ASEAN Roundup ประจำวันที่ 19-25 มีนาคม 2566
ราคาข้าวเวียดนามแพงที่สุดในโลก

ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ ราคาข้าวเฉลี่ยของเวียดนามอยู่ที่กว่า 519 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สูงกว่าราคาข้าวของไทย 15-27 เหรียญสหรัฐ และสูงกว่าราคาข้าวอินเดีย 40-50 เหรียญสหรัฐ
แม้ปริมาณการส่งออกของเวียดนามจะลดลง 20.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาที่ 400,000 ตันในเดือนมกราคม แต่ราคาก็เพิ่มขึ้น 7% ในช่วงเดียวกัน ปีที่แล้ว การส่งออกข้าวจากเวียดนามสูงถึง 7.1 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 10 ปี
เวียดนามวางแผนที่จะส่งออกข้าว 6.6 ล้านตันในปีนี้ โดยมีกำหนดส่งมอบทั้งหมด 4.12 ล้านตันภายใน 6 เดือนแรก สภาวะที่เอื้อต่อการส่งออกคาดว่าจะกลับมาในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์จากอินโดนีเซียและบังกลาเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และผู้ซื้อจะหันมาซื้อข้าวในเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากอินเดียห้ามส่งออกปลายข้าวและเก็บภาษี 20% สำหรับข้าวขาว
แต่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากังวลว่าการขาดความหลากหลายในตลาดส่งออกและการพึ่งพาจีนและฟิลิปปินส์ (ซึ่งเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็น 45% ของการส่งออก) จะเป็นความท้าทายต่อภาคอุตสาหกรรม
ข้าวราคาต่ำจากปากีสถานอาจเป็นความท้าทายในการครองส่วนแบ่งการตลาด ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ยังคงสูง ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มต้นขึ้น
กระทรวงการค้ากำลังทำงานร่วมกับสหภาพยุโรป เพื่อเสนอการนำเข้าข้าวหอมของเวียดนามในภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
เวียดนามเล็งให้สิทธิประโยชน์ใหม่จูงใจนักลงทุนรับมือ Global Minimum Tax

เวียดนามได้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อหาแนวทางในการรักษาความสามารถในการแข่งขันสำหรับนักลงทุน เมื่อกฎภาษีข้ามพรมแดนใหม่ของ OECD มีผลบังคับใช้ จากการรายงานของธนาคารกลางเมื่อวันอังคาร(21 มี.ค.) ท่ามกลางความกังวลว่า อาจกลบผลประโยชน์ของมาตรการจูงใจทางภาษีในปัจจุบัน
ด้วยต้นทุนแรงงานที่ต่ำ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการเข้าถึงการค้าเสรีที่เพิ่มขึ้น เวียดนามจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกที่เสนออัตราภาษีที่น่าสนใจ
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังพิจารณาสิ่งที่ในปีหน้า จะเป็นการยกเครื่องภาษีข้ามพรมแดนที่ใหญ่ที่สุดในยุคนี้ โดยมี 140 ประเทศที่ลงนามในแผนนี้ ซึ่งกำหนดให้อัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก(Global Minimum Tax)อยู่ที่ 15% ซึ่งกฎเกณฑ์นี้อนุญาตให้รัฐบาลเรียกเก็บเพิ่มเติมให้ถึงระดับนี้ กับกำไรที่บันทึกในประเทศที่มีอัตราต่ำกว่า
ภาษีเงินได้นิติบุคคลของเวียดนามกำหนดไว้ที่ 20% แต่สามารถเสนออัตราที่ต่ำถึง 5% รวมถึงระยะเวลายกเว้นที่ยาวนานใน “กรณีพิเศษ” เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
“ธนาคารกลางจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังและคณะทำงาน เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ในขณะที่ยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศ” ธนาคารแห่งเวียดนามระบุในแถลงการณ์
ในบรรดาผู้ได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์จูงใจของเวียดนาม ได้แก่ ซัมซุง อิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด มีพนักงานถึง 160,000 คนในเวียดนาม
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รองผู้ว่าการธนาคารกลาง ฝ่าม ถันห์ ห่า ได้พบกับ ชอย จู โฮ ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุง เวียดนาม เพื่อหารือเกี่ยวกับกฎภาษีใหม่ แถลงการณ์ของธนาคารแห่งเวียดนามระบุ โดยชอยได้เสนอ “มาตรการบางอย่างสำหรับเวียดนามเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านสภาพแวดล้อมการลงทุน” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัทอเมริกันสนใจลงทุนในเวียดนาม

