ThaiPublica > เกาะกระแส > ASEAN Roundup กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ GIC ซื้อหุ้นแบงก์โยมาในเมียนมา 20% ธนาคารกลางกัมพูชาเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลไตรมาส 1

ASEAN Roundup กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ GIC ซื้อหุ้นแบงก์โยมาในเมียนมา 20% ธนาคารกลางกัมพูชาเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลไตรมาส 1

2 กุมภาพันธ์ 2020


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 26 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2563

  • กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ GIC ซื้อหุ้นแบงก์โยมาในเมียนมา 20%
  • เวียดนามเดินหน้าปรับปรุงระบบงานภาษี
  • ตลาดบ้านในเวียดนามยังสดใส
  • นายกรัฐมนตรีลาวเร่งให้ปรับปรุงการออกใบอนุญาตธุรกิจ
  • ลาวยกเลิกค่าธรรมเนียมเข้าชมน้ำตกในปากเซ
  • ธนาคารกลางกัมพูชาเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลไตรมาส 1
  • กองทุนมั่งคั่งสิงคโปร์ซื้อหุ้นแบงก์โยมาในเมียนมา 20%

    ที่มาภาพ: https://www.mmtimes.com/news/ifc-takes-stake-yoma-bank-first-myanmar.html

    กองทุนความมั่งคั่งสิงคโปร์ (GIC) ได้เข้าซื้อหุ้นธนาคารโยมา (Yoma Bank) ในเมียนมา ในสัดส่วน 20% ในการระดมทุนครั้งล่าสุดของธนาคารขณะที่นอร์ฟันด์ (Norfund) จากนอร์เวย์ ซื้อหุ้น 10% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมด 130 พันล้านจ๊าด หรือ 120.6 ล้านดอลลาร์

    ธนาคารโยมา เป็นหนึ่งในธนาคารใหญ่ของเมียนมาก่อตั้งในปี 1993 โดยเซอร์เก พัน นักธุรกิจเมียนมา ปัจจุบันมีกองทุนระหว่างประเทศหรือ International Finance Corp (IFC) หน่วยงานด้านการลงทุนของธนาคารโลกเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น แต่หลังจากการเข้าลงทุนของ GIC Norfund เสร็จสมบูรณ์ การถือหุ้นของธนาคารโลกจะลดลงมาที่ 4%

    ทั้งนี้ IFC ได้แปลงหนี้ที่ปล่อยให้ธนาคารโยมาปี 2014 เป็นทุนในกลางปี 2019

    ดีน คลีแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารโยมา กล่าวว่า หลังจากการระดมทุนครั้งนี้เสร็จสิ้นลง โยมาแบงก์จะเป็นธนาคารที่มีเงินกองทุนแข็งแกร่งที่สุดในเมียนมา อีกทั้งยังได้ประสบการณ์ที่ครอบคลุมภูมิภาคของ GIC ซึ่งเข้าไปอยู่ในหลายภาคธุรกิจ ได้เห็นรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายและมีประสบการณ์หลายด้าน

    เมียนมาได้เปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติยังมองไม่ตรงกัน ขณะที่นักลงทุนจากฝั่งตะวันตกยังไม่ลงทุนในเมียนมามากนัก เพราะยังมีปัญหาเรื่องชาวโรฮิงญา แต่นักลงทุนจากกลุ่มประเทศอาเซียนได้เข้ามาลงทุนจำนวนมาก โดยอยาลา คอร์ป (Ayala Corp) ธุรกิจข้ามชาติที่เก่าแก่ที่สุดของฟิลิปปินส์ได้ลงทุนใน Yoma Strategic Holdings และบริษัทในเครือ คือ First Myanmar Investment ในเดือนพฤศจิกายน รวมมูลค่า 237.5 ล้านดอลลาร์

    เมียนมาได้เปิดเสรีภาคธนาคารในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ทำให้ดึงความสนใจจากนานาชาติ เพราะเมียนมามีประชากร 53 ล้านคน ส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน ธนาคารจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ต่างขยายธุรกิจเข้ามาในเมียนมา ที่เศรษฐกิจเติบโตถึง 7% สูงสุดในภูมิภาค

    ในเดือนที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยของไทยได้ยื่นขออนุญาตต่อธนาคารกลางเมียนมาเพื่อลงทุนในภาคธนาคาร ขณะที่มีรายงานว่ากสิกรไทยจะซื้อหุ้น 35% ในธนาคารเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์

