ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: ถกเถียงความจริงกรณี ‘น้องก้อย-โค้ชเช’ – ศธ. เตรียมบรรจุ 12 ค่านิยมคนไทย ‘รักชาติ-พอเพียง-กลัวบาป’

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: ถกเถียงความจริงกรณี ‘น้องก้อย-โค้ชเช’ – ศธ. เตรียมบรรจุ 12 ค่านิยมคนไทย ‘รักชาติ-พอเพียง-กลัวบาป’

19 กรกฎาคม 2014


ประเด็นฮอตประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 19-24 ก.ค. 2557

– อิสราเอลถล่มกาซาหนักดับแล้วกว่า 200 ราย
– ศธ. เตรียมบรรจุ 12 ค่านิยมคนไทย ‘รักชาติ-พอเพียง-กลัวบาป’
– ถกเถียงความจริงกรณี ‘น้องก้อย-โค้ชเช’ ลงโทษ ‘เหมาะสม-ไม่เหมาะสม’
– คสช. อนุญาต ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกนอกประเทศ-ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจำนำข้าว
– เครื่องบินมาเลถูกขีปนาวุธยิงตกดับยกลำในยูเครน

อิสราเอลถล่มกาซาหนักดับแล้วกว่า 200 ราย

เป็นข่าวครึกโครมอย่างมากถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังอิสราเอลเริ่มเปิดฉากโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาเมื่อ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ ‘ปฏิบัติการปกป้องเขตแดน’ เพื่อยุติการยิงขีปนาวุธและปืนครกข้ามพรมแดนฝีมือกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาส โดยสถานการณ์รุนแรงในฉนวนกาซานั้นเกิดขึ้นจากหลังเหตุสะเทือนขวัญที่เด็กหนุ่มอิสราเอล 3 คน ถูกลักพาตัวและโดนฆ่าทิ้งในฉนวนกาซา โดยรัฐบาลอิสราเอลประณามว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธฮามาสในปาเลสไตน์ แต่แล้วเพียงไม่กี่วันต่อมา ก็เกิดเหตุเด็กหนุ่มปาเลสไตน์ถูกลักพาตัวและโดนเผาทั้งเป็นจนเสียชีวิต

ด้านประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์รุนแรงในกาซา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์หยุดยิงกันทันที เช่นเดียวกับนายบัน คี มูนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ที่ได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายควรอดกลั้น

หลังการโจมตีระลอกแรก ต่อมาเมื่อ 13 ก.ค. กองทัพรัฐบาลอิสราเอลแจกใบปลิวในเมืองเบต ลาฮิยา ภาคเหนือของฉนวนกาซา เพื่อเตือนประชาชนให้อพยพออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากอิสราเอลกำลังเตรียมตัวโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ เนื้อหาในใบปลิวระบุว่าพวกเขาไม่ต้องการทำร้ายพลเมืองกาซา แต่พลเมืองก็ต้องทราบด้วยว่า การอยู่ใกล้กับกลุ่มฮามาสนั้นไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกัน นายคริส กันเนส โฆษกสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) เผยว่า จนถึงเมื่อเวลา 10:30 น. (14:30 น. ตามเวลาไทย) มีผู้อยู่อาศัยในกาซาขอเข้าลี้ภัยในศูนย์หลบภัยของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอทั้ง 8 แห่งแล้ว ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ราว 800 คนที่ถือ 2 สัญชาติเริ่มออกจากกาซาผ่านทางข้ามพรมแดน ‘อีเรซ’ ของอิสราเอลแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายมานูเอล ฮัสซาสเซียน ทูตปาเลสไตน์ในสหราชอาณาจักร บอกต่อสำนักข่าวบีบีซีว่า ชาวกาซาไม่มีที่ให้ซ่อนตัวอีกแล้ว เนื่องจากฮามาสเป็นส่วนหนึ่งของประชากรในกาซา และพวกเขาก็ต่อต้านอิสราเอลจากทุกแห่ง ขณะที่อิสราเอลก็ทิ้งระเบิดทั่วทั้งกาซา แล้วชาวกาซาจะไปที่ใด เมื่อไม่มีทั้งที่หลบภัย, บังเกอร์ เหลือแต่บ้านของพวกเขาเอง ซึ่งหากออกมาพวกเขาก็ถูกโจมตีตามท้องถนนเท่านั้น

