ThaiPublica > คอลัมน์ > ถอดรหัส Silent Hill f

ถอดรหัส Silent Hill f

27 เมษายน 2025


1721955

บทความนี้ต่อเนื่องกับบทความเก่าเมื่อ 2 ปีก่อน https://thaipublica.org/2022/12/silent-hill-f/

สิ่งที่เรากำลังจะเล่าในบทความนี้ยังคงเป็นเพียงการคาดเดา ที่เราขอถอดรหัสเท่าที่เห็นจากในตัวอย่างล่าสุดของ Silent Hill f ที่ปรากฎให้เห็นเมื่อ 13 มีนาคมที่ผ่านมา

ที่มาพร้อมแคมเปญโฆษณาว่าผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับสตีลบุค หรือกล่องเหล็กบรรจุของที่ระลึกน่าสะสม แข็งแรงสวยงาม สยดสยอง อันน่าจะเป็นภาพใบหน้าของ ฮินาโกะ ตัวละครหลักของ Silent Hill f

และสิ่งแรกที่ผู้ชมจะได้รู้จากตัวอย่างนี้ คือ “ฮินาโกะตายแล้ว” คือแน่ ๆ ว่า ฮินาโกะ จะเป็นตัวละครที่ตาย ที่เราไม่รู้ว่าตายตั้งแต่เริ่ม หรือค่อย ๆ ถูกทำให้ตายระหว่างเกม สองสิ่งนี้ต่างกัน เพราะถ้าตายตั้งแต่เริ่ม แปลว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกม
คราวนี้คือโลกในมิติความตายของเธอ แต่ถ้าค่อย ๆ ตายระหว่างเกม แปลว่าเมืองนี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเหมือนดังหมอกที่ค่อย ๆ ครอบงำกลืนกินเมืองนี้ไป

สิ่งที่เรารับรู้ต่อมาคือ “เธออยากจะอยู่กับเพื่อนของเธอตลอดไปงั้นหรือ?…แต่เพื่อนน่ะ ไม่คงอยู่ตลอดไปหรอกนะ…พวกเขาจะทรยศเธอในที่สุด…เหมือนอย่างที่พวกเขาพูดกันว่า…เธอเองก็ทรยศพวกเขาด้วยเช่นกัน” ดูเหมือนธีมหลักของเรื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของ มิตรภาพ และการทรยศ

Silent Hill เป็นเฟรนไชส์เกมที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1999 ซึ่งแม้จะเป็นเกมที่มีถิ่นกำเนิดจากญี่ปุ่น แต่เหตุการณ์ในภาคอื่น ๆ ล้วนเกิดขึ้นในอเมริกาและตัวละครเป็นฝรั่งด้วยเหตุผลทางการตลาดและความเป็นสากล แต่ภาค f นี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีภาคไหนทำมาก่อน เพราะฉากและเนื้อเรื่องทั้งหมดจะถูกย้ายไปเล่าในญี่ปุ่นเมื่อช่วงปี 1960 ในเมืองชนบทสมมติชื่อ เอบิสึงะโอกะ (ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจจากสถานที่จริงในเมือง คานายามะ จังหวัดกิฟุ)

ในส่วนของเรื่องย่อที่ถูกเปิดเผยตอนนี้คือ ชิมิสึ ฮินาโกะ เป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งเมืองของเธอถูกปกคลุมด้วยหมอกและเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย ตอนนี้เธอต้องออกสำรวจเมืองที่เธอไม่รู้จักอีกต่อไป ในขณะที่ต้องไขปริศนา ต่อสู้กับศัตรูแปลก ๆ และทำทุกสิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด…เพื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย…นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับทางเลือกอันสวยงามและชวนสยดสยอง