    GIC ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่า 440 พันล้านดอลลาร์ แสวงหาโอกาสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการเติบโตระยะยาว ในปีที่แล้วได้ลงทุน 60 ล้านดอลลาร์ใน ILBC ซึ่งบริหารโรงเรียนที่มีการสอนในหลักสูตรปกติและหลักสูตรอินเตอร์ทั่วเมียนมา

    Yoma Strategic Holdings เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในเมียนมา ที่ทำธุรกิจหลากหลายทั้งบริการทางการเงิน พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ฟาสต์ฟู้ดส์ เช่น เคเอฟซี

    ธนาคารโยมามี 80 สาขาทั่วประเทศ และยังมีกิจการร่วมทุนกับกลุ่มเทเลนอร์ เมียนมา คือ เวฟมันนี (Wave Money) ที่ให้บริการทางการเงินบนมือถือ ธนาคารโยมามีสินทรัพย์ 2.8 ล้านล้านจ๊าด ณ วันที่ 30 กันยายน 2019 เพิ่มขึ้น 22% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 32.3 พันล้านจ๊าด

    เวียดนามเดินหน้าปรับปรุงระบบงานภาษี

    นครโฮ จิมินห์ ซิตี้ เวียดนาม
    เวียดนามเดินหน้าเสริมสร้างภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นายดินห์ เตียน หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงต้องการที่จะผลักดันนโยบายตามที่สภาแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบไว้ ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างภาษีและระบบศุลกากรในปีนี้

    กระทรวงการคลังต้องการที่จะดันให้อันดับของการชำระภาษีและประกันสังคมในการจัดอันดับของธนาคารโลกเลื่อนขึ้น 7-10 อันดับ และการการค้าข้ามแดนเพิ่มขึ้น 5-10 อันดับ และยังคาดหวังว่า การปฏิรูปภาษีและระบบศุลกากรต่อเนื่อง ลดขั้นตอนการดำเนินการ ปรับระบบให้ทันสมัย และใช้ระบบสารสนเทศ ในการจัดการเพื่อลดเวลาการดำเนินงานและเพื่อความโปร่งใส

    กระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะยกระดับงานบริการสาธารณะบนออนไลน์ขึ้นอีก 30% เพื่อให้ไปอยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการบริหารภาครัฐบนออนไลน์

    สำหรับเป้าหมายการยกระดับในระบการชำระภาษี กระทรวงการคลังมีแผนที่จะทบทวนระบบเอกสารกฎหมายภาษีรวมทั้งกฎเกณฑ์ด้านการยกเว้นภาษีให้กับที่ดินที่ทำการเกษตร และหลักเกณฑ์ปลีกย่อยในการพักการชำระภาษีค้างจ่าย งดโทษปรับสำหรับการเสียภาษีล่าช้าและภาษีค้างชำระของผู้เสียภาษีที่ไม่มีความสามารถที่จะจ่ายภาษีอีกต่อไป

    ในปี 2019 กระทรวงการคลังได้ลดขั้นตอนการทำงานลง 49 ขั้นตอน ปรับปรุงแก้ไข 23 ขั้นตอน และวางขั้นตอนใหม่ 38 ขั้นตอน

    ตัวชี้วัดการชำระภาษีของเวียดนามเพิ่มขึ้น 22 อันดับจาก 131 มาที่ 109 จาก 190 ประเทศทั่วโลกในการจัดอันดับของธนาคารโลกที่ประกาศเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2019

    นอกจากนี้ การวัดความพึ่งพอใจของภาคธุรกิจต่อการปฏิรูปภาษีก็เพิ่มขึ้น รายงานจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามในเดือนพฤศจิกายน 2019 แสดงให้เห็นว่า 78% ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจพอใจกับการปฏิรูปภาษี ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากการสำรวจในปี 2016

    ในบรรดาหน่วยงานรัฐ กระทรวงการคลังมักได้อันดับดีเสมอในการปฏิรูประบบการบริหารจัดการ โดยอยู่ในอันดับ 2 ของดัชนีชี้วัดงานปฏิรูปงานภาครัฐ (Public Administrative Reform Index) จากการจัดอันดับเดือนพฤษภาคม 2019 และติดอันดับหนึ่งในดัชนี ICT ของเวียดนามติดต่อกัน 7 ปี ในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง

    ตลาดบ้านในเวียดนามยังสดใส

    ตึกอยู่ระหว่างการก่อสร้างในโฮจิมินห์ซิตี้

    แนวโน้มตลาดบ้านในเวียดนามยังสดใสเป็นผลจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ การขยายตัวของเมือง และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในเมืองหลักๆ ในปี 2018 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวสูงมาก 7.1% จากที่เติบโต 6.8% ในปี 2017 และ 6.2% ในปี 2016

    ในไตรมาสสามปี 2019 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 7.31% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาสสองขยายตัว 6.73% และไตรมาสแรกขยายตัว 6.79% ส่วนในปี 2020 กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าจะเติบโตที่ 6.5%

    โจนส์ แลง ลา ซาลล์ เวียดนามเปิดเผยว่า ในโฮจิมินห์ซิตี้ราคาอพาร์ตเมนต์ในไตรมาสสามปี 2019 เพิ่มขึ้น 23.8% จากระยะเดียวกันของปีก่อน มาที่ระดับเฉลี่ย 2,067 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ส่วนที่ฮานอยราคาเฉลี่ยของอพาร์ตเมนต์เพิ่มขึ้น 6.5% มาที่ 1,473 ดอลลาร์

    ทางด้านค่าเช่า ผลตอบแทนจากค่าเช่ายังเติบโตปานกลางที่ 5% โดยในฮานอยราคาซื้ออพาร์ตเมนต์อยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ส่วนค่าเช่าอยู่ที่ 1,315 ดอลลาร์ต่อเดือน คิดเป็นผลตอบแทน 5.5% และในโฮจิมินห์ซิตี้ ราคาซื้ออพาร์ตเมนต์อยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ ค่าเช่า 1,214 ดอลลาร์ต่อเดือน คิดเป็นผลตอบแทน 4.45%

    นายกรัฐมนตรีลาวเร่งให้ปรับปรุงการออกใบอนุญาตธุรกิจ

    ที่มาภาพ: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_optimistic_245.php

    ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือนมกราคม 2563 นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) กำชับคณะรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการในการพิจารณาอนุมัติใบอนุญาตประกอบธุรกิจและการลงทุน ให้สอดคล้องกับประกาศคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ได้ลงนามไปแล้ว

    คำสั่งนายกรัฐมนตรีฉบับล่าสุดเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของรัฐบาล ที่จะส่งเสริมการประกอบธุรกิจและดึงการลงทุน

    สปป.ลาวได้พยายามปรับปรุงภาวะแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้นพื่อจูงใจ แต่แม้รัฐบาลจะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อันดับของลาวในรายงานความยากง่ายในการทำธุรกิจหรือ Ease of Doing Business ของธนาคารโลกประจำปี 2019 อันดับของลาวกลับลดลง 13 อันดับไปที่ 154 จาก 190 ประเทศทั่วโลก

    นายกรัฐมนตรีทองลุนย้ำความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่จะส่งให้มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่จะดึงการลงทุนและส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังได้รับรายงานถึงความคืบหน้าในการพัฒนาระบบการชำระเงินและการจัดเก็บรายได้ผ่านระบบมือถือ และได้เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบในการกำหนดกรอบเวลาและผลักดันการพัฒนาระบบให้สำเร็จ

    คณะทำงานชุดนี้มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสมดี ดวงดี เป็นประธาน จะรับผิดชอบการจัดทำแผนระบบชำระเงินดิจิทัล รวมทั้งแผนเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ ซึ่งจะต้องรายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนมีนาคม

    ลาวยกเลิกค่าธรรมเนียมเข้าชมน้ำตกในปากเซ

    ภาพโดย Hiroo Yamagata – https://www.flickr.com/photos/hiyori13/4313219861/, CC BY-SA 2.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=18473768