สหประชาชาติแจ้งว่า ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลอ้างว่าเป้าหมายของการโจมตีในฉนวนกาซาคือกลุ่มติดอาวุธฮามาส และสถานที่ที่เป็นของกลุ่มก่อการร้าย รวมทั้งบ้านพักของฝ่ายปฏิบัติการระดับสูงของกลุ่มฮามาส แต่ในความเป็นจริง ในจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 200 ศพ เป็นพลเรือนชาวปาเลสไตน์ถึง 77%

อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้งในวันอังคารที่ 15 ก.ค. หลังจากกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาสปฏิเสธการทำข้อตกลงหยุดยิงนาน 6 ชั่วโมงกับพวกเขา และยิงจรวดหลายสิบลูกข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล ส่งผลให้มีพลเมืองอิสราเอลเสียชีวิตเป็นรายแรก ก่อนอิสราเอลจะตัดสินใจเริ่มการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ คณะกรรมการฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลโหวตและมีมติจะยอมรับข้อเสนอของอียิปต์ ที่เสนอให้ฝ่ายอิสราเอลและฮามาสหยุดยิงเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 9:00 น. (13:00 น. ตามเวลาไทย) ก่อนเดินหน้าเรื่องการเจรจา

อย่างไรก็ตาม ซามี อาบู ซูห์รี โฆษกของ ‘กองพลคาสซาม’ ฝ่ายกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาสออกมาปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของอียิปต์ โดยให้เหตุผลว่า การหยุดยิงก่อนเริ่มการเจรจาเต็มรูปแบบกับอิสราเอล เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

วันที่ 16 ก.ค. กองกำลังป้องกันอิสราเอล ทิ้งใบปลิวรวมถึงใช้ข้อความโทรศัพท์เพื่อเตือนชาวปาเลสไตน์กว่า 100,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกและทางเหนือของฉนวนกาซา ว่าให้อพยพออกจากพื้นที่ภายก่อนเวลา 8:00 น. วันพุธ (12:00 น. ตามเวลาไทย) ขณะที่การโจมตีทางอากาศของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป

การโจมตีระลอกล่าสุดของอิสราเอลในคืนวันอังคารที่ 15 ก.ค. และวันพุธที่ 16 ก.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รวมเด็ก 4 ราย ทำให้จำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. เพิ่มเป็น 274 รายแล้ว บาดเจ็บกว่า 2,000 คน ขณะที่มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 1 นาย และอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาแล้วกว่า 1,960 ครั้ง ส่วนฮามาสยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลแล้วกว่า 1,400 ลูก รวมทั้งอีก 50 ลูกหลังอิสราเอลรุกภาคพื้นดิน ส่วนสหประชาชาติระบุว่า บ้านเรือนในฉนวนกาซาถูกทำลายอย่างน้อย 1,370 หลัง ชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นฐานบ้านเรือนกว่า 18,000 คน อิสราเอลยังเรียกทหารกองหนุนเข้าประจำการเพิ่มอีก 18,000 นาย รวมเป็น 65,000 นาย

ที่มาภาพ :  https://twitter.com/allansorensen72/status/486954506517639170/photo/1
ที่มาภาพ: https://twitter.com/allansorensen72/status/486954506517639170/photo/1

ขณะที่ทวิตเตอร์ของอัลลอง โซเรนเซน (Allan Sørensen) นักข่าวของไครสตลิจต์ เดาบลา (Kristeligt Dagblad) นำเสนอภาพชาวอิสราเอลกินป็อปคอร์นขณะชมและปรบมือเชียร์ระเบิดให้ตกลงในเขตกาซา ที่เมืองซะเดรอท (Sderot) ชายแดนทางใต้ของอิสราเอล ภาพนั้นถูกรีทวีตไปถึง 12,220 ครั้งนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.

