติชนสุดสัปดาห์ ปก "คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย"
มติชนสุดสัปดาห์ ปก “คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย”

มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 12-18 ตุลาคม 2555 นำภาพคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดามาขึ้นปก พร้อมพาดหัวตัวใหญ่ว่า คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย ซึ่งเป็นพาดหัวที่ชวนให้เกิดการโต้เถียงทางสาธารณะอย่างยิ่งว่าถึงที่สุดแล้ว คุณสรยุทธกระทั่งมติชนกำลังท้าทายใครหรือท้าทายอะไร

เริ่มจากกรณีคุณสรยุทธก่อน หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติออกมาชี้มูลความผิดคุณสรยุทธฐานสนับสนุนพนักงานองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ให้ช่วยเหลือบริษัทไร่ส้มของตนเองโฆษณาเกินเวลาตามสัญญาจำนวนเงิน 138 ล้านบาท

คำถามใหญ่ที่สื่อมวลชนหลายสำนักตั้งต่อคุณสรยุทธก็คือ คุณสรยุทธสมควรยุติการจัดรายการทั้งหมดลงชั่วคราวหรือไม่ การชี้มูลความผิดเป็นเหตุและปัจจัยเพียงพอให้คุณสรยุทธต้องพิจารณาตัวเองหรือไม่

คำตอบของคุณสรยุทธผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ก็คือ ไม่

เพราะคดีนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด

พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสรยุทธบอกว่าเรื่องนี้ต้องไปสู้กันในศาล และถ้าศาลยังไม่ตัดสิน คุณสรยุทธก็ไม่สมควรถูกตัดสิทธิในการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน

แค่นี้ก็เริ่มท้าทายแล้วครับ

ท้าทายที่หนึ่ง ก็คือ ท้าทายนักนิเทศศาสตร์ในทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศว่า ที่พร่ำสอนเรื่องจริยธรรมสื่อมาตลอดชีวิต เมื่อมาเจอกรณีที่แหลมคมและคลาสสิคเช่นนี้ คณาจารย์ทั้งหลายจะแสดงจุดยืนทางวิชาการอย่างไร จะเป็นการแสดงกันเงียบๆ ในห้องเรียน ในเฟซบุ๊ค กระทั่งในโต๊ะกินข้าว หรือว่านี่เป็นประเด็นสาธารณะที่อาจารย์มหาวิทยาลัยควรแสดงภูมิปัญญาและความกล้าหาญทางจริยธรรมต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา

ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าคณาจารย์ทั้งหลายต้องออกมาประนามคุณสรยุทธตามสูตรสำเร็จ หากแต่คณาจารย์ทั้งหลายควรแสดงทัศนะดังจินดาค่าบุรินทร์ออกมาให้ปรากฏ จะต่อต้านหรือสนับสนุน ด้วยเหตุด้วยผลใด ก็พึงแสดงออกมาให้สาธารณชนได้ขบคิด

ถ้าไม่ทำ หรือไม่คิด ก็ยากที่จะสอนวิชานิเทศศาสตร์ต่อไป โดยไม่ถูกตั้งคำถามเสียเอง

ท้าทายที่สอง คือ ท้าทายภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นของไทย ที่พยายามรณรงค์เรื่องภัยคอรัปชั่นซึ่งกำลังระบาดหนักและรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการเมือง ถ้าสมาชิกภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่ไม่สามารถแสดงว่า ยักษ์นั้นมีกระบองอยู่จริง ในที่สุดยักษ์นั้นก็คงเหลือหน้าที่เพียงแค่การยืนเฝ้าหน้าประตูวัดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป จะไม่มีใครเกรงกลัวกระบองในมือยักษ์อีกต่อไป

ถามว่ากระบองในมือยักษ์คืออะไร คำตอบที่ทุกคนในวงการธุรกิจรู้กันดีก็คือ งบโฆษณาจำนวนมหาศาลในแต่ละปี สื่อมวลชนร้อยทั้งร้อย ถ้าไม่ใช่สื่อสาธารณะมีเงินจากภาษีประชาชนสนับสนุน ลงว่าถ้าไม่มีโฆษณาเสียแล้ว ก็ต้องมีอันม้วนเสื่อกลับบ้านไปในเร็ววัน

