ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสการเมือง > นายกฯติงตำรวจหยุดให้ข่าวจับธัมมยโชกับนักข่าว – รัฐจัด 18 วัน “ช็อปช่วยชาติ” – ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำพิเศษ 3 อุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ

นายกฯติงตำรวจหยุดให้ข่าวจับธัมมยโชกับนักข่าว – รัฐจัด 18 วัน “ช็อปช่วยชาติ” – ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำพิเศษ 3 อุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ

14 ธันวาคม 2016


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th/
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: http://www.thaigov.go.th/

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน โดยวันนี้มีการประชุม คสช. ก่อนประชุม ครม. เพราะจำเป็นต้องออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ม. 44) 3 ฉบับ

รัฐบาลไม่เคยมีมติเรื่องเหมืองแร่บริษัทอัครา รีซอร์สเซส

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ คสช. ประชุม 3 ประเด็น ได้แก่ 1. พระราชบัญญัติเหมืองแร่ ฉบับใหม่ ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ คาดว่าจะออกมาเร็วๆ นี้ เนื่องจากใกล้หมดเวลาต่ออายุสัมปทานแล้ว โดยคณะกรรมการเหมืองแร่แห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมของการประกอบการเหมืองแร่ เช่น บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด จ.พิจิตร ยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีมติอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงการรับทราบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้น และรัฐบาลให้ความเป็นธรรมตามสัญญาการประกอบเหมืองแร่ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เป็นคดีฟ้องร้อง

2.การยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เนื่องจากทั้ง 3 องค์กรนี้ครบวาระไปแล้ว เห็นว่าควรให้บุคลากรไปทำงานหน่วยงานตัวเอง และองค์กรที่ยังขาดคน

3.การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินการศึกษา (สมศ.) (เพิ่มเติม) ก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนเป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะไม่มีงานทำ จึงให้ไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนรักษาการผู้อำนวยการที่จะครบวาระในเร็วๆ นี้ ได้สั่งการให้คัดสรรใหม่

ตำรวจหยุดให้ข่าวจับธัมมยโชกับนักข่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหยุดให้ข่าวกับสื่อมวลชนหรือพูดถึงให้น้อยที่สุด มันเป็นเรื่องของการดำเนินคดีก็เป็นเรื่องปกติเหมือนคดีอื่นๆ ตนไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง กฎหมายก็คือกฎหมาย

“ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ขอยืนยันว่าการตัดสินอะไรผิดหรือถูกเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม จะใช้ความรู้สึกตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ ผมเองก็เข้าใจถึงพุทธศาสนิกชนต่างๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ ความเชื่อต่างๆ แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย สิ่งใดก็ตามที่ละเมิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ คุมทุกกระทรวงเอง ใครจะเป็น รมต. ก็เหมือนกัน

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งสถานการณ์ในวันนี้ไม่ได้บริหารราชการแผ่นดินด้วยนักการเมือง ตนก็ไม่ได้รังเกียจนักการเมือง ตนมองว่าการบริหารราชการภายใต้การทำงานของ คสช. มีอำนาจกำกับดูแลทุกกระทรวง โดยตนนั้นมีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงด้วยตัวเอง ทั้งความคิดริเริ่ม วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ชาติ และแนวทางการปฏิบัติงานกว้างๆ แล้วกระทรวงก็เป็นผู้ปฏิบัติ ดังนั้น ใครจะเป็นรัฐมนตรีก็เหมือนกัน ไม่เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะเขาเป็นพรรคการเมือง จึงต้องขึ้นกับนโยบายพรรค

“อย่าให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก ค่อยดูแล้วกัน เมื่อปรับ ครม. แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาบ้าง ผมคิดว่าก็เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ทุกวันนี้หลายอย่างเกิดผลสัมฤทธิ์มามากพอสมควร” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว (ดูเพิ่มเติมแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาลตามวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน)

พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นปลดล็อกพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองยังไม่ปลดล็อกตัวเอง ยังพูดให้เกิดข้อขัดแย้งกันตลอดเวลา กรรมการร่างรัฐธรรมนูญเชิญให้มาหารือร่วมก็ไม่มา แล้วตนจะไปปลดล็อกอะไรให้ เขาไม่ปลดตัวเองก็เรื่องของเขา ถึงเวลาที่กำหนดก็ไปสู่การเลือกตั้งเอาแล้วกัน

