รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติของเวียดนามประกาศว่า การลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลเวียดนามกับ Nvidia บริษัทไฮเทคของสหรัฐฯ จะมีการตั้งศูนย์วิจัยและศูนย์ดาต้า AI ในเวียดนาม เพื่อสนับสนุน Nvidia และหุ้นส่วนเวียดนาม ในการส่งเสริมการวิจัยและการใช้เทคโนโลยี AI
โครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้จะให้การสนับสนุนแก่ยุทธศาสตร์ AI ของเวียดนาม เพื่อเป็นรากฐานแก่การพัฒนาทักษะ AI โดยอาศัยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของ Nvidia เป็นปัจจัยที่จะช่วยเร่งรัดการนำ AI มาใช้ในด้านสาธารสุข การศึกษา การขนส่ง และการเงิน นอกเหนือจากการสร้างงานให้กับบุคลากรที่มีความสามารถ
หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับ Nvidia
Nguyen Chi Dung รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวว่า “รัฐบาลเวียดนามถือนวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนา มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยที่สุดแก่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่างเช่น Nvidia ที่จะเข้ามาดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาในเวียดนาม”
Nvidia จะทำงานร่วมกับ Viettel Group บริษัทโทรคมนาคมของรัฐบาลเวียดนาม ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดย Viettel เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับ Nvidia ตั้งแต่ปี 2022 Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวถึงแผนงานของ Nvidia ในเวียดนามว่า
“Nvidia จะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ในเวียดนาม โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ฝีกอบรมให้เวียดนามมีผู้เชี่ยวชาญ AI มากขึ้น และสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ AI”
Nvidia ยังเข้าซื้อบริษัท VinBrain กิจการ AI ของกลุ่ม Vingroup โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งศูนย์ออกแบบขนาดใหญ่ในอนาคต เมื่อปีที่แล้ว Jensen Huang หารือกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามว่า Nvidia กำลังพิจารณาตั้งศูนย์เซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนาม โดยพิจาณาสถานที่ตั้งที่ฮานอย ดานังและนครโฮจิมินห์
เวียดนามวางเป้าหมายว่า ในปี 2050 จะมีรายได้จากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากกว่าปีละ 100 พันล้านดอลลาร์ มีแผนงานที่ในปี 2030 จะจัดตั้งศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ 3 แห่ง และศูนย์ AI 3 แห่ง
บริษัทไฮเทคมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์
หนังสือ The Nvidia Way (2024) เขียนเล่าความเป็นมาของ Nvidia ไว้ว่า ในต้นทศวรรษ 1990 Nvidia มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้ดีไปกว่าบริษัทสตาร์ทอัพอื่นๆ ในการออกแบบไมโครชิปกราฟิกของคอมพิวเตอร์ แต่ต่อมาพัฒนามาเป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านชิปคอมพิวเตอร์ สำหรับยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ตัวชิปประมวลผล (processor) ของ Nvidia เหมาะกับงาน AI เพราะสามารถคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ทันทีทันใด Nvidia มองเห็นความสำคัญของ AI มาตั้งแต่เริ่มต้นและได้ลงทุนล่วงหน้าในการสร้างความสามารถ ด้านฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ ทำให้ปัจจุบัน Nvidia อยู่ในจุดที่จะเอาประโยชน์จากกระแสการใช้งาน AI
การปรับตัวใหม่สู่การคาดการณ์อนาคตอย่างถูกต้อง ทำให้ Nvidia ประสบความสำเร็จ วันที่ 18 มิถุนายน 2024 Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดของโลกที่ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่า Microsoft ความสำเร็จมาจากความต้องการที่สูงของตัวชิป AI ช่วง 12 เดือน ราคาหุ้นเพิ่ม 3 เท่าตัว หากในวันที่เข้าตลาดเมื่อ 22 มกราคม 1999 นักลงทุนซื้อหุ้น Nvidia ไว้ 10,000 ดอลลาร์ ถึง 31 ธันวาคม 2023 หุ้น มีราคาเพิ่มเป็น 13.2 ล้านดอลลาร์