โฆษณาจึงเป็นกระบองที่ทรงอานุภาพที่ทั้งรัฐและทุนใช้ฟาดกระบาลสื่อมวลชนมาโดยตลอด

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สมาชิกภาคีเครือข่ายจำนวนหนึ่งจะประกาศว่าจะถอนโฆษณาออกจากทุกรายการที่คุณสรยุทธจัดอยู่ในปีหน้า เพื่อเป็นมาตรการกดดันช่องสามต้นสังกัด แต่ถ้ายังมีแค่ 4-5 บริษัทอย่างที่เห็น และคุณสรยุทธกับช่องสามยังคงยืนเด่นโดยท้าทายอยู่เช่นนี้

ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นจะเป็นองค์กรต่อไปที่จะถูกท้าทาย

และนี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญขององค์กรลักษณะนี้ในประเทศไทย ถ้าองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นไม่สามารถทำการแซงชั่นองค์กรธุรกิจสื่อขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพแห่งองค์กรนั้นก็จะถูกตั้งคำถามเสียเอง

นอกจากจะต้องแสดงประสิทธิภาพของภาคีเครือข่ายแล้ว สองปีที่ผ่านมา ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นและองค์กรลักษณะนี้ ได้กล่าวถึงสื่อมวลชนว่ามิได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นอย่างเพียงพอ เมื่อสื่อมวลชนเพิกเฉย การรับรู้และสำนึกของสาธารณชนจึงต่ำ

ท้าทายที่สาม ในกรณีไร่ส้มจึงเป็นความท้าทายต่อสื่อมวลชนด้วยกันเอง แม้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมแมลงวันไม่ตอมแมลงวันจะถูกทำลายไปด้วย ยาฆ่าแมลง ที่ชื่อว่า ความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งกระป๋องแดงและกระป๋องเหลือง แต่เมื่อมาถึงกรณีไร่ส้มและคุณสรยุทธ สื่อมวลชนได้แสดงบทบาทแตกต่างกันไป สำนักข่าวอิศราที่นำทีมโดยคุณประสงค์ เลิศรัตรวิสุทธิ์ ได้ทำหน้าที่เปิดประเด็นและติดตามเรื่องนี้อย่างเอาการเอางาน สอดรับกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ มติชนสุดสัปดาห์ ตั้งคำถามกลับว่า นี่เป็นรายการ สหสามัคคี คุณสรยุทธหรือเปล่า

และนี่เป็นเพราะคุณสรยุทธทำดีและเด่นจึงโดน อย่างที่การ์ตูนหน้าปกมติชนที่เปลือยกายล่อนจ้อนกำลังจะบอกประชาชน หรือนี่เป็นกรณีปกติที่สื่อมวลชน องค์กรวิชาชีพต้องทำหน้าที่และแสดงจุดยืนเพื่อให้เห็นอีกเช่นกันว่าตัวเองก็เป็นยักษ์มีกระบองเหมือนองค์กรธุรกิจ ซึ่งกรณีนี้ คุณสรยุทธก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็วแล้วว่า ยักษ์นั้นไม่มีกระบองอยู่จริง เมื่อยื่นใบลาออกจะสมาคมวิชาชีพเป็นการตอบโต้ โดยที่สมาคมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากออกมาแถลงว่าไม่ได้จ่ายค่าสมาชิกมานานแล้ว

ท้าทายที่สี่ จึงสืบเนื่องเป็นความท้าทายที่มีต่อสมาคมวิชาชีพสื่อทั้งหลายที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และถ้าไม่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ ก็สุ่มเสี่ยงต่อการดับไป ตัวสมาคมและที่ตั้ง อีกทั้งนายก อุปนายกทั้งหลายคงไม่ดับสูญไป แต่สมาคมที่มารวมตัวกันเพื่อให้มีอำนาจในทางสังคมนั้น ลงว่าไม่มีอำนาจไปบังคับใคร กระทั่งคนในสังกัดวิชาชีพตนเองได้ ก็ยากที่จะคงความศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมต่อไป