สาวปากฉีก

สิ่งที่มีร่วมกันในเมืองห่าผีหรือ Silent Hill ทุกภาค คือ ตัวละครจะต้องเผชิญหน้ากับผีร้ายต่าง ๆ ที่กลายร่างมาจากความชิงชัง ความโศกสลด ความหวาดกลัว หรือด้านมืดภายในใจของตัวละครเอง โดยในตัวอย่างนี้ได้ระบุว่า “พวกมันสามารถฆ่าฮินาโกะได้ตลอดเวลา” และสิ่งที่พวกมันต้องการให้ฮินาโกะรับรู้ คือเธอต้องรำลึกให้ได้ว่าเธอได้เคยกระทำอะไรเอาไว้ในอดีต ซึ่งเราเดาว่าฮินาโกะน่าจะเคยทอดทิ้ง หักหลัง หรือทำร้ายเพื่อนด้วยวิธีใดสักอย่าง แล้วจิตใต้สำนึกนั้นได้สร้างปีศาจหลากหลายตัวตนขึ้นมาครอบงำเมืองแห่งนี้ ทำให้เธอตกอยู่ในวังวนของเมืองแห่ง Silent Hill

ออกตัวก่อนว่าบทความนี้จะไม่เล่าสิ่งที่เราเคยเล่าไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน เช่น เสาโทริอิ หุ่นไล่กา หรือดอกพลับพลึงแดงที่ยังคงปรากฎในตัวอย่างล่าสุดนี้ด้วย และเราเคยอธิบายไปแล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่เพิ่มเข้ามาในตัวอย่างใหม่นี้ที่คนดูจะได้เห็นเพียงแค่เสี้ยววินาที ก็คือใบหน้าของ สาวปากฉีก หรือ คุจิซาเกะอนนะ

สาวปากฉีกเป็นตำนานเมืองของญี่ปุ่น เป็นวิญาณอาฆาตแค้น (อนเรียว) ของผู้หญิงที่มักจะปกปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยหน้ากาก ผ้าปิดปาก พัด หรือไม่ก็ใช้มือบัง และมักจะถือกรรไกร เคียว หรือมีด มักถูกอธิบายว่ามีความสูงราว 175-180 เซนติเมตร บางตำนานก็ลือกันว่าเธอสูงถึง 8 ฟุตเลยก็มี ผมสีดำ มือขาว หน้าซีดเผือด และเป็นลักษณะหนึ่งของโยไค

ตำนานเล่าว่าเธอจะโผล่ตามตรอกซอกซอยเปลี่ยว แล้วถามเหยื่อว่า “ฉันสวยไหม?” ถ้าเหยื่อตอบว่า “ไม่” เธอก็จะฆ่าพวกเขาทิ้งด้วยกรรไกรคมยาว หรือไม่ก็ตามไปจ้วงแทงขณะเหยื่อหลับ แต่ในทางกลับกันหากเหยื่อตอบว่า “สวย” เธอก็จะถอดหน้ากากออก แล้วเปิดเผยให้เห็นปากที่มีรอยกรีดฉีกจนถึงหู แล้วเธอก็จะวนเวียนถามคำถามเดิม ๆ นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งหากเหยื่อยังคงตอบว่า “สวย” เธอก็จะกรีดมุมปากของเหยื่อให้ฉีกขาดจนถึงหูเหมือนกับเธอ

เชื่อกันว่าตำนานสาวปากฉีกสามารถสืบย้อนไปในสมัยเอโดะในช่วงศตวรรษที่ 17-19 ก่อนจะกลับมาบูมในยุคเราอีกครั้งเมื่อปี 1978 เมื่อจู่ ๆ หนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับในปีนั้นต่างเล่าขานตำนานนี้และลือกันว่ามีคนพบสาวปากฉีกเตร็ดเตร่ตามซอยเปลี่ยว เดิมทีปากของเธอจะฉีกจากหูข้างหนึ่งไปจนถึงหูอีกข้าง และเล่าว่าเธอถูกกรีดเพราะความอิจฉาของน้องสาวเธอ ส่วนในตำนานเมืองสมัยใหม่เล่าว่าเป็นอุบัติเหตุระหว่างการศัลยกรรม หรือขั้นตอนการทำฟัน ในฝั่งโลกตะวันตก ตำนานของเธอถูกบิดเบือนว่าเธอเป็นหญิงนอกใจ หรือไม่ก็เป็นเมียน้อยของซามูไร จึงถูกสามีหรือไม่ก็เมียบ้านใหญ่ตามมากรีดปาก

