เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์
มีโรงเรียนทางเลือกประเภทหนึ่งที่ว่ากันว่า ให้เสรีภาพกับนักเรียนมากที่สุด ไม่มีวิชาบังคับเรียน ไม่มีหลักสูตรตายตัว ไม่มีเกรด ไม่มีการบ้าน ไม่มีการสอบ และไม่ใช่ซัมเมอร์ฮิลล์หรือโฮมสคูล นักเรียนเลือกเองทั้งหมดว่าจะเรียนอะไรและใช้เวลาตามความสนใจได้อย่างเต็มที่ โรงเรียนที่ว่านี้กระจายอยู่หลายแห่งทั่วโลก ใกล้ไทยที่สุด อยู่ในโตเกียว และมีโปรแกรมให้ผู้สนใจทดลองเรียน 1 วันเต็มด้วย ชื่อของแนวคิดนี้คือ Sudbury School
Sudbury School ถือเป็นหนึ่งในโมเดลการศึกษาที่ท้าทายกรอบความคิดดั้งเดิมของระบบโรงเรียนทั่วไปโดยสิ้นเชิง โรงเรียนแนว Sudbury ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1968 ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีหลักการพื้นฐานที่เชื่อว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้รับอิสระ นักเรียนในโรงเรียนแนวนี้มีอิสระ 100% ในการกำหนดสิ่งที่ตนเองต้องการเรียน ไม่มีครูในฐานะผู้ชี้นำ แต่มีบุคลากรที่ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนในการเรียนรู้ ทุกคนภายในโรงเรียนมีสิทธิ์เท่ากันในการกำหนดกฎระเบียบและทิศทางของโรงเรียนผ่านการประชุมแบบประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงการว่าจ้างและไล่ออกบุคลากรของโรงเรียนเอง
แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า เด็กเป็นผู้เรียนรู้ตามธรรมชาติ และแรงจูงใจที่ดีที่สุดในการเรียนรู้คือ ความสนใจของตนเอง เมื่อเด็กมีอิสระ พวกเขาจะสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตจริงได้ดีกว่าการถูกบังคับให้เรียนสิ่งที่พวกเขาไม่สนใจ สิ่งนี้เองทำให้เด็กต้องการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา หลายกรณีพบว่า
นักเรียนที่เติบโตในระบบ Sudbury สามารถเข้าสู่มหาวิทยาลัยหรือประกอบอาชีพได้โดยไม่มีปัญหา แม้พวกเขาจะไม่เคยผ่านการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการจัดการตนเอง การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจด้วยตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
ระบบการศึกษาไทยเองยังคงยึดติดอยู่กับโครงสร้างอำนาจนิยม ซึ่งครูมีบทบาทเป็นผู้สั่งสอนและควบคุมนักเรียน หลักสูตรถูกกำหนดจากภาครัฐโดยมีข้อบังคับว่าทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตาม นักเรียนถูกจำกัดให้อยู่ในห้องเรียน ต้องสอบวัดผล และถูกตัดสินความสามารถผ่านเกรดที่ได้รับ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อแนวคิดการเรียนรู้แบบอิสระ
ในขณะที่ Sudbury เชื่อว่านักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ระบบไทยกลับเน้นย้ำว่า การศึกษาที่ดีต้องมีการจัดการและกำกับดูแลจากเบื้องบน
มีหลายประเทศที่นำแนวคิด Sudbury ไปใช้ เช่น สหรัฐอเมริกา ประเทศในฝั่งยุโรป และญี่ปุ่น ปัจจัยที่ทำให้โมเดลนี้เวิร์กในประเทศเหล่านี้คือ วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพส่วนบุคคล ระบบกฎหมายที่ยืดหยุ่นเพียงพอให้โรงเรียนสามารถทดลองแนวทางใหม่ ๆ และความเชื่อมั่นของผู้ปกครองที่เห็นคุณค่าของการเรียนรู้แบบอิสระ นักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้สามารถพัฒนาเส้นทางของตนเองได้ตามธรรมชาติ โดยมีระบบสนับสนุนที่ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ผ่านกิจกรรมจริงแทนที่จะถูกจำกัดอยู่ในห้องเรียนแบบเดิม