นี่จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อทุกสมาคมหรือสภาวิชาชีพสื่อ

ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาเครือหนังสือพิมพ์มติชนก็ได้ประกาศอำลาจากการเป็นสมาชิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท้าทายที่ห้า จึงเป็นความท้าทายต่อเครือมติชนเอง เมื่อตัดสินใจขึ้นปกและโปรยตามที่ยกมาข้างต้น ปกและโปรยที่แหลมคมเช่นนี้ ย่อมก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับการโปรยปกของนิตยสารนิวสวีคในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มติชนจะต้องถูกท้าทายจากผู้อ่านว่า กรณีไร่ส้มนั้น มติชนเลือกอุ้มคุณสรยุทธเพราะมีความขัดแย้งกับคุณประสงค์ กับสมาคมวิชาชีพสื่อ กับประชาธิปัตย์ หรือมติชนเพียงแต่มองต่างออกไปและใช้การตลาดนิตยสารข่าวพาดหัวเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อเท่านั้น

นี่เป็นเพียงเทคนิคธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกสัปดาห์

หรือนี่เป็นจุดยืนของนิตยสารข่าวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศฉบับนี้

ผมเชื่อว่าน่าจะมีจดหมายและข้อติชมเข้ามาที่กองบรรณาธิการมติชนเป็นจำนวนมาก และอยากเห็นคำตอบที่ชัดเจนต่อกรณีนี้ในบทบรรณาธิการฉบับต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นมาตรฐานในการถกเถียงประเด็นสาธารณะกันอย่างอารยะยิ่ง

ทั้งหมดนี้ ทำให้ความท้าทายที่หก ต้องไปตกอยู่กับคุณสรยุทธ ว่าจะยังคงใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวไปได้อีกนานแค่ไหน นักสัมภาษณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและตั้งคำถามบุคคลสาธารณะมาโดยตลอด เมื่อเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองแล้ว สมควรที่จะต้องเปิดเวทีให้ผู้อื่นได้ซักถามตนเองอย่างตรงไปตรงมาบ้างหรือไม่

ในต่างประเทศเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้ดำเนินรายการสนทนาจากช่องหนึ่ง ไปตอบคำถามผู้ดำเนินรายการอีกช่องหนึ่ง แต่วัฒนธรรมโทรทัศน์ไทยที่แบ่งออกเป็นค่ายทำให้เราไม่เคยได้เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก หรือว่าให้ถึงที่สุดแทบจะไม่เคยเห็นเลย

ถ้าคุณสรยุทธไม่ยอมตอบคำถามสื่อด้วยกันในเวทีสาธารณะเวทีใดเวทีหนึ่ง ก็เป็นการยากที่คุณสรยุทธจะตั้งคำถามเชิงตรวจสอบต่อนักธุรกิจ ข้าราชการ กระทั่งนักการเมือง ไม่ต้องเอากันถึงเรื่องคอรัปชั่น แค่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนก็ยากเต็มที เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกตั้งคำถามกลับเป็นอย่างยิ่ง

ความท้าทายจึงตกอยู่กับคุณสรยุทธว่า จะยังคงขอบเขตในการทำรายการสนทนากับรายการเล่าข่าวไว้เท่าเดิม หรือจะลดขอบเขตการทำรายการลงมาเหลือแค่การเล่าข่าวชาวบ้าน สัมภาษณ์ชาวบ้าน ที่ไม่มีใครสามารถมาตั้งคำถามกลับคุณสรยุทธได้

และเมื่อเป็นเช่นนั้น คุณสรยุทธซึ่งเป็นยักษ์เหมือนกัน จะยังคงมีกระบองศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมืออยู่ต่อไปหรือไม่