หนึ่งในวิธียอดฮิตในการเอาตัวรอดจากสาวปากฉีก คือการเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการโยนเศษเหรียญ หรือลูกกวาดแข็ง ๆ (เบคโกะอาเมะ-หาซื้อได้ตามศาลเจ้าญี่ปุ่น) ไปทางอื่นเพื่อให้เธอก้มลงเก็บหรือหันเหความสนใจ

ประวัติของสาวปากฉีกมีข้อถกเถียงกันระหว่างนักรวบรวมตำนานเมือง แมทธิว เมเยอร์ เคยบันทึกว่าเรื่องราวของเธอสามารถย้อนไปได้ถึงยุคเอโดะ โดยไม่มีวัตถุพยานใด ทว่าศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีญี่ปุ่น สืบค้นจากแหล่งสิ่งพิมพ์เก่าพบว่า ต้นตอมาจากหนังสือพิมพ์ กิฟุ นิชิ นิชิ ชินบึน ของจังหวัดกิฟุ (อันเป็นเมืองต้นแบบในการออกแบบ Silent Hill f นี้ด้วย) ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 26 มกราคม 1979 ที่เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นภายในเมืองกิฟุเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ก่อนที่ตำนานนี้จะสะพัดไปทั่วญี่ปุ่น

แต่การถูกจัดประเภทว่าสาวปากฉีกเป็นโยโคชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นจากนักวาดการ์ตูนและนักประวัติศาสตร์ชื่อดัง ชิเงรุ มิซึกิ ผู้วาด GeGeGe no Kitaro (อสูรน้อยคิตาโร่) ได้บรรจุสาวปากฉีกเอาไว้ในหนังสือสารานุกรมโยโค นับตั้งแต่นั้นเธอก็ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณอันไม่สงบสุขแห่งจักรวาลโยไคสมัยใหม่

สุนัขจิ้งจอก

คิตสึเนะ หรือ สุนัขจิ้งจอก เป็นโยไคประเภทหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่าสามารถแปลงร่าง ใช้เวทย์มนต์ และล่อลวงผู้คนได้ พวกมันเป็นวิญญาณจิ้งจอกที่ได้รับการยกย่องว่าฉลาด มีพลังวิเศษเหนือธรรมชาติ และอายุยืนยาว แปลงร่างเป็นตัวทานูกิ แร็คคูน หรือบางทีก็เป็นคน ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว บางทีก็แปลงเป็นนักบวช มีความสามารถในการ “บาคาสึ” หรือหลอกล่อให้ผู้คนหลงเชื่อ มันจึงถูกยกย่องว่าเป็น “เทพผู้ล่อหลอกให้สับสน” บางทีก็ทำให้นักเดินทางหลงทาง ลวงตาให้เห็นขี้ม้าเป็นอาหาร ไม่ก็ให้เงินค่าจ้างที่พอวันรุ่งขึ้นกลับพบว่าเป็นเพียงใบไม้แห้ง

คิตสึเนะ เกี่ยวข้องกับ อินาริ โอกามิ (เทพเจ้าแห่งสุนัขจิ้งจอก) เชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ข้าว ชา สาเก และความสำเร็จรุ่งเรือง โดยมี คิตสึเนะ เป็นผู้ส่งสารถึงเทพเจ้า ซึ่งบางคราว อินาริ โอกามิ ก็จะมาปรากฏร่างเป็นจิ้งจอก ดังนั้น คิตสึเนะจึงมีลักษณะทั้งให้คุณและให้โทษแก่มนุษย์ได้

ในส่วนของหน้ากากจิ้งจอก เป็นหน้ากากเก่าแก่ที่ใช้ในการแสดงละครโนะ ในช่วงสลับฉากเรียกว่า “เคียวเง็น” หรือการแสดงตลกหน้าม่านในช่วงพักเบรค และเป็นหนึ่งในพิธีกรรมของชาวชินโต เรียกว่า “คางุระ” อันเป็นการร่ายรำแบบหนึ่ง ที่มีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 ทว่าภายหลังพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกพวก เกอิชา นำมาแสดงเป็นจิ้งจอกร่ายรำเอาใจหนุ่ม ๆ ก็มี

ในบางเรื่องเล่าเชื่อกันว่าหากมอบของขวัญหรือติดสินบนแก่จิ้งจอกก็อาจได้จิ้งจอกมาเป็นข้ารับใช้ ในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าศาลเจ้าโอจิจะจัดพาเหรดสวมหน้ากากจิ้งจอกเป็นสัญลักษณ์ถึงการเข้าสู่ปีใหม่