ความสำเร็จของ Nvidia มาจาก Jensen Huang ภาพลักษณ์ของเขาคือคนที่ใส่เสื้อแจ็กเกตหนัง มีผมสีเทา หลายคนบอกว่าเขาคืออัจฉริยะที่เราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ในวงการอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะเป็นซีอีโอของ Nvidia ต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี ความสำเร็จของ Nvidia มาจากการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่ให้อิสระแก่พนักงานแต่ละคน แต่ต้องมีมาตรฐานสูงสุดที่เป็นไปได้ ส่งเสริมการทำงานรวดเร็วที่สุด แต่มีคุณภาพสูงสุด
Jensen Huang มองว่า ศัตรูสำคัญของ Nvidia ไม่ใช่การแข่งขัน แต่คือตัวเอง
แนวคิด “อธิปไตย AI”
Nvidia ได้ออกแถลงการณ์สรุปการเดินทางของ Jensen Huang มาเยือนไทยกับเวียดนามว่า “ประเทศไทยและเวียดนามยอมรับและสนับสนุนเรื่อง ‘อธิปไตย AI’ (Sovereign AI) ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นแนวโน้มของโลก ที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เห็นถึงความจำเป็นที่รัฐจะควบคุมอำนาจในการประมวลข้อมูล และเทคโนโลยี AI
ในการให้สัมภาษณ์ที่เวียดนาม Jensen Huang ก็กล่าวในสิ่งที่สะท้อนแนวคิด “อธิปไตย AI” ว่า “ข้อมูลของประเทศควรถือว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติและของชาติ เวียดนามจะต้องจัดการข้อมูลของตัวเอง และเปลี่ยนให้เป็น AI ที่เฉพาะสำหรับเวียดนาม รับใช้อุตสาหกรรมของตัวเอง และสังคมของตัวเอง”
แนวคิด “อฺปไตย AI” เสนอโดย Jensen Huang หมายถึงการพัฒนาระบบนิเวศ AI เฉพาะของแต่ละประเทศ (nation-specific AI ecosystem) ที่ใช้ประโยชน์ข้อมูลท้องถิ่น แรงงาน และโครงสร้างพื้น เป็นหนทางที่แต่ละประเทศจะใช้ประโยชน์อำนาจของ AI โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายควบคุมทรัพยากรและเทคโนโลยี
ในการเดินทางมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Jensen Huang เขาได้เน้นหนักแก่นายกรัฐมนตรีไทยกับเวียดนามว่า “อธิปไตย AI” จะช่วยให้ประเทศทั้งสองต่อยอดความสำเร็จในภาคส่วนเช่น สาธารณสุข การศึกษา การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ในกรณีของไทยคือใช้ AI เพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ กรณีของเวียดนามคือการใช้ AI มาพัฒนาอุตสาหกรรมให้ทันสมัย และสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง
ตลาดศักยภาพ 20 ล้านล้านดอลลาร์
มีการคาดการณ์กันว่า ตลาด AI จะมีมูลค่าถึง 20 ล้านล้านดอลลาสร์ กลยุทธ์การริเริ่ม “อธิปไตย AI” ของ Nvidia ต้องการที่จะปลดปล่อยศักยภาพนี้ การให้อำนาจแก่แต่ละประเทศในการพัฒนาระบบนิเวศ AI ของตัวเอง ทำให้เกิดมีรายได้จากช่องทางใหม่สำหรับ Nvidia ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เป็นหุ้นส่วนกับ Nvidia
ในกรณีของไทย AI สามารถปฏิวัติการเกษตร โดยการใช้ระบบการเกษตรแบบแม่นยำ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงเรื่องความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ส่วนเวียดนาม AI มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงภาคการผลิต โลจิสติกส์ และการศึกษา ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศ ไปสู่เศรษฐกิจที่อาศัยฐานความรู้
ดังนั้น การริเริ่มเรื่อง “อธิปไตย AI’ ไม่เพียงแต่ขยายตลาดธุรกิจของ Nvidia แต่ยังไปเพิ่มชื่อเสียงของ Nvidia ในฐานะหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือของรัฐบาลและของธุรกิจ ที่ต้องการจะควบคุมและใช้ประโยชน์สิ่งที่เป็นอำนาจการเปลี่ยนแปลงของ AI
AI ถูกมองว่าเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำคัญที่สุด นับจากการมีอินเตอร์เน็ตเป็นต้นมา Nvidia เป็นบริษัทที่ออกแบบตัวชิป ที่ทำให้ AI ทำงาน สิ่งนี้ทำให้มูลค่าตลาดของ Nvidia เพิ่มขึ้น 290% ใน 1 ปี หากมูลค่า Nvidia ยังเติบโตในอัตรารวดเร็วแบบนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ใน 10 ปี มูลค่า Nvidia คงจะมากกว่าเศรษฐกิจโลกรวมกัน ที่ธนาคารโลกบอกว่า ปี 2022 มีมูลค่าที่ 100.88 ล้านล้านดอลลาร์
เอกสารประกอบ
NVIDIA to built AI research and data centers in VN, December 05, 2024, vietnamplus.vn
Jensen Huang’s Vision for Sovereign AI, December 2024, ceotodaymagazine.com
The Nvidia Way, Tae Kim, W.W. Norton & Company, 2024.
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