และถ้าไม่ ลำพังเป็นแค่ยักษ์วัดแจ้งหรือยักษ์วัดโพธิ์ เพียงพอหรือไม่กับการเรียกนักท่องเที่ยวให้เข้าวัด

ท้าทายที่เจ็ด จึงเป็นความท้าทายของช่องสาม ว่าจะจัดการวัวนมยักษ์ ที่ให้น้ำนมช่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการข่าวได้อย่างไร ช่องสามหรือบริษัทบีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะทนการท้าทายจากภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นได้มากขนาดไหน โฆษณาที่ลดลงจะส่งผลกระทบกับผลประกอบการอย่างไร และจะส่งผลสะเทือนต่อราคาหุ้น อันเป็นเครื่องสะท้อนความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นอย่างไร

ช่องสามจะจัดการกรณีไร่ส้มอย่างไร จึงไม่ได้เป็นเพียงความท้าทายทางจริยธรรม หากแต่เป็นความท้าทายในเชิงธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง การตัดสินใจของช่องสาม รวมทั้งตัวละครทั้งหมดที่ได้กล่าวมาและไม่ได้กล่าวมาตามข้อจำกัดของเวลาและพื้นที่ จะเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อสังคมไทย

อันเป็นท้าทายที่แปด ว่าถ้าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ ลอยหายไปในสายลมเหมือนหลายต่อหลายเรื่องในประเทศนี้

นี่คือเรื่องปกติใช่หรือไม่

ถ้าใช่เราก็จะได้ดูรายการคุณสรยุทธกันต่อไปจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ตามกฎหมาย

แต่ถ้าไม่ใช่ ท้าทายที่เก้า ก็คือว่า สังคมอันหลากหลายควรจะแสดงออกอย่างไรในกรณีที่ยังคงยืนเด่นโดยท้าทายเช่นนี้ ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่มีพลังเพียงพอต่อกรณีที่กฎหมายยังเดินทางไปไม่ถึงข้อยุติ จะมีก็แต่พลังของสังคมทั้งสังคมเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องตัดสินสำคัญและทรงพลังที่สุด

สิ่งที่ถูกท้าทายมากที่สุดในกรณีนี้ก็คือ สังคมไทยทั้งสังคม ที่เต็มไปด้วยคำคมๆ ทั้งหลายท้ายรถกระบะ เช่น รถคันนี้สีขาว ทั้งๆ ที่มันเป็นสีดำ หรือรถคันนี้สีดำ ทั้งๆ ที่มันเป็นสีเทา

เราทั้งหมดจะสนทนาเรื่องนี้กันอย่างไร

ในไร่ส้มจึงไม่ได้มีเพียงแต่นกน้อยคล้อยบินเดี่ยวมาเดียวดาย ไม่ได้มีแต่แมลงวันทั้งที่ตอมแมลงวันหรือไม่ตอมแมลงวัน ไม่ได้มีแต่ยักษ์ทั้งที่มีกระบองและไม่มีกระบอง แต่กรณีไร่ส้มสะท้อนให้เห็นป่าทั้งป่า และสะท้อนให้เห็นว่าสิงสาราสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น จะเล่าข่าวอย่างตรงๆ หรือผสมโรงข่าวกันอย่างไร เมื่อมีคนกล่าวหาเจ้าของไร่คล้ายขงเบ้งว่า “ท่านนั้นหรือชื่อลกเจ๊ก เมื่อตอนเด็กเคยลักผลส้มไปฝากมารดา”

คนที่จะต้องนั่งลงและสนทนาอย่างคุณสรยุทธคงเหนื่อยเต็มที เพราะคู่สนทนารอบนี้มิใช่ขงเบ้ง หากแต่เป็นตัวละครอันหลากหลายในสังคมไทย ซึ่งต่างก็มีทั้งบทบาท หน้าที่ หน้าตา และวาระ ที่กำลังถูกท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจาก มติชนสุดสัปดาห์ ทำหน้าที่เป็นสายล่อฟ้าอย่างโดดเด่นเช่นนี้

ตีพิมพ์ครั้งแรกใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19-25 ตุลาคม 2555