มีบางตำนานเชื่อกันว่า คิตสึเนะ (จิ้งจอก) กับ ทานูกิ (แร็คคูน) มักจะรวมตัวเป็นกลุ่มเดียวกันเรียกว่า “โคริ” ซึ่งบางทีพวกมันก็เป็นคู่แข่งกันเองในการต่อสู้แสดงความสามารถในการแปลงร่างเป็นมนุษย์

จิ้งจอกเก้าหาง

ต้นกำเนิดเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมาจากจีนเรียกว่า “จิ้วเหว่ยหู” เล่าว่าพวกจิ้งจอกเป็นสัตว์ซุกซนชอบล่อหลอกผู้คนแปลงกายได้ทั้งชายและหญิง ในเกาหลีมันถูกเรียกว่า “คูมิโฮ” ส่วนในเวียดนามมันคือ “โฮลีติญ” เรื่องเล่าแรกเกี่ยวกับพวกมันปรากฎในตำราโบราณแห่งขุนเขาและท้องทะเล “ซั่งไฮ่จิง” ในช่วง 475 – 221 ปีก่อนคริสตกาล เล่าถึงดินแดนแห่งเนินเขาเขียวขจี “ชิงชิว” ว่า “จิ้งจอกที่นี่มีสี่ขาและเก้าหาง…พวกมันเป็นลางดีและมักปรากฎในช่วงเวลาแห่งความสุขสงบ” หลังจากนั้นก็เชื่อกันว่า จิ้งจอกเก้าหางเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสันติ เมื่อราชวงศ์ใดปกครองแผ่นดินอย่างผาสุก จิ้งจอกเก้าหางก็จะปรากฏตัวขึ้น

ส่วนในเรื่องเล่าของญี่ปุ่นเชื่อว่า อันที่จริงจิ้งจอกเก้าหางก็คือ คิตสุเนะที่แก่ตัวขึ้น โดยเชื่อว่าจำนวนหางที่เพิ่มมากขึ้นแสดงว่าจิ้งจอกตัวนั้นแข็งแกร่งขึ้น หรืออาวุโสขึ้น นิทานพื้นบ้านบางท้องถิ่นเชื่อว่าพวกมันจะมีหางเพิ่มขึ้นทีละหางเมื่อครบทุก 100 ปี แต่จะมีมากที่สุดได้ไม่เกินเก้าหาง เรียกว่า “คิวบิโนะคิตสึเนะ”

เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหาง ปรากฎในพงศาวดารฮ่องสิน (เฟิงเฉิน-จีนกลาง แปลว่า “สถานปนาเทวดา”) เป็นนิยายเก่าแก่ที่เขียนขึ้นราวทศวรรษที่ 1550 รวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับมนุษย์ เทพ และอสูรในสมัยราชวงศ์ชาง (บทประพันธ์เหล่านี้เขียนขึ้นหลังจากราชวงศ์ชางล่มสลายไปแล้วหลายปี) โดยเล่าว่าเจ้าแม่หนี่วาโกรธ อินโจวฮ่องเต้ เนื่องจากเขาคิดในเชิงลามกกับรูปปั้นเจ้าแม่ หนี่วาจึงส่งสมุนลงมา 3 ตน คือ ไก่ฟ้าเก้าหัว ปีศาจพิณหยก และจิ้งจอกเก้าหาง นางจิ้งจอกเข้าสิงสู่ต๋าจี่ ผู้ที่กำลังจะถวายตัวเป็นนางสนม แล้วทันทีที่ฮ่องเต้เห็นหน้าของต๋าจี่ก็ลุ่มหลง จึงแต่งตั้งให้เป็นสนมเอก จากนั้นต๋าจี่ก็เป่าหูให้ฮ่องเต้ขูดรีดภาษีจากประชาชนเพื่อนำเงินมาสร้างหอคอยสูงเสมอดาว เดือดร้อนไปถึงประชาชนตายเป็นจำนวนมากจากการสร้างหอคอยนี้ เกิดเป็นศึกสงครามทั้งบนแผ่นดินและฟ้าสวรรค์ เมื่อด้านหนึ่งชาวบ้านลุกฮือขึ้นต่อต้านฮ่องเต้ ส่วนในฟ้าสวรรค์ก็มีการส่งเทพฝ่ายดีลงมาปราบเหล่าเทพฝ่ายร้ายลูกสมุนของนางจิ้งจอกเก้าหาง สุดท้ายพระเจ้าอินจงกลายเป็นผู้ที่ทำให้ราชวงศ์ชางล่มสลาย เลยเผาฆ่าตัวตายบนหอคอยเสมอดาวนั่นเอง