ศธ. เตรียมบรรจุ 12 ค่านิยมคนไทย ‘รักชาติ-พอเพียง-กลัวบาป’

ที่มาภาพ : http://www.chevrolet.co.th/content/dam/Chevrolet/asia/thailand/en/14_Chevrolet_Calture/one-world-futbal/03%20Khon%20kaen_980px.jpg
ที่มาภาพ: http://www.chevrolet.co.th/content/dam/Chevrolet/asia/thailand/en/14_Chevrolet_Calture/one-world-futbal/03%20Khon%20kaen_980px.jpg

สำนักข่าวไทยรายงาน กระทรวงศึกษาธิการขานรับ 12 ค่านิยมคนไทย ตามนโยบาย คสช. เตรียมบรรจุลงแผนปฏิรูปการศึกษาฉบับใหม่ที่จะเสนอต่อสภาปฏิรูป ขณะที่งานเร่งด่วนได้ปรับปรุงหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองเริ่มในภาคเรียนที่ 2 นี้ รวมทั้งเน้นวิชาลูกเสือกับหลักสูตรธรรมะศึกษาเพิ่มเติม ชี้สร้างค่านิยมจะสำเร็จต้องเริ่มจากระดับครอบครัว

นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการสร้างค่านิยมของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า กระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายเรื่องการพัฒนาคนอยู่แล้ว โดยอยู่ระหว่างการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบในหลายด้าน เป็นเรื่องดีที่มีการกำหนดเป็นค่านิยมหลัก 12 ประการ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมีทิศทางที่ชัดเจนตรงกันในการพัฒนาคน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งนำค่านิยมหลัก 12 ประการ ไปสานต่อเป็นรูปธรรม บรรจุลงในเป้าหมายของแผนโรดแมปปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2558-2564 ซึ่งอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อนจะนำเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีประชาชนเสนอความคิดเห็นมาแล้วจำนวนมาก ทั้งทางไปรษณีย์และเว็บไซต์ www.edreform.moe.go.th

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการว่า ในแผนเร่งด่วนได้เริ่มปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองแล้ว เพื่อให้นักเรียนรู้หน้าที่ของคนไทย มีระเบียบวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีความภูมิใจในชาติและความเป็นคนไทย โดยจะเริ่มดำเนินการใช้หลักสูตรใหม่ในภาคเรียนที่ 2 ปี 2557 ขณะที่วิชาลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด จะเน้นย้ำให้มีการเรียนการสอนที่ครบถ้วนเข้มข้น นอกจากนี้จะทำข้อตกลงกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดหลักสูตรธรรมศึกษาเข้าไปในโรงเรียน ซึ่งนักเรียนที่เรียนจบยังได้รับประกาศนียบัตรนักธรรมตรีควบคู่ไปด้วย

ทั้งนี้ การดำเนินการสร้างค่านิยมของคนไทยจะต้องอาศัยความร่วมมือกันทุกภาคส่วนด้วย ตั้งแต่ระดับครอบครัวที่จะต้องมีความรักความอบอุ่น พ่อแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต่อเนื่องไปถึงระดับชุมชนและสังคม เมื่อเด็กเข้าสู่โรงเรียนก็จะได้รับการปลูกฝังค่านิยมจากครูอาจารย์ ซึ่ง ศธ. จะปรับปรุงระบบการคัดเลือกบรรจุครูใหม่ เพื่อให้ได้ครูดี เก่ง และที่สำคัญต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู เพื่อจะเป็นแบบอย่างที่ดีกับศิษย์ได้

สำหรับค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช. ประกอบด้วย

1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2 .ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำหรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

ถกเถียงความจริงกรณี ‘น้องก้อย-โค้ชเช’ ลงโทษ ‘เหมาะสม-ไม่เหมาะสม’

ที่มาภาพ : https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTc_zag8CoqaXZ15VV8YjWaxpgowo3436XoyooDgy9jGXy2BnNIvQ  และhttp://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008353001.JPEG
ที่มาภาพ: https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTc_zag8CoqaXZ15VV8YjWaxpgowo3436XoyooDgy9jGXy2BnNIvQ
และhttp://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008353001.JPEG

นับเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลมีเดียหลัง ‘น้องก้อย’ หรือ รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดหญิงทีมชาติไทยเจ้าของเหรียญทองแดงศึกชิงแชมป์เอเชีย 2014 รุ่น 62 กก. ให้สัมภาษณ์พร้อมพ่อและแม่ เมื่อ 16 ก.ค. ในรายการ ‘เรื่องเด่นเย็นนี้’ ทางช่อง 3 โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกร จากประเด็นร้อนที่ตนได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าถูก โค้ชเช หรือ เช ยอง ซุก วัย 40 ปี หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ ทำร้ายร่างกายด้วยการชกที่หน้าและท้องหลายหมัด เนื่องจากแพ้คู่ต่อสู้เจ้าถิ่นในศึก โคเรีย โอเพน ที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

koii

‘น้องก้อย’ แจกแจงว่ามีการเข้าใจคลาดเคลื่อนจากผู้ฝึกสอนชาวไทยเรื่องระยะเวลาก่อนขึ้นแข่งจึงเตรียมตัวไม่ทัน ทำให้พ่ายแพ้ในที่สุด ตนเองไม่ได้ผิดและอยากให้อีกฝ่ายขอโทษผ่านสื่อ

เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ถึงความไม่ถูกต้องของการซ้อมและประเด็นสำคัญที่ว่าทำไม ‘น้องก้อย’ จึงถูกซ้อม เป็นเพราะหละหลวมในหน้าที่ทีมชาติหรือไม่ หลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นรวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึง ‘โค้ชแม็กซ์’ หรือ ชัชวาล ขาวละออ อดีตเหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์โลก 2011 หนึ่งในผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และ วิว เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิก เอเธนส์ เกมส์ 2004

โดยโค้ชแม็กซ์จึงได้ถ่ายคลิปส่งตรงจากการแข่งขันที่เกาหลี ระบุ น้องก้อยไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน ชี้เป็นนักกีฬามืออาชีพและมีประสบการณ์ต้องมีการเตรียมตัวที่ดีกว่านี้ กระแสที่เทไปทางโค้ชเชซึ่งฝากผลงานให้กับสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย เอาไว้มากมาย โดยให้กำลังใจ เพราะเป็นกีฬาที่ต้องปะทะรุนแรง ดังนั้น ผู้เล่นจะต้องมีความเข้าใจและยอมรับตรงจุดนี้ การฝึกซ้อมและวินัยจึงต้องเข้มงวดด้วย

‘วันนั้นเป็นการแข่งขันวันแรก มีการแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 65 คน ผมทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนทีมชาย พอทำหน้าที่เสร็จ ผมลงมาบอกน้องก้อยว่าให้เตรียมตัว และแสตนด์บายรอไว้เพื่อที่จะรอฝ่ายจัดการแข่งขัน เรียกทำการรายงานตัว แต่วันนั้นน้องก้อยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ไม่ได้วอร์มร่างกาย และไม่ได้ใส่อุปกรณ์เตรียมไว้ด้วย ทำให้การแข่งขันของน้องก้อยวันนั้นไม่มีความพร้อม จริงๆ แล้วเป็นนักกีฬามืออาชีพ แข่งขันระดับนานาชาติมาแล้วถึง 2 ครั้ง ต้องมีการเตรียมตัว แต่วันนั้นน้องก้อยไม่ได้วอร์มหรือไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย’ โค้ชแม็กซ์ กล่าว

Screen Shot 2557-07-18 at 7.08.49 PM

ส่วนความเห็นจาก ‘วิว’ เยาวภา อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ซึ่งเคยร่วมงานกับโค้ชเชนั้น ได้เขียนลงบนเฟซบุ๊กหลังจาก ‘น้องก้อย’ ทิ้งคำถามไว้ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ว่า ‘ถ้าลูกพี่เป็นผู้หญิงพี่จะรู้สึกอย่างไรถ้าโดนโค้ชทำร้าย?’ แต่เวลาไม่พอทำให้ต้องจบรายการ

วิว เยาวภา ตอบว่า ‘ถ้าลูกพี่ อายุ 23 แล้ว แล้วเป็นทีมชาติ พี่ไม่ซีเรียสนะคะ ถ้าไม่ถึงกับ ตาปูด เลือดไหล เพราะพี่โดนมาแล้วไม่เป็นไรค่ะ ไม่ตาย จิตใจไม่บอบช้ำ เพราะพี่เข้าใจ และความฝันพี่ยิ่งใหญ่’

ขณะเดียวกัน ‘เจ้าไอ’ เป็นเอก การะเกตุ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ก็ได้โพสต์คลิปวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา หากปล่อยไว้นานจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหากไม่มีการพูดคุยกันอนาคตอาจไม่มีทีมเทควันโดอีกต่อไป

ด้าน ‘โค้ชเช’ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ ระหว่างการแข่งขัน โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ลงโทษ ก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยด้วยการต่อยหน้า ตามที่ ก้อย รุ่งระวี ออกมาให้ข่าว