“มันน่าทึ่งมาก และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ และบริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ ต่อตลาดนี้และต่อความสัมพันธ์นี้” มาร์ค อี. แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร
“เราเห็นศักยภาพมหาศาล รวมทั้งการทำธุรกิจจริง และความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจ”
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารจากบริษัท 52 แห่งของสหรัฐได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนาม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ และประธานสภาแห่งชาติ เวือง ดิ่งห์ เว้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านกฎระเบียบและโอกาสการลงทุน
กลุ่มของบริษัทอเมริกันชุดนี้ถือเป็นคณะผู้แทนทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่เคยไปเยือนเวียดนาม
ผู้บริหารอเมริกันกระตือรือร้นที่จะสำรวจโอกาสในเวียดนาม ที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดย GDP เติบโตถึง 8.02% ในปีที่แล้ว
ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม เท็ด โอซิอุส กล่าวว่า คณะผู้แทนชุดใหญ่แสดงความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประเทศอาเซียนเมื่อเทียบกับยุคที่ผ่านมา
“ส่วนนี้ของโลกเป็นศูนย์กลางการเติบโตของโลก” “และมีความสนใจค่อนข้างมากในภูมิภาคที่มีประชากร 600-700 ล้านคน ซึ่ง 100 ล้านคนเป็นชาวเวียดนาม”
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเวียดนามยังช่วยดึงดูดบริษัทใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยเข้ามาในประเทศมาก่อน ตามข้อมูลของโอซิอุส และกล่าวว่า ซึ่งได้จุดประกายการแข่งขันที่เข้มข้นอีกครั้งสำหรับการลงทุนในภูมิภาคนี้
“ตัวแทนของประเทศอาเซียนอื่นๆ กำลังพูดว่า เราต้องรีบแล้ว เพราะเราต้องแข่งขันกับเวียดนาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนพูดเมื่อสองสามทศวรรษก่อน”
การค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 11% ในปีที่แล้ว มีมูลค่ากว่า 123.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามในปีที่แล้ว โดยมีมูลค่า 109.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.6% จากปี 2564
บริษัทอเมริกันกำลังพิจารณาที่จะขยายศูนย์กลางการผลิตและห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในเวียดนาม อุตสาหกรรมหลักๆ ของสหรัฐฯ ที่ตั้งเป้าจะขยายธุรกิจในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ สินค้าอุปโภคบริโภค ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ อาหารและการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บริการทางการเงิน และการดูแลสุขภาพ
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจของสหรัฐฯ ยังได้รื้อฟื้นความร่วมมือในภาคการบินและอวกาศ กลาโหม และความมั่นคงอีกด้วย
ราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการด้านนโยบายสาธารณะของเมตา แพลตฟอร์มส กล่าวว่า บริษัทได้ฝึกอบรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเวียดนาม 20,000 รายในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลเมื่อปีที่แล้ว และมีแผนจะเปิดโครงการเพิ่มเติมในเวียดนามในปีนี้
“นี่คือประเทศที่เราเชื่อมั่นในการลงทุนและอนาคตที่สดใสอย่างไม่น่าเชื่อ เราได้เห็นสิ่งนั้นในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา” แฟรงเคิลกล่าวเสริม
รัฐบาลเวียดนามได้แสดงให้เห็นว่ามีการเปิดกว้าง โดยเฉพาะในการขยายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป็นเสาหลักในการเติบโตในอีก 10 ปีข้างหน้า ตามข้อมูลของแฟรงเคิล