ส่วนนางจิ้งจอกเก้าหางบางตำราก็ว่าเจ้าแม่หนี่วาตามตัวกลับมาลงโทษเนื่องจากทำเกินหน้าที่ แต่นางจิ้งจอกก็หนีไปได้ แล้วไปโผล่ในญี่ปุ่น ดังปรากฏในวรรณกรรมโอโตงิโซชิ (รวมเรื่องสั้นมีภาพประกอบ 350 เรื่องสมัยมุโระมาจิ ค.ศ.1392-1573 ต้นฉบับเป็นการเขียนร่วมกันหลายคน ภายหลังในปี 1945 มีการเรียบเรียงขึ้นใหม่โดย โอซามุ ดาไซ) เล่าเรื่องราวสมัยเฮอัน เมื่อจิ้งจอกเก้าหางแปลงเป็น เกอิชา นามว่า ทามาโมโนะมาเอะ เนื้อตัวหอม สมองปราดเปรื่อง วาจาชาญฉลาดเป็นที่รักใคร่หลงไหลของผู้คน เธอมีความรู้ครบครันทั้งดนตรี ศาสนา และดาราศาสตร์ ทุกคนในราชสำนักจึงปลื้มเธอเป็นอย่างมาก

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปจักรพรรดิโคโนเอะล้มป่วยกะทันหัน โหรจึงทำนายว่าเป็นเพราะทามาโมโนะมาเอะเป็นจิ้งจอกเก้าหางจำแลงมา และมีแผนชั่วทำลายราชบัลลังก์ พระองค์จึงมีคำสั่งให้นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดออกตามล่านาง สุดท้ายนางถูกศรของนักรบยิง ร่างของนางกลายเป็นเซสโชเซกิ หรือ หินสังหาร อันเป็นหินภูเขาไฟนาสุในพื้นที่จังหวัดโทจิงิ และเชื่อกันว่าผู้ใดสัมผัสหินนี้จะต้องตาย

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดในยุคเรา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2022 พบว่าหินสังหารก้อนนี้แตกออกเป็นสองเสี่ยง ชาวเนตต่างลือกันว่าวิญญาณของจิ้งจอกเก้าหางทามาโมโนะมาเอะถูกปลดปล่อยแล้ว แต่คนเฒ่าคนแก่ต่างตกใจเชื่อกันว่ามันคือลางบอกเหตุมหันตภัยครั้งใหญ่ ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคมปีนั้น เทศบาลท้องถิ่นจึงได้นำพระชินโตมาจัดพิธีร่ายรำปลอบขวัญดวงวิญญาณ และถวายเครื่องบูชา รวมถึงทำพิธีชำระให้ผืนดินบริเวณนั้นสะอาด

สิ่งที่น่าสนใจและดูจะเชื่อมโยงกับ Silent Hill f ได้เป็นอย่างดีคือ ปรากฏว่าภายหลังพิธีกรรมเพียงไม่กี่ชั่วโมง ได้เกิดหมอกประหลาดปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณนั้น คล้ายบรรยากาศในเมืองเอบิสึงะโอกะ ในSilent Hill f ไม่มีผิด

