ThaiPublica > คอลัมน์ > เทคโนโลยีหยุดยั้ง Grooming ป้องกันอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กออนไลน์

เทคโนโลยีหยุดยั้ง Grooming ป้องกันอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กออนไลน์

25 พฤษภาคม 2025


เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์

ในโลกที่เด็กจำนวนมากเติบโตมาพร้อมอินเทอร์เน็ต การล่วงละเมิดทางเพศไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการสัมผัสตัวจริงอีกต่อไป แค่มีแชต เกม หรือกล้องเว็บแคม เด็กคนหนึ่งก็อาจกำลังตกเป็นผู้ถูกกระทำจาก การกรูมมิง(grooming) หรือกระบวนการหลอกล่อทางอารมณ์เพื่อมุ่งหวังผลทางเพศโดยผู้ใหญ่ การกรูมมิงมักแฝงอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมาย

ทว่าผลลัพธ์กลับดำมืดอย่างไม่ต้องสงสัย คำถามสำคัญคือ เราจะหยุดมันได้อย่างไร ก่อนที่เหตุจะเกิด

กรูมมิงคืออะไร และทำไมถึงยากจะรับมือ

กรูมมิงไม่ใช่การข่มขืน แต่เป็นกระบวนการค่อยๆ ทำให้เหยื่อเชื่อใจ เหมือนครู เหมือนเพื่อน เหมือนคนรัก ก่อนจะค่อยๆ ขอข้อมูลส่วนตัว ภาพลับ หรือพาไปสู่การล่วงละเมิดจริงในที่สุด อาชญากรเหล่านี้รู้ดีว่าเหยื่อมีช่องว่างในชีวิต เช่น ความเหงา ความอยากได้รับการยอมรับ หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ห่างเหิน

สิ่งที่ทำให้กรูมมิงยากจะจับตาคือ มันเกิดขึ้นในบทสนทนามากกว่าการกระทำ เหมือนอาชญากรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จึงยากต่อการแจ้งความและดำเนินคดีตามกฎหมายในหลายประเทศ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราหยุดมันไม่ได้

เทคโนโลยี: อาวุธลับใหม่ของการป้องกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักพัฒนาเทคโนโลยีและองค์กรป้องกันเด็กเริ่มหันมาใช้เอไอ จิตวิทยา และเทคนิคทางไซเบอร์แบบใหม่ในการตรวจจับพฤติกรรมก่อนจะสายเกินไป บางเทคนิคดูเหมือนกลยุทธ์ลับจากนิยายไซไฟ แต่กลับถูกใช้งานจริงแล้วในหลายประเทศ

1. Scare Tactic: ภาพผีเตือนใจหรือบาปทางใจ scare tactic คือการใช้ภาพ เสียง หรือข้อความที่สร้างความรู้สึกกลัว เพื่อกระตุกให้ผู้ใช้งานหยุดพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่อาชญากรรม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ในฟินแลนด์มีการทดลองระบบที่หากผู้ใช้ค้นหาคำที่เข้าข่ายสื่อลามกเด็ก ระบบจะเด้งภาพหลอน เช่น หน้าเด็กผี เสียงกรีดร้อง หรือข้อความว่า Your IP has been logged เพื่อทำให้ตกใจและรู้สึกว่าถูกจับตาอยู่

แม้มาตรการนี้จะมีข้อถกเถียงเรื่องจริยธรรม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการใช้จิตวิทยามาเป็นด่านแรกในการหยุดยั้งพฤติกรรมเสี่ยง ก่อนที่กฎหมายจะมีโอกาสเข้าไปจัดการ

2. Honeypot: กับดักที่ไม่ได้มีน้ำผึ้ง honeypot คือการสร้างกับดักดิจิทัล ที่ดูเหมือนจะเป็นแหล่งสื่อลามกเด็กหรือช่องทางในการแชตกับเด็ก แต่จริงๆแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ เพื่อดักจับผู้ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยหนึ่ง ในกรณีตัวอย่างระดับโลกคือ Sweetie13 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sweetie เด็กหญิงอายุ 10 ปีจากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตัวละครเสมือนจริง (virtual child) ที่สร้างโดยองค์กร Terre des Hommes จากเนเธอร์แลนด์

Sweetie เป็นโมเดล 3D ที่เคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์ ใช้เข้าไปในห้องแชตหรือเว็บแคมยอดนิยม ผลลัพธ์คือ มีชายมากกว่า 20,000 คนจาก 71 ประเทศพยายามล่อลวง Sweetie ภายในเวลาเพียง 10 สัปดาห์ โดยไม่รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ใช่คนจริง และการกระทำของพวกเขากำลังถูกบันทึกไว้ทั้งหมด Sweetie ไม่ได้มีไว้เพื่อหลอกให้คนทำผิด แต่เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าอาชญากรรมนี้เกิดขึ้นง่ายและถี่แค่ไหน

3. เอไอที่ฟังภาษาเด็ก เอไอถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์บทสนทนาในแอป แชต และเกมออนไลน์โดยมองหาคำหรือโครงสร้างการพูดที่เข้าข่ายพฤติกรรมกรูมมิง เช่น คำถามว่าอยู่บ้านคนเดียวไหม หรือ “พ่อแม่รู้ไหมว่าเราคุยกัน แอปต่างๆ เช่น Bark (สหรัฐฯ), SafeToNet (อังกฤษ) หรือ ReThink (อินเดีย) ใช้เอไอเพื่อแจ้งเตือนผู้ปกครองทันทีเมื่อพฤติกรรมผิดปกติเกิดขึ้น บางระบบยังสามารถหยุดไม่ให้เด็กส่งภาพลับออกไป และเตือนเด็กว่าคุณกำลังจะส่งภาพที่เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิด — คุณแน่ใจหรือไม่”