โค้ชเชเปิดเผยว่า ในขณะที่นักกีฬาฝ่ายตรงข้ามมารอที่สนามแล้ว แต่ ก้อย รุ่งระวี ยังไม่พร้อมแข่งขันจนเกือบถูกตัดสิทธิ์ ตนจึงสั่งสอนต่อหน้านักกีฬาคนอื่นๆ ด้วยการตีเขาที่ใบหน้าและท้องเบาๆ แต่ไม่ได้ต่อย โดยขอยืนยันว่าตนทำหน้าที่โค้ชให้กับประเทศไทยมานาน จึงรู้ดีว่าวัฒนธรรมไทยไม่คุ้นเคยกับการสั่งสอนแบบนี้ ยิ่งเป็นนักกีฬาหญิงแล้วด้วย จะต่อยได้อย่างไร

ทั้งนี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โค้ชเช ยอง ซุก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค. นี้ ระบุ ตัดสินใจจะกลับประเทศไทย เพื่อทำงานต่อไปโดยเฉพาะการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์

นอกจากนี้ เชยังยืนกรานว่าปัญหาการลงโทษ ก้อย รุ่งระวี ขุระสะ กระทั่งถูกกล่าวหาว่าชกต่อยทำร้ายร่างกายเกินเหตุว่า เป็นการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

‘นอกจากผลแพ้ชนะแล้ว เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำในการเตรียมความพร้อม เราคุยกันแล้วเกี่ยวกับความมีระเบียบวินัย สิ่งที่ผมทำไปเป็นการลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น’ โค้ชเชระบุ

ด้านอุปนายกสมาคมเทควันโดออกมาพูดถึงกรณีโค้ชเชทำร้ายร่างกายน้องก้อยว่า อยากให้ทุกคนรอโค้ชเชและนักกีฬากลับมาประเทศไทยก่อน แล้วค่อยสอบสวนข้อเท็จจริง

คสช. อนุญาต ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกนอกประเทศ-ป.ช.ช. ชี้มูลความผิดจำนำข้าว

ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/Y.Shinawatra
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/Y.Shinawatra

เมื่อ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศแถบยุโรปในช่วงวันที่ 20 ก.ค. ถึง 10 ส.ค. โดยจะเดินทางไปพร้อมกับ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย

พ.อ. วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. เปิดเผยว่า ได้สอบถามไปยังคณะกรรมการถึงคำขอดังกล่าวแล้ว ทราบว่าคณะกรรมการไม่ติดขัดอะไร อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปต่างประเทศได้ตามที่ร้องขอ ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ คสช. ได้มีคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือห้ามการเดินทางออกนอกประเทศ ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด ไม่มีพฤติกรรมที่จะต่อต้านขัดขวาง จึงไม่มีเหตุผลในการห้ามเดินทาง ส่วนคำขอของบุคคลอื่นนั้น ยังไม่เห็นว่ามียื่นเข้ามาอีกหรือไม่ หากมีเข้ามาก็ต้องพิจารณาจากหลายๆ องค์ประกอบ เช่น ประวัติการกระทำความผิด คดี หรือข้อกล่าวหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องแล้วแต่คณะกรรมการพิจารณาอีกที

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์กันว่า การขอเดินทางไปประเทศแถบยุโรปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ เป็นไปได้ว่าอาจเดินทางไปเพื่อพบปะกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะจัดงานวันคล้ายวันเกิดที่ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 26 ก.ค. นี้ ส่วนความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น ก็มีรายงานเช่นกันว่า แกนนำหลายคนในพรรคได้ยื่นเรื่องขอเดินทางไปต่างประเทศด้วยเช่นกัน

ขณะที่ล่าสุดเมื่อ 18 ก.ค. ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ส่งอัยการสูงสุดฟ้อง ‘ยิ่งลักษณ์’ ผิดจำนำข้าว-ระบายข้าว ตามมาตรา 157 โดยป.ป.ช.ระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวก ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ทุจริตจำนำข้าว เกิดความเสียหาย 5 แสนล้านบาท