นอกจากนี้ AES Vietnam ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ AES ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของอเมริกา ได้ให้คำมั่นที่จะลงทุน 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวในจังหวัดบิ่ญถ่วน และยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในภาคพลังงานหมุนเวียน
บริษัทต้องการสนับสนุนรัฐบาลเวียดนามในการจัดตั้งกลไกสำหรับการซื้อและขายไฟฟ้า และส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนในภาคพลังงาน ตัวแทนของบริษัทกล่าว
อีคอมเมิร์ซแชร์ 60% เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม

เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามมีธุรกรรมรวมในตลาด (Gross Merchandise Value-GMV) สูงถึง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว โดยอีคอมเมิร์ซมีสัดส่วนมากกว่า 60%
รายงาน“Sustainable development of e-commerce – the driving force for the digital economy ประจำปี 2023 ระบุว่า GMV ของปี 2565 เพิ่มขึ้น 28% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะเติบโต 31% มีมูลค่ารวม 49 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568
เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตของ GMV ที่ 19% ในช่วงปี 2568-2573
ชาวเวียดนามราว 60 ล้านคนซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยแต่ละคนใช้จ่ายเฉลี่ย 260-285 เหรียญสหรัฐฯ ในการซื้อของออนไลน์
ประมาณ 55% ของธุรกิจที่เข้าร่วมการสำรวจของ Vietnam E-commerce Association เชื่อว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอีคอมเมิร์ซมีบทบาทสำคัญในการผลิตและกิจกรรมทางธุรกิจ
องค์กรหลายแห่งกำลังลงทุนในระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ และการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การพัฒนาอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องมีปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ทรัพยากรบุคคลคุณภาพสูง และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับกรอบกฎหมาย ทรัพยากรบุคคล และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
รถไฟลาว-จีนเปิดบริการข้ามพรมแดนกลางเมษายน

นายวันทอง สุพันทอง รองหัวหน้าวิศวกร บริษัท รถไฟลาว-จีน จำกัด กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ(22 มี.ค)ว่า ผู้ให้บริการรถไฟจะให้บริการข้ามพรมแดนระหว่างเวียงจันทน์และคุนหมิงตั้งแต่กลางเดือนหน้า
“เรากำลังอยู่ระหว่างการประสานงานและเตรียมบริการด้านต่างๆ ทั้งในลาวและจีนให้พร้อม สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟโดยตรงระหว่างสองเมือง”
การเดินทางข้ามแดนกำหนดให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากเวียงจันทน์ไปคุนหมิงแสดงเอกสารเข้าและออกที่สถานีบ่อเต็นในลาว จากนั้นไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สถานีบ่อหาน ประเทศจีน
จากข้อมูลของ บริษัท รถไฟลาว-จีน จำกัด จากการที่รัฐบาลลาวและจีนเปิดประเทศอีกครั้งสำหรับนักเดินทางต่างชาติ ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจำนวนมากเดินทางด้วยรถไฟไปยังสถานีบ่อเต็นเพื่อเข้าสู่ประเทศลาว และเดินทางระหว่างสถานีด้วยรถไฟ
ขณะนี้ยอดผู้โดยสารพุ่งสูงเฉลี่ย 1,500-1,600 คนต่อวัน นายวันทอง กล่าวว่า นับตั้งแต่การรถไฟเปิดให้บริการในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการผู้โดยสารและความปลอดภัยและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีนี้ บริษัทรถไฟลาว-จีน จำกัด ได้เปิดจำหน่ายตั๋วออนไลน์ ขณะนี้ผู้โดยสารสามารถดาวน์โหลดแอป LCR Ticket บนโทรศัพท์มือถือเพื่อซื้อตั๋ว จากนั้นไปที่สถานีต้นทางและใช้ QR code เพื่อรับตั๋วและเดินทาง จนถึงปัจจุบัน มีคนอย่างน้อย 15,000 คนที่ลงทะเบียนเพื่อใช้แอป LCR Ticket