    ที่ว่าการจังหวัดจำปาสักแห่ง สปป.ลาวได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมน้ำตก 2 แห่งในปากเซ คือ คอนพะเพ็งและสมพะมิต โดยได้แจ้งให้บริษัท ยิ่ง สกไซ ยุติการจำหน่ายตั๋วเข้าน้ำตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2563 ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเข้าชมน้ำตกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    นอกจากนี้ยังได้อำนาจที่ว่าการอำเภอโขงในการบริหารจัดการน้ำตกทั้ง 2 แห่งในวันที่ 23 มกราคม 2563 เช่นกัน รวมทั้งได้สั่งการให้ยกเลิกการให้สัมปทานเก็บค่าธรรมเนียมกับบริษัท ยิ่ง สกไซ และยังให้บริษัท ยิ่ง สกไซ ยุติการให้บริการร้านอาหารศาลาชมวิว ในบริเวณน้ำตกคอนพะเพ็ง

    นางสาวเพ็ญคำ แสงแก้ววงพะจัน เจ้าหน้าที่กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวประจำจังหวัดจำปาสัก ให้ข้อมูลว่า ค่าธรรมเนียมการเข้าชมน้ำตกคอนพะเพ็งสำหรับชาวลาวอยู่ที่ 5,000 กีบ และหากนำรถเข้ามารวมทั้งใช้บริการห้องน้ำจะอยู่ที่ 20,000 กีบ
    ส่วนชาวต่างชาติต้องจ่าย 35,000 กีบต่อคน แลหากนำรถเข้ามารวมทั้งใช้บริการห้องน้ำจะอยู่ที่ 55,000 กีบ ขณะที่ราคาตั๋วเข้าน้ำตกสมพะมิตอยู่ที่ 5,000 กีบสำหรับชาวลาว และ 35,000 กีบสำหรับชาวต่างชาติ

    คอนพะเพ็งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความแรงและชัน ส่งผลให้แม่น้ำโขงในช่วงนี้ไม่สามารถเดินเรือได้

    จำปาสักเป็นเมืองที่มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและสถานที่ประวัติศาสตร์ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ 216 แห่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ 116 แห่ง แหล่งวัฒนธรรม 60 แห่ง และโบรณสถาน 40 แห่ง แต่มีเพียง 20 แห่งเท่านั้นที่มีระบบบริการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว

    ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ น้ำตกคอนพะเพ็ง น้ำตกตาดฟาน น้ำตกสมพะมิต และน้ำตกตาดยวง มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก เช่น การเดินป่า การโหนสลิง หรือเลือกที่จะไปชมผลิตภัณฑ์จากที่ราบโบลาเวน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านกาแฟ รวมทั้งถึงการเยี่ยมชมวัดพู ซึ่งจัดงานประจำปีในเดือนกุมภาพันธ์

    ธนาคารกลางกัมพูชาเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลไตรมาส 1

    ที่มาภาพ: https://www.phnompenhpost.com/business/nbcs-digital-payments-go-live-next-few-months

    ธนาคารกลางกัมพูชาจะเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนภายใต้โครงการบากงในไตรมาส 1 นี้ โดยจะใช้ในการใช้จ่ายประจำวัน

    เจีย สรี ผู้บริหารจากธนาคารกลางกัมพูชาเปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นระบบการชำระเงินแห่งชาติกัมพูชา ผู้ใช้ในระบบปิดสามารถเชื่อมต่อวอลเลตกับบัญชีธนาคารที่มีอยู่ได้ และแปลงเงินสกุลหลัก (fiat currencies) เป็นสกุลเงินดิจิทัล และสามารถใช้ได้กับการใช้จ่ายประจำวันผ่านโทรศัพท์มือถือ

    โครงการบางกงยังสนับสนุนการโอนเงิน โดยเจีย สรี เปิดเผยอีกว่า โครงการนี้มีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมแล้ว 11 รายจาก 43 ธนาคารที่มีในประเทศ

    ธนาคารกลางคาดว่าจะมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ เจีย สรี แสดงความเชื่อมั่นว่าโครงการจะเป็นตัวกลางในการรวมผู้เล่นในระบบการชำระเงินของกัมพูชา และแพลตฟอร์มทำให้การโอนเงินของ end-user ง่ายไม่ว่าจะใช้บริการธนาคารใด

    ธนาคารกลางยังคาดว่าแพลตฟอร์มนี้จะสามารถรองรับการชำระเงินข้ามแดนผ่านเครือข่าย ทั้งนี้เงินสกุลดิจิทัลของธนาคารกลางจะควบคุมโดยธนาคารกลางกัมพูชาในระบบปิดและมีธนาคาร สถายันการเงินเข้าร่วม โครงการเริ่มทดสอบระบบในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวในสิ้นเดือนมีนาคม