โดย น.ส. ยิ่งลักษณ์ ออกมาแถลงว่า กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่เร่งรีบ รวบรัด โดยแจ้งข้อกล่าวใช้เวลาเพียงแค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญาภายใน 140 วัน ซึ่ง ป.ป.ช. ไม่เคยปฏิบัติต่อคดีอื่นๆ ที่ดำเนินการต่อนักการเมืองเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อตน เมื่อเทียบเคียงกับการดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่ ป.ป.ช. ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี คดี ปรส. ที่ล้าช้า โครงการทุจริตโรงพักทั่วประเทศ ป.ป.ช. กลับไม่มีความคืบหน้า ถือว่ามิได้มีบรรทัดฐานอย่างเดียวกัน

นอกจากนี้ ในการปฏิบัติของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ เห็นว่าคดีนี้มีพฤติการณ์รวบรัดเป็นกรณีพิเศษ คือเลือกรับฟังพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวตน ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมในการเสนอพยานบุคคลที่เป็นส่วนสาระสำคัญ ไม่รอผลการพิสูจน์เรื่องสต็อกข้าวให้เป็นที่สิ้นสุด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องสต็อกข้าว ทั้งๆ ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปร่วมสังเกตการณ์แล้ว ไม่ไต่สวนในข้อเท็จจริง กรณีการลงบันทึกบัญชีที่ข้อแย้งและแตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี และคณะกรรมการ กขช. ให้เป็นที่สิ้นสุด กรณีไม่พิจารณาการที่ตนคัดค้านนายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. รวม 3 ครั้ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวถึงประเด็นการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีคดีนั้น ขอยืนยันว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้าแล้วก่อนที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน วันนี้ตนเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย

เครื่องบินมาเลถูกขีปนาวุธยิงตกดับยกลำในยูเครน

ที่มาภาพ : https://twitter.com/MAS/status/489795857101750272
ที่มาภาพ: https://twitter.com/MAS/status/489795857101750272
ที่มาภาพ : http://www.theguardian.com/world/gallery/2014/jul/18/malaysia-airlines-flight-mh17-crash-in-pictures
ที่มาภาพ: http://www.theguardian.com/world/gallery/2014/jul/18/malaysia-airlines-flight-mh17-crash-in-pictures

เมื่อเวลา 10.36 น. ทวิตเตอร์ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์รายงานว่า ไม่สามารถติดต่อเครื่องบิน MH17 ที่บินจากกรุงอัมสเตอร์ดัมได้ ตำแหน่งสุดท้ายอยู่ที่น่านฟ้ายูเครน

สำนักข่าวต่างประเทศและไทยรัฐออนไลน์รายงานโศกนาฏกรรรมเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกขีปนาวุธยิงตกทางตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งรายงานของสำนักงานควบคุมการบินพลเรือนของยุโรป (ยูโรคอนโทรล) ระบุ เครื่องบินโดยสารลำนี้บินอยู่เหนือเขตควบคุมการบินถึง 300 เมตร หรือ 1,000 ฟุต ในช่วงที่โดนขีปนาวุธยิงตก โดยเครื่องบินบินได้บินอยู่ที่ ระดับ 33,000 ฟุต (10,000 เมตร) ซึ่งถือเป็น ‘น่านฟ้าเปิด’ ทั้งนี้ทางการยูเครนได้มีคำสั่งห้ามเครื่องบินทุกลำบินที่ระดับ 32,000 ฟุต หรือต่ำกว่า

ขณะเดียวกัน โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้สำนักงานควบคุมการบินพลเรือนในยุโรป (ยูโรคอนโทรล) มีคำสั่งห้ามไม่ให้เที่ยวบินทั้งหมดบินผ่านน่านฟ้าทางตะวันออกของประเทศยูเครนแล้ว สำนักพิมพ์เดอะการ์เดียนเผยว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีคำเตือนจากสำนักงานการบินพลเรือนของอังกฤษ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. แล้วว่า เครื่องบินโดยสารทั้งหมดควรหลีกเลี่ยงที่จะบินเหนือน่านฟ้าของคาบสมุทรไครเมีย และบริเวณตอนใต้ของยูเครน เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากกำลังเกิดวิกฤติการณ์ความรุนแรงทางภาคตะวันของยูเครน