รถไฟลาว-จีนเชื่อมต่อลาวกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและเชื่อมไปยังทั่วโลก บริษัทรถไฟลาว-จีน จำกัด จึงเป็นบริษัทเดียวที่เสนอการจำหน่ายตั๋วออนไลน์ในจีน ระบบต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับการซื้อตั๋วออนไลน์เพื่อเดินทางบนเส้นทางรถไฟลาว-จีน
บริษัทลาวและไทยลงนามข้อตกลงอำนวยความสะดวกขนส่งสินค้าทางรถไฟข้ามพรมแดน

ภายใต้บันทึกความเข้าใจไตรภาคี (MOU) ที่ลงนามในเวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟลาว-ไทย และลาว-จีน สำนักข่าวลาวรายงาน
ข้อตกลงนี้ลงนามโดยดาวจินดา สีหลาด ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (Lao National Railway State Enterprise-LNR) แสนจักร ชื่นชม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ เผด็จ เมตยานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แพน-เอเชีย ซิลค์ โรด และ ปัญญา ปภัทสาโร ประธานบริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต
LNR จะประสานงาน อำนวยความสะดวก และจองรถพ่วงรถไฟจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟลาว-จีน เพื่อให้ทั้งสามบริษัทใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
LNR จะจองรถไฟจากการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรุงเทพฯ และสถานีรถไฟท่านาแล้งในเวียงจันทน์
คาดว่าบริษัททั้งสามจะจัดส่งผลไม้จากไทย ซึ่งเป็นผู้ปลูกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ ไปยังจีนผ่านทางลาว
บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายเดือนในการจัดส่งทุเรียนและผลไม้อื่นๆ อย่างน้อย 20,000 ตันที่ปลูกในประเทศไทยไปยังตลาดจีนที่มีผู้บริโภค 1.4 พันล้านคน
บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. และบริษัทแพน-เอเชีย ซิลค์ โรด จะประสานงานกับผู้ขายทุเรียนในจีน ในขณะเดียวกัน บริษัท เก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จะทำหน้าที่เป็นผู้ขนส่ง และรัฐวิสาหกิจรถไฟลาวจะเป็นผู้จัดหาตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น
นับตั้งแต่ทางรถไฟลาว-จีนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2564 ความต้องการทั้งการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางบนรถไฟลาว-จีนพุ่งสูงขึ้น ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ การรถไฟขนส่งผู้โดยสารรวม 417,400 คน เพิ่มขึ้น 256.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เส้นทางรถไฟยังขนส่งสินค้า 647,700 ตันในช่วงสองเดือนนี้ เพิ่มขึ้น 320% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 เป็นผลจากบริการขนส่งที่รวดเร็วและคุ้มค่ากว่า ปัจจุบันผู้ส่งออกไทยจำนวนมากขึ้นส่งสินค้าไปยังจีนโดยทางรถไฟ
สาคอน พิลางาม กรรมการผู้จัดการท่าเรือบกท่านาแล้ง ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของทางรถไฟลาว-ไทย และลาว-จีน กล่าวว่า เวลาขนส่งไปยังชายแดนจีนจากท่าเรือบกในเวียงจันทน์ใกล้ชายแดนไทยตอนนี้สั้นลงมาก โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง
เมื่อเร็วๆ นี้ รถไฟบรรทุกสินค้าที่ออกจากคุนหมิงในมณฑลยูนนานของจีนได้มาถึงกรุงเทพฯ แล้ว โดยใช้เวลาเพียง 55 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง ทำให้การเดินทางสั้นลงหนึ่งวันและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ลง 20% เมื่อเทียบกับวิธีการขนส่งแบบก่อนหน้าซึ่งรวมถึงการขนส่งทางรถไฟและทางถนน จากรายงาน
สะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งที่ 5 คืบ 69%

ผู้อำนวยการโครงการ นายลายทอง พรมมาวง กล่าวว่า โครงการประกอบด้วยสองส่วน หนึ่งในนั้นคือการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำฝั่งลาว ระยะทาง 535 เมตร ส่วนที่สองคือการก่อสร้างถนนทางเข้า 2,775 เมตร อาคารตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในฝั่งลาว ระยะเวลาก่อสร้างตามแผนคือ 30 เดือน และระยะเวลารับประกัน 24 เดือน