เอไอยังสามารถแนะนำข้อมูลหรือช่องทางช่วยเหลือ ให้ผู้ใหญ่ที่รู้ตัวว่ามีความรู้สึกผิดปกติได้ เช่น กลุ่ม Virtuous Pedophiles หรือ Stop It Now! ที่เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนขอความช่วยเหลือก่อนจะกระทำผิด

เสริมกลยุทธ์เชิงจิตวิทยาและเทคนิค: สามระดับของการยับยั้ง

เพื่อให้เข้าใจว่าการป้องกันไม่จำเป็นต้องใช้แค่กล้องวงจรปิดหรือดักจับอาชญากร เราต้องมองเห็นการทำงานของเทคโนโลยีเป็นสามระดับที่ซ้อนทับกัน ดังนี้

1. Psychological Deterrence Tactics (ทำให้รู้สึกผิด/กลัว/ลังเล)

Scare pop-ups / Fear-based messages: เช่นข้อความ "Your IP address has been logged. You are under investigation by the Cybercrime Unit." แม้ไม่แจ้งจับจริงแต่ทำให้คนตกใจและอาจเลิกพฤติกรรมได้ทันที

Fake Download Pages: หน้าเว็บที่แกล้งทำเป็นเว็บโหลดวิดีโอแต่จริงๆ ไม่มีคอนเทนต์ และเป็น honeypot ที่บันทึกพฤติกรรมของผู้ใช้แทน

ข้อความสะเทือนใจจากเหยื่อ: เช่น “Every time you view this, you’re abusing me again.” ใช้จริงในบางเว็บในสหราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดผลสะเทือนทางจิตใจ

2. Technical Disruption Tactics (ขัดจังหวะการเข้าถึง)

DNS Redirect: เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้จากเว็บผิดกฎหมายไปยังเว็บให้ข้อมูล เช่น stopitnow.org หรือหน้าเตือนจากตำรวจไซเบอร์

Shadow Banning แบบย้อนกลับ: ผู้ใช้คิดว่าตนกำลังใช้เว็บอยู่ แต่จริงๆ ไม่มีคอนเทนต์อะไรหรือได้แต่ไฟล์เปล่า

เอไอตรวจจับพฤติกรรม: เริ่มเตือนอัตโนมัติเมื่อพฤติกรรมการค้นหาเริ่มน่าสงสัย บางประเทศเริ่มใช้ “predictive policing” เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มก่อนจะเกิดการเข้าถึงจริง

3. Soft Intervention Tactics (ให้โอกาสกลับตัว)

เสนอช่องทางขอความช่วยเหลือ: เช่น เปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้งานที่ค้นหาคำผิดกฎหมายไปยังเว็บไซต์ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา เช่น Stop It Now! หรือ Virtuous Pedophiles

คำถามที่ตั้งใจแทงใจ: เช่น “Are you about to hurt a child? This is your chance to stop.”ทำให้ผู้ใช้งานเกิดการไตร่ตรองอย่างจริงจัง

เส้นแบ่งระหว่างจริยธรรมและการป้องกันเทคโนโลยีเหล่านี้ นำไปสู่คำถามทางจริยธรรมว่า เราสามารถเฝ้าดูหรือดักฟังผู้ใช้งานได้แค่ไหนก่อนจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และเมื่อเราสร้างตัวละครปลอมอย่าง Sweetie แล้วปล่อยไปในโลกออนไลน์ เรากำลังป้องกันอาชญากรรม หรือกำลังสร้างสถานการณ์ที่ผลักดันให้คนกระทำผิด

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากจุดยืนของผู้ที่ต้องปกป้องเด็ก เทคโนโลยีเหล่านี้คือแนวหน้าใหม่ของการสู้กับอาชญากรรมทางเพศที่ไม่ต้องรอให้เหยื่อปรากฏตัวจริง บทเรียน และโอกาส สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่มีเทคโนโลยี แต่คือการออกแบบให้ใช้ได้จริง สอดคล้องกับกฎหมาย และมีระบบรับเรื่องหรือช่วยเหลือผู้ที่เสี่ยงจะกระทำผิดอย่างมีมนุษยธรรม

ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสอีกมากในการนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น

  • การติดตั้งระบบเอไอแจ้งเตือนในแพลตฟอร์มแชตที่นิยมในกลุ่มเด็ก
  • การอบรมบุคลากรด้านไซเบอร์ในโรงเรียน
  • การสร้างแคมเปญสื่อสารที่ใช้ภาษาจิตวิทยาอย่างชาญฉลาด
  • การเปิดพื้นที่ปรึกษาเชิงลึกแก่ผู้ใหญ่ที่รู้ตัวว่ามีความรู้สึกเสี่ยง
  • หรือแม้แต่การพัฒนา นิทรรศการเพื่อกระตุ้นจริยธรรมผ่าน emotional design เช่น interactive site ที่ตั้งคำถามให้คนรู้สึกว่าเรากำลังจะข้ามเส้นบางอย่างรึเปล่า ก็สามารถเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทรงพลังเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบเดียวในการแก้ปัญหา แต่เป็นด่านหน้าที่อาจปกป้องเด็กนับล้านคนจากบาดแผลที่ยากจะลบเลือน และบางครั้งแค่ภาพผีภาพเดียว อาจทำให้ใครบางคนหยุดคิด ก่อนที่มือจะกดแป้นพิมพ์ลงไปจริงๆ