ด้านประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ออกโรงประณามกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนสนับสนุนรัสเซีย ในภาคตะวันออกของยูเครน ว่าเป็นตัวการยิงเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ ด้วยขีปนาวุธแบบภาคพื้นสู่อากาศ จนทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ รวม 298 ชีวิตต้องประสบโศกนาฏกรรมดังกล่าว ‘นี่ไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุ หรือแค่หายนะ แต่นี่คือการก่อการร้าย’ ประธานาธิบดียูเครนกล่าว

ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย กล่าวว่าตนรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง หลังทราบโศกนาฏกรรมที่เกิดกับเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาห่างจากที่เครื่อง MH 370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยเพียงแค่ 4 ดือน โดยผู้นำแดนเสือเหลืองกล่าวว่า ‘นี่คือวันโศกนาฏกรรม ในปีแห่งโศกนาฏกรรมของมาเลเซีย’ พร้อมย้ำจะต้องสืบสวนให้รู้ความจริงว่าใครคือตัวการที่อยู่เบื้องหลังเครื่อง MH 17 โดนขีปนาวุธยิงตกทางตะวันออกของยูเครน

ส่วนนายกรัฐมนตรีโทนีย์ แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลียชี้ว่า รัฐบาลรัสเซียซึ่งแอบส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนจะต้องรับผิดชอบ ขณะที่จูเลีย บิชอป รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า กบฏฝักฝ่ายรัสเซียที่พบกล่องดำของเที่ยวบิน MH 17 จะต้องคืนให้แก่ทางการ

ด้านรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดียูเครนได้ยอมรับความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ เสนอจัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเร่งเดินทางตรวจสอบในบริเวณที่เครื่องบินตกแล้ว พร้อมกับระบุว่า เครื่องบินโดยสารโดนยิงตกครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ เนื่องจากเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ

ทั้งนี้ สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ได้เปิดเผยว่า ผู้โดยสารจำนวน 283 รายที่เดินทางมากับเที่ยวบิน 17 ประกอบด้วย ชาวเนเธอร์แลนด์อย่างน้อย 154 ราย, ออสเตรเลีย 27 ราย, ชาวมาเลเซีย (รวมทั้งลูกเรือ) 28 ราย, ชาวอินโดนีเซีย 12 ราย และชาวอังกฤษ 9 ราย นอกจากนั้น ยังมีผู้โดยสารชาวเยอรมนี 4 ราย เบลเยียม 4 ราย ฟิลิปปินส์ 3 ราย และแคนาดา 1 ราย โดยผู้โดยสารที่เหลือยังไม่สามารถยืนยันสัญชาติได้ ขณะที่ลูกเรือบนเที่ยวบิน MH 17 ทั้ง 15 รายนั้น เป็นชาวมาเลเซียทั้งหมด

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH 17 นั้น อาจมีกลุ่มนักวิจัยยารักษาเอชไอวีประมาณ 100 คน ด้วย ระหว่างการเดินทางไปประชุมเอดส์โลก 2014 เนื่องจากพบอีเมลการจองตั๋วเครื่องบินไฟลต์นี้ แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่าจำนวนนักวิจัยทั้งหมดบนเครื่องบินลำนี้มีเท่าใด

ล่าสุดเมื่อ 18 ก.ค. สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 17 โดนขีปนาวุธยิงตกทางภาคตะวันออกของยูเครนว่า ขณะนี้ กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ได้พบ ‘กล่องดำ’ บันทึกเสียงของนักบินและข้อมูลการบิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาหาสาเหตุเครื่องบินตกแล้ว พร้อมกับจะส่งให้แก่ทางการกรุงมอสโกตรวจสอบต่อไป

สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานอ้างการเปิดเผยของนายแอนดรีย์ เปอร์กิน รองนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัสเซีย กล่าวว่า กล่องดำของเที่ยวบิน MH 17 จะถูกส่งมาตรวจสอบ และมอบให้แก่คณะกรรมการการบินระหว่างรัฐ หรือ Interstate Aviation Committe (IAC) ของรัสเซียในกรุงมอสโก เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพสูง และจะสามารถตรวจสอบหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้

ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152567671707629&set=a.427069192628.216954.8376212628&type=1
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152567671707629&set=a.427069192628.216954.8376212628&type=1

ขณะเดียวกัน มีการแสดงเส้นทางการบินที่เลี่ยงบินผ่านน่านฟ้ายูเครนของสายการบินอื่นๆ หลังเกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย MH 17 ถูกยิงตกจนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 295 ราย