แนวคิด Sudbury School นอกจากสอดคล้องกับการเรียนรู้อิสระแล้ว ยังเป็นปรัชญาการเรียนรู้แบบเสรีนิยม (Libertarian Education) และประชาธิปไตยในการศึกษา (Democratic Education) ซึ่งเน้นเสรีภาพ ความรับผิดชอบ และความเท่าเทียมกัน ในการเรียนรู้ของนักเรียน สิ่งนี้เองส่งเสริมให้เด็กมีเสรีภาพในการเรียนรู้ (Self-Directed Learning) ไม่มีหลักสูตร ไม่มีวิชาเรียน ไม่มีการบ้าน ไม่มีการสอบ เด็กสามารถเลือกทำอะไรก็ได้ตามความสนใจของตัวเอง บนความเชื่อว่า เด็กทุกคนมีแรงขับเคลื่อนภายในในการเรียนรู้
รวมทั้งยังวางรากฐานโรงเรียนแบบประชาธิปไตย (Democratic Schooling) ให้ทุกคนในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือครู มีสิทธิเท่ากันในการตัดสินใจ ทุกคนมี 1 เสียงในการกำหนดกฎระเบียบของโรงเรียน นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการเลือกหรือปลดครูได้ และเป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตจริง (Experiential Learning) เชื่อว่าการเล่น การเข้าสังคม และการทดลองทำสิ่งต่าง ๆ คือวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ ไม่มีห้องเรียนแบบบังคับ แต่เด็กจะเรียนรู้ผ่านกิจกรรมจริง เช่น การเล่นเกม การอ่านหนังสือ การทำโครงการ หรือการพูดคุยกับเพื่อน รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาความรับผิดชอบส่วนบุคคลของนักเรียน (Personal Responsibility) นักเรียนต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตัวเอง ไม่มีใครมาบังคับให้เรียน แต่เด็กต้องเรียนรู้ที่จะจัดการเวลาและชีวิตตัวเอง นอกจากนี้ยังส่งเสริมความเสมอภาคของทุกคนในโรงเรียน (Equality & Non-coercion) ไม่มีตำแหน่งผู้มีอำนาจ ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ครูไม่ใช่ผู้ควบคุม แต่เป็นที่ปรึกษา หรือ เพื่อนร่วมทางในการเรียนรู้ นักเรียนมีอิสระเต็มที่ และไม่มีการบังคับทำกิจกรรมที่ไม่อยากทำ
เมื่อเปรียบเทียบกับแนวคิดด้านการศึกษาทางเลือกอื่นที่ใกล้เคียงกันอย่าง Unschooling เอง ผู้เรียนก็เลือกเองทั้งหมด แต่ Unschooling ยังเป็นแนวคิดสำหรับการเรียนที่บ้าน
งานวิจัยของ Dr. Peter Gray นักจิตวิทยาการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน พบว่า เด็กที่เติบโตในระบบ Sudbury สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคตได้ดีเทียบเท่ากับหรือดีกว่าเด็กที่ผ่านระบบการศึกษาแบบดั้งเดิม บทความของ Gray ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Educational Psychology พบว่า 82% ของศิษย์เก่า Sudbury School ประสบความสำเร็จในอาชีพที่พวกเขาเลือก และ 69% กล่าวว่าพวกเขารู้สึกพึงพอใจและมีความสุขกับเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเอง
บทสัมภาษณ์ของ Daniel Greenberg หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sudbury Valley School ให้ความเห็นว่า “การเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการบังคับ แต่เกิดขึ้นจากแรงขับเคลื่อนภายในของแต่ละคน เด็กทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขาสนใจ และสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำคือเปิดโอกาสให้พวกเขาได้สำรวจโลกของตนเอง”
สิ่งนี้คือหัวใจของระบบ Sudbury ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กและให้พวกเขาเป็นผู้กำหนดอนาคตของตัวเอง