สาวคอยาว

ภาพสุดท้ายนี้ดูเหมือนจิ้งจอกเก้าหาง หรือสัตว์อะไรสักอย่างกำลังต่อสู้กับสาวคอยาว หรือ โระคุโระคุบิ หนึ่งในโยไคชื่อดังที่เรื่องเล่าปากต่อปาก (มุขปาฐะ) ของเธอปรากฎในไคดัน (รวมนิทานวิญญาณจากสมัยเอโดะ) เธอเป็นปีศาจที่คอยืดยาวลอยไปลอยมาได้ สิ่งที่ต่างจากโยไคอื่น ๆ คือ ขณะที่โยไคส่วนใหญ่เกิดมาก็เป็นตัวประหลาดเลย ทว่า โระคุโระคุบิ เกิดมาเป็นมนุษย์ก่อน แต่เพราะทำความผิดบาปบางประการทำให้เธอถูกสาป เช่น ทำผิดต่อเทพเจ้า ต่อธรรมชาติ หรือไม่ซื่อสัตย์กับสามี อย่างไรก็ตามน่าสนใจว่าในเรื่องเล่าไคดันกลับพบว่ามีอยู่หลายกรณีที่ฝ่ายชายไม่ว่าพ่อ หรือสามีจะเป็นผู้ก่อบาปนั้นขึ้น แต่กลายเป็นว่าคนที่ถูกสาปกลับเป็นลูกสาวหรือเมียเสมอ และทุกกรณีคำสาปโระคุโระคุบิ จะเกิดแต่เฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น

เรื่องเล่าดังเกี่ยวกับสาวคอยาวเป็นนิทานเก่าแก่ในจังหวัดชิสึโอกะ เล่าถึงนักบวชรูปหนึ่งหนีตามหญิงสาวนามว่าโอโยสึ ระหว่างเดินทางเธอเกิดล้มป่วยหนัก นักบวชจึงฆ่าเธอแล้วขโมยเงินหนีไป ก่อนจะไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งของชายที่มีลูกสาวสวย นักบวชใจร้ายร่วมนอนเตียงเดียวกับลูกสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมนั้น พอตกดึกคอของเธอก็ยืดออกแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นโอโยสึ เธอโกรธแค้นและไล่ฆ่านักบวช เช้าวันรุ่งขึ้นนักบวชสำนึกผิดจึงเล่าเรื่องให้เจ้าของโรงเตี๊ยมฟัง เจ้าของโรงเตี๊ยมจึงสารภาพว่าเขาเองก็เคยฆ่าภรรยาเพื่อชิงทรัพย์มาสร้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หลังจากนั้นเขาก็ถูกลงโทษด้วยการที่ลูกสาวของเขากลายเป็นโระคุโระคุบิ นักบวชเดินทางกลับวัดแล้วสร้างสุสานให้โอโยสึพร้อมกับปลอบขวัญดวงวิญญาณของเธอทุกวัน

จนบัดนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า f ในชื่อของ Silent Hill ฉบับนี้ย่อมาจากอะไร อาจจะเป็นดอกไม้ (Flower) หรือ หญิงสาว (Femme/Female) แต่หากอนุมานจากเรื่องเล่าทั้งหมดที่ปรากฏในตัวอย่างล่าสุดนี้จะพบว่าทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้หญิง ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด Ryukishi07 (ผู้แต่งเรื่องราวในเกมนี้ และโด่งดังจาก แว่วเสียงไรไร-When They Cry) ให้ความเห็นว่า “แต่เดิมตัวละครหญิงในเกมนี้มักจะถูกดึงหรือพัดพาไปตามเนื้อหาของเรื่อง ทว่าในเวอร์ชั่นนี้ ตัวละครหญิงเธอมีสิทธิ์เลือกได้ ตัดสินใจได้เองว่าจะพาตัวเองไปสู่สถานการณ์ไหน ต้องเลือกดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างไร”

Ryukishi07 ทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมยังคงจดจำความรู้สึกอึดอัดและกดดันอย่างหนักเมื่อครั้งแรกที่ได้สัมผัส Silent Hill ผมทุ่มเทอย่างมากทั้งหมดให้กับเรื่องราวนี้จนถึงขนาดว่าไม่รังเกียจเลยถ้าหากเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมเขียนขึ้น Silent Hill ไม่ใช่แค่การรวบรวมเรื่องราวหลากหลายเรื่องขึ้นมาเท่านั้น แต่มันคือสื่อกลางที่นำพาให้ผู้เล่นเข้าไปสัมผัสโลกแห่งความน่าทึ่ง สุดสะพรึงและตื่นตะลึงที่เล่นกับจิตใจของมนุษย์”