แนวคิดค่าพยาบาลข้าราชการยังไม่ยุติ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึง แนวคิดการควบคุมค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและครอบครัว ที่โอนให้บริษัทประกันทำหน้าที่แทนกรมบัญชีกลาง พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำว่า เรื่องยังไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งทำให้เป็นความขัดแย้ง ขณะนี้เป็นขั้นตอนศึกษาที่ต้องหาวิธีที่ดีที่สุด หลักการคือให้ดูแลเหมือนเดิม แต่ต้องระวังเรื่องงบประมาณรั่วไหลและความซื่อสัตย์ ขอให้เข้าใจว่ากรมบัญชีกลางไม่ได้มีหน้าที่จ่ายเงิน คงต้องลงทุนมหาศาลกับระบบการควบคุมการเชื่อมโยงค่ารักษาพยาบาล จึงต้องใช้แบบเดิมไปก่อน ตนขอร้องว่าประชาชนอย่าเบิกค่ายาทุกวัน หลายที่ มันควบคุมไม่ได้

หวังไทยโตด้วยตัวเอง ขอประชาชนร่วมมือ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลพูดไปมีจุดหมาย ฉะนั้น ทุกคนต้องติดตามและเรียนรู้ ถ้ายังไม่ร่วมมือกัน ประเทศก็พัฒนาไม่ได้ วันนี้เรามาพูดเรื่องเศรษฐกิจว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศของเราแข็งแรงด้วยตัวเอง วันนี้เรามุ่งหวังการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเราต้องพัฒนาตัวเอง ธุรกิจเอสเอ็มอีก็ต้องมีผลิตภาพที่มีประสิทธิภาพ ต้องปรับปรุงให้ทันสมัย เราต้องมีการกล้าลงทุน ถ้าไม่ปรับปรุงตัวเองก็จะขายของได้น้อย ตนได้สั่งคณะทำงานให้ปฏิรูปเรื่องการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไทยแล้ว

ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาล มันต้องเดินตามให้ทันว่ารัฐบาลคิดอะไรแล้วต้องให้เกิดประโยชน์ วันหน้าจะพ่วงไปสู่เรื่องของรถไฟ รถเมล์ฟรี อีกหลายๆ เรื่องจะตามมา อยากให้ขึ้นทะเบียน แต่วันนี้หมดช่วงเวลาเปิดให้ขึ้นทะเบียน เอาไว้ไปขึ้นทะเบียนกันคราวหน้า ซึ่งมันเกี่ยวพันไปถึงทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดี”

มติ ครม. ที่สำคัญอื่นๆ มีดังนี้

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

รัฐจัด 18 วัน “ช็อปช่วยชาติ” กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี’59

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2559) ในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้ใช้จ่ายเป็นค่าสินค้า หรือค่าบริการ แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14-31 ธันวาคม 2559

โดยเงื่อนไขการซื้อสินค้าต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ สุรา เบียร์ ไวน์  ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ และค่าบริการที่จ่ายให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พักโรงแรม จะไม่ร่วมรายการดังกล่าว เนื่องจากค่าบริการด้านการท่องเที่ยวอยู่ภายใต้มาตรการเที่ยวช่วยชาติ ที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาทอยู่แล้ว

การออกมาตรการในครั้งนี้ได้ขยายเวลาเพิ่มเป็น  18 วัน จากในปี 2559 ให้ระยะเวลาเพียง 7 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีภาษีสูญเสียประมาณ 3,200 ล้านบาท แต่จะเป็นการเพิ่มยอดขายสินค้า หรือการให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

“ในปี 2558 มาตรการช็อปช่วยชาติมีผู้ร่วมใช้สิทธิ์ ประมาณ 1 ล้านราย มีการลดภาษีไปประมาณ 1,200 ล้านบาท มียอดขายรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีผู้ใช้สิทธิ์ 2 ล้านราย จะเกิดยอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น  0.2% ของจีดีพี ซึ่งจะสร้างความคึกคักในช่วงปลายปี 2559 และจะส่งผลต่อการจ้างงานและการผลิตระลอกต่อไปในปี 2560” นายกอบศักดิ์กล่าว

นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ครม. ได้มีมติเห็นชอบการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2560

เห็นชอบ 2 ร่างกฎหมายประกันภัย

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับแนวทางประกอบธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีบทบัญญัติที่จะช่วยคุ้มครองประชาชนจากการฉ้อฉลประกันภัย

โดย พ.ร.บ.ประกันชีวิตมีการแก้ไขบทบัญญัติเพื่อรองรับวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในธุรกิจประกันชีวิต โดยออกหลักเกณฑ์มากำกับตัวแทนและนายหน้าโดยตรง เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม โดยผู้ที่เป็นตัวแทนต้องไม่มีประวัติเสียหาย หรือขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทประกันจะมีหน้าที่กำกับดูแลและออกกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง ซึ่งมีตัวแทนและนายหน้าประกันภัยมากถึง 300,000 คน

มีการกำหนดจรรยาบรรณมาควบคุมตัวแทนและนายหน้า ซึ่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจะไปวางหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุม ทั้งการโฆษณา การเปิดเผยข้อมูล การเสนอขายผลิตภัณฑ์ และการส่งเบี้ยประกันภัย รวมทั้งการปรับปรุงมาตรการลงโทษให้เหมาะสมมากขึ้น โดยที่รัฐสามารถดำเนินการฟ้องคดีต่อจากประชาชนได้หากว่าคดีดังกล่าวควรดำเนินการให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม

สำหรับประกันวินาศภัย ที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุ เช่น กรณีไฟไหม้หรือเกิดอุบัติเหตุ จะมีผู้ประเมินวินาศภัยที่จะไปดูแลประเมินความเสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา แต่ในอนาคตจะกำหนดให้ผู้ประเมินดังกล่าวที่เป็นบุคคลธรรมดาต้องเป็นบุคคลที่มีสังกัดอยู่ในบริษัทที่เป็นนิติบุคคลที่เป็นผู้ประเมินวินาศภัย โดยจากนี้จะมีการตั้งบริษัทขึ้นมากำกับดูแลด้านนี้เฉพาะ เพื่อพัฒนาบุคลากรในเรื่องนี้ต่อไปในอนาคต และปรับปรุงบทลงโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

“นายกฯ ขอให้ไปดูแลเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน โดยหลังจาก ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในช่วงนี้ก็สามารถแก้ไขรายละเอียดของกฎหมาย โดยเพิ่มข้อห่วงใยของนายกฯ ที่มอบหมายมาบรรจุไว้ในกฎหมายได้ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา เพราะนายกฯ คงได้รับการร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าวมาแล้ว จึงได้ขอให้เพิ่มการดูแลเรื่องนี้ต่อไป” นายกอบศักดิ์กล่าว

ยกฐานะโรงงานยาสูบ เป็น “การยาสูบแห่งประเทศไทย”

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. ที่มีสาระสำคัญกำหนดให้โรงงานยาสูบมีสถานะเป็นนิติบุคคล โดยเปลี่ยนเป็น “การยาสูบแห่งประเทศไทย” (ยสท.) มีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล ภายใต้กระทรวงการคลัง ให้มีคณะกรรมการ ยสท. ให้มีผู้ว่าการ ยสท. มีการกำหนดที่ตั้ง อำนาจหน้าที่ ทุน รายได้ การเงินการบัญชี การตรวจสอบ การกำกับดูแล การร้องทุกข์ และตั้งกองทุนสงเคราะห์ เป็นสวัสดิการให้พนักงานและลูกจ้าง เป็นต้น

“กฎหมายนี้เป็นการยกระดับโรงงานยาสูบให้มีสภาพนิติบุคคล ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำธุรกิจ และแข่งขันกับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดเก็บรายได้ และนำมาใช้ในการดำเนินงานของตน เหลือเท่าไรจึงนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน มีอำนาจดำเนินกิจการต่างๆ เว้นแต่การลงทุนเพื่อขยายกิจการที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท ให้กู้ยืมเงินที่เกิน 100 ล้านบาท การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่เกิน 10 ล้านบาท การจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด และการเข้าร่างกิจการ การถือหุ้นในบริษัท จะต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.” นายกอบศักดิ์กล่าว

เห็นชอบค่าจ้างขั้นต่ำพิเศษ 3 อุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ โดยอาชีพดังต่อไปนี้จะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปกติ โดยจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบระดับตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ในระดับที่ 1 และระดับที่ 2

กลุ่มจักรกลและโลหการ โดยสาขาช่างเทคนิคเขียนแบบเครื่องกล และช่างเทคนิคระบบไฮดรอลิก ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 460 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 550 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคระบบส่งกำลัง ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 450 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 540 บาทต่อวัน ส่วนสาขาช่างเชื่อมทิกสำหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหการ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 600 บาทต่อวัน

กลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สาขาช่างเชื่อมระบบท่อในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 400 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 485 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคห้องเย็นขนาดใหญ่ และช่างเทคนิคห้องเย็นขนาดเล็ก ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 385 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 470 บาทต่อวัน และพนักงานประกอบเครื่องปรับอากาศ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 370 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 455 บาทต่อวัน

กลุ่มแม่พิมพ์ สาขาช่างเทคนิคเครื่องกัดอัตโนมัติ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 450 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 540 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคเครื่องอีดีเอ็ม ช่างเทคนิคเครื่องไวร์คัทอีดีเอ็ม ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 430 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 515 บาทต่อวัน ส่วนสาขาช่างขัดเงาแม่พิมพ์ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 380 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 455 บาทต่อวัน

Action Plan คมนาคมปี2559-2560 วงเงิน 2.5 ล้านล้าน

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้รับทราบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

โดยแผนดังกล่าวมีโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 และต้องการเร่งรัดผลักดัน รวม 36โครงการ วงเงินรวม 8.95 แสนล้านบาท เช่น โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วรวม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการจัดซื้อรถโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 200 คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงต่างๆ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวเข้ม เป็นต้น

สำหรับผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ประกอบด้วยโครงการจำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1.79 ล้านล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการที่สามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 10 โครงการ คิดเป็น 50% ของโครงการทั้งหมด เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม   สีชมพู และสีเหลือง นอกจากนั้นเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการประกวดราคาปรับแก้ไขรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นำเสนอคณะรัฐมนตรี

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th
พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

รัฐบาลจีนพอใจไทยปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ – ท่องเที่ยวจีนดีขึ้น

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว หลังรัฐบาลปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ ว่า รายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 2559 เป็นไปตามเป้าหมาย 2.4 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมายเดิมคือ 2.3 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยว 30.2 ล้านคน แม้ว่าราว 3-4 เดือน หลังปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย นักท่องเที่ยวชาวจีนจะหายไป 20-30% แต่ยืนยันว่าปัจจุบันสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยดีขึ้น อัตราหายลดเหลือประมาณ 7%

“รัฐบาลจีนพอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะนักท่องเที่ยวจีนไม่ถูกหลอกอีก ขณะที่ผู้ประกอบการทัวร์ของจีนเองก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยกเว้นผู้ประกอบการไทยที่เคยผูกพันกับเรื่องของทัวร์ศูนย์เหรียญที่อาจได้รับผลกระทบบ้าง ต่อไปนักท่องเที่ยวที่มาจะมีคุณภาพเชิงการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ ฝากในช่วงท้ายว่าการดำเนินการทั้งหมดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยให้บริษัทที่ไม่ได้อยู่ในระบบเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องด้วย” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว

ผ่อนผันผู้เสียหาย – พยานค้ามนุษย์ อยู่ไทยต่อได้ 2 ปี

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการผ่อนผันให้ผู้เสียหายและพยาน รวมทั้งผู้ติดตามบุคคลดังกล่าวในคดีค้ามนุษย์อยู่ในประเทศไทย และสามารถทำงานหลังคดีสิ้นสุดได้เป็นเวลา 2 ปี โดยหากประสงค์จะอยู่ต่อจะสามารถต่ออายุได้คราวละ 1 ปี จากเดิมที่มีมติให้สามารถอยู่ต่อได้เพียง 1 ปี และต้องทำการต่ออายุต่อไป

“เนื่องจากมีการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trip report) ที่เห็นว่าหากผู้เสียหายและพยานให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นประโยชน์ต่อไทย ก็ควรจะขยายเวลาให้ โดยกระทรวงแรงงานจะอนุญาตให้สามารถทำงานได้ทุกประเภทงานตามที่แรงงานได้ตกลงกับนายจ้าง ส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจสุขภาพโดยยกเว้นค่าธรรมเนียม” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว

ขยายเวลาเกษียณอายุ ผู้พิพากษา-อัยการ อายุ 70 ปี

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

โดยให้ข้าราชการอัยการ ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม เกษียณอายุ 70 ปี สำหรับข้าราชการอัยการเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณให้ไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสจนกว่าจะพ้นจากราชการ โดยอัยการอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)

ส่วนข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ พ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่และให้ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส โดยไม่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการ (ก.ต.) หรือผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ต. และมิให้ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลยุติธรรมและกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม เพื่อให้คดีที่คั่งค้างมีการดำเนินการได้เร็วขึ้น

ออก พ.ร.บ.ตั้งมหาวิทยาลัยส่งเสริมกีฬา

พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. …. มีสาระสำคัญว่า กำหนดให้สถาบันการพลศึกษาตาม พ.ร.บ.สถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 เป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ มีสถานะเป็นนิติบุคคล เน้นการศึกษาเฉพาะทางการกีฬา ผลิตบุคลากรสาขาพลศึกษา ครอบคลุมทุกศาสตร์กีฬา โดย ร่าง พ.ร.บ. นี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านที่ 3 และร่างแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560-2564)

นายกฯ สั่งแนวจัดงานปีใหม่

พ.อ. หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ มีข้อสั่งการเกี่ยวกับแนวการจัดงานปีใหม่ ดังนี้ 1. กิจกรรมทางศาสนา ที่ทุกศาสนาสามารถร่วมกันได้ 2. เป็นไปเพื่อสาธารณะประโยชน์ 3. ถ้าเป็นงานบันเทิงของหน่วยงานใดๆ ต้องแสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรม 4. แสดงถึงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และถวายพระพรแด่พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

และในวันที่ 16-18 ธันวาคม 2559 เวลา 8.00-22.00 น. มีงาน Night at The Museum ที่มี 16 พิพิธภัณธ์เข้าร่วม เช่น พิพิธภัณฑ์เหรียญ พิพิธบางลำพู มิวเซียมสยาม ท้องฟ้าจำลอง เป็นต้น ผู้สนใจดูได้จากที่นี่