นายลายทองสรุปความคืบหน้าของการก่อสร้างตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ว่า ในระยะที่ 1 งานก่อสร้างแล้วเสร็จ 55.5% เกินเป้าหมาย 2.67% ในระยะที่สอง การก่อสร้างถนนทางเข้าสู่สะพานและอาคารตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากรขณะนี้แล้วเสร็จ 82.26% ช้ากว่าเป้าหมายเพียง 2.50%
“ภาพรวมความคืบหน้าของการก่อสร้างทั้ง 2 เฟส ณ เดือนกุมภาพันธ์ แล้วเสร็จ 69.1% เกินเป้าหมาย 0.08%” นายลายทอง กล่าว
การก่อสร้างสะพานและถนนทางเข้าจะมีผลต่อพื้นที่การเกษตร 52.4 เฮกตาร์ ทำให้รัฐบาลต้องจ่าย 5.33 พันล้านกีบเพื่อชดเชยแก่เจ้าของที่ จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้จ่ายเงินแล้ว 3.672 พันล้านกีบให้กับผู้ถือสิทธิ์การใช้ที่ดิน คิดเป็น 68.78% ของยอดค้างชำระทั้งหมด
นายลายทองกล่าวว่า ในเดือนมีนาคม แผนสำหรับระยะที่ 1 ของโครงการจะแล้วเสร็จ 55.59% ในขณะที่ระยะที่สองจะแล้วเสร็จ 89% โดยรวมแล้ว แผนงานในเดือนมีนาคมจะเห็นว่าองค์ประกอบทั้งสองโครงการบรรลุผลสำเร็จโดยเฉลี่ย 72.71% การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปได้ด้วยดี และบางส่วนของโครงการได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนด
สะพานนี้มองว่าเป็นเสาหลักที่สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะเป็นอีกเส้นทางการค้าและทางผ่านของลาวและประเทศเพื่อนบ้าน
โครงการนี้ได้รับความเห็นชอบในเดือนสิงหาคม 2562 เมื่อรัฐบาลค้ำประกันเงินกู้จำนวน 1.38 พันล้านบาทจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย (สพพ.) เพื่อสร้างสะพาน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะแบ่งกันระหว่างลาวและไทย
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว สะพานแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญ ที่เชื่อมระหว่างไทยกับเมืองต่างๆ ของเวียดนามผ่านลาว จะช่วยกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างลาวและไทยในความพยายามร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนในช่วงปี 2565-2569
จุดผ่านแดนระหว่างประเทศกัมพูชา-ไทย สตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน แล้วเสร็จกว่า 80%

นายซุน จันทอล แถลงเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ในโอกาสนำคณะผู้แทนจากกระทรวงฯ ตรวจความคืบหน้าโครงการจุดผ่านแดนระหว่างประเทศสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน โดยมีผู้นำและเจ้าหน้าที่วิชาชีพที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนมาก
“โครงการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 82% และตามแผนจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม ตามการรายงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่จากการที่มาตรวจด้วยตัวเอง ไม่คิดว่าจะเสร็จทันในเดือนพฤษภาคม เแม้จะมีเงินพอก็ตาม”
รัฐมนตรีอาวุโสกล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้โครงการล่าช้าไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกนานกว่า 100 วัน และครั้งที่สองนานกว่า 200 วัน ซึ่งโครงการล่าช้าได้แต่ขึ้นอยู่กับสัญญา ถ้าเกินเวลาก็โดนปรับ
ด้วยความล่าช้าในการก่อสร้างเนื่องจากเงินทุนไม่เพียงพอสำหรับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง นายจันทอลกล่าวว่า กระทรวงฯ จะหารือกับฝ่ายไทยเพื่อเร่งกระบวนการลดงบประมาณของบริษัทรับเหมาก่อสร้างโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการนี้ให้เสร็จตามแผนที่วางไว้
รัฐมนตรีอาวุโสซุน จันทอล กล่าววา จุดประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดในจังหวัดปอยเปต เนื่องจากรถบรรทุกทุกคันได้รับอนุญาตให้ข้ามสะพานได้ และเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางผ่านปอยเปตได้
โครงการก่อสร้างด่านชายแดนถาวรระหว่างประเทศสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ด้วยวงเงินประมาณ 26.42 ล้านดอลลาร์