ThaiPublica > เกาะกระแส > เปิดตัวทีมงานเจรจาการค้าประชุม G20 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง – นักการฑูตมือฉมัง – เพื่อนและลูกน้อง

เปิดตัวทีมงานเจรจาการค้าประชุม G20 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง – นักการฑูตมือฉมัง – เพื่อนและลูกน้อง

3 ธันวาคม 2018


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีกำหนดการพบปะเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าของทั้งสองประเทศ หลังการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G20 เสร็จสิ้นลง โดยนัดหมายกันในช่วงอาหารค่ำของวันเสาร์

  • สหรัฐ – จีน พักรบชั่วคราว ทรัมป์ชะลอขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีน เจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งการค้าใน 90 วัน
  • การหารือบนโต๊ะดินเนอร์ของผู้นำสหรัฐและจีนมีทีมงานของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมด้วย โดยในด้านสหรัฐฯ ประกอบด้วย ไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, จอห์น เคลลี หัวหน้าสำนักงานประจำทำเนียบขาว, โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ, จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีทรัมป์, จาเรด คุชเนอร์ บุตรเขยประธานาธิบดีทรัมป์, ลาร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ, ปีเตอร์ นาวาโร หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการค้า และแมตต์ โพทิงเกอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านกิจการเอเชีย แห่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ

    ฝ่ายจีนมีทีมงานที่เข้าร่วมได้แก่ ติง สวีเซียง ผู้อำนวยสำนักงานบริหารงานทั่วไปแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์, หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี, หยาง จี้ชื่อ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ คณะทำงานด้านกิจการต่างประเทศแห่งพรรคคอมมิวนิสต์, หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, เหอ ลี่เฟิง ประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ, จง ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, ฉุย เทียนไค่ เอกอัคราชฑูตจีนประจำสหรัฐฯ และ หวัง เจาเหวิน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์

    การเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้าของทั้งสองประเทศใหญ่ของโลกใช้เวลากว่าสองชั่วโมง ซึ่งนานกว่าที่คาด

    ที่น่าสนใจคือ ทีมงานของประธานาธิบดีสี จิ้งผิง ซึ่งเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ ได้รายงานเปิดตัวว่า ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน และนักการฑูตที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ บางคนไม่เป็นที่คุ้นหน้าในเวทีระดับโลกมากนัก แต่เป็นทีมหลักที่ช่วยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บริหารประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก โดยคีย์แมนหลักแถวหน้าคือ หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี

    ทีมงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ร่วมโต๊ะดินเนอร์และนั่งเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่ขึ้นชื่อว่ามีจุดยืนที่แข็งกร้าว และนับว่าทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างพอสมควร แม้จะต่างมีท่าทีที่พร้อมจะพักรบเพื่อไม่ให้สงครามการค้าลุกลามไปมากกว่านี้

    ทีมเจรจาเศรษฐกิจ

  • หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี
  • หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่มาภาพ : http://www.xinhuanet.com/

    หลิว เหอ เป็นคีย์แมนในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม ได้นำคณะเดินทางมายังสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการ และเมื่อกลับประเทศพร้อมคณะ หลิว เหอ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายมีฉันทามติว่าจะพักรบชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้ายังคงมีต่อเนื่อง เพราะสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวมวงเงิน 200 พันล้านดอลลาร์

    ความล้มเหลวจากการเจรจารอบนั้น มีผลกระทบต่อความไว้วางใจที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีต่อหลิว เหอ แต่สำนักงานบริหารงานทั่วไปของคณะกรรมการกลางด้านกิจการการเงินและเศรษฐกิจ ที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังคงเป็นหน่วยงานหลักในการเจรจา ส่วนสำนักงานธุรการที่หลิว เหอ คุมนั้นรับผิดชอบงานประจำวัน หลิว เหอ เป็นคนที่รวมรวบทีมงานเพื่อรับผิดการเจรจาการค้า และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะด้วยตัวเอง

    การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์ในปลายเดือนตุลาคม ขณะที่หลิว เหอ กับสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์เช่นกันในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อกำหนดกรอบการเจรจาและความเป็นไปได้ในการยุติสงครามการค้า

    เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า หลิวในวัย 66 ปี นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นทีมงานที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไว้ใจอย่างมาก และเคยพูดถึงหลิวว่าเป็นคนที่มีความสำคัญสำหรับเขามาก ความสัมพันธ์ของหลิวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เริ่มขึ้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังอยู่ในวัยทีนเอจ เพราะเรียนที่โรงเรียนมัธยมเดียวกัน

    หลิวได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการสำนักธุรการ คณะกรรมการกลางด้านกิจการการเงินและเศรษฐกิจ ในปี 2003 เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รับหน้าที่รองประธานาธิบดีและถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดต่อจากประธานาธิบดี หู จิ่นเทา และนับแต่นั้น หลิวได้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

    แม้หลิวจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ก็รู้กันว่ามีอิทธิพลมากกว่านายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เสียอีก และสถานะของหลิวไม่กระทบกระเทือนแม้แต่น้อยไม่ว่าผลการเจรจาวันเสาร์จะออกมาอย่างไร แต่สื่อต่างประเทศหลายรายเริ่มเปรียบเทียบหลิวกับคีย์แมนด้านการเจรจาคนก่อน คือ หวัง ฉีชาน และหวัง หยาง ซึ่งทั้งคู่ขึ้นชื่อในด้านความชัดเจน และด้วยบุคลิกของหวัง ฉีชาน เอง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบในแวดวงนักการเมืองต่างชาติ ผู้นำธุรกิจ และสื่อ ขณะที่หลิวเป็นคนฉลาดรอบรู้ แต่ทักษะด้านการเจรจาเรื่องหนักยังต้องติดตามกันต่อไป

    หลิวนำทีมไปบัวโนสไอเรสเพื่อเจรจากับสหรัฐฯ ก่อนหน้าการประชุมกลุ่มผู้นำ G20 จะเริ่มขึ้น

  • เหอ ลี่เฟิง ประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ
  • เหอ ลี่เฟิง ประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ที่มาภาพ: http://www.xinhuanet.com/english/2017-03/06/c_136106311.htm

    เหอ ลี่เฟิง วัย 63 ปี เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและพันธมิตรของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มายาวนาน ได้รู้จักกันในจังหวัดฝูเจี้ยน เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีวัย 17 ปี ทั้งคู่ทำงานกับที่ว่าการจังหวัดเซียะเหมินในปี 1985 เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการฝูเจี้ยนปี 2000 ได้แต่งตั้งให้ เหอดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประจำมณฑลฟูโจว หลังจากนั้นหนึ่งปีประธานาธิบดีถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง ได้รับผิดชอบเขตเศรษฐกิจพิเศษปินไห่ และการปฏิรูปทางการเงินในระดับอำเภอในเทียนจิน

    เมื่อสี จิ้นผิง รับตำแหน่งประธานาธิบดีได้หนึ่งปี เหอ ลี่เฟิง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ที่รับผิดชอบด้านนโยบายเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และในปีที่แล้วได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ

    เหอ ลี่เฟิงเป็นทีมงานที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไว้ใจอีกคนหนึ่ง และได้ร่วมเดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้และการเยือนต่างประเทศใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีบทบาทในนโยบายเศรษฐกิจทุกเรื่อง จึงยากที่จะบอกว่า เหอ ลี่เฟิง มีแนวคิดทางเศรษฐกิจอย่างไร แต่เหอ ลี่เฟิง รับผิดชอบโครงการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง 2 โครงการ คือ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative และแคมเปญขจัดความยากจน มาตั้งแต่มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการ

  • จง ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
  • จง ชาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ที่มาภาพ: http://www.xinhuanet.com/english/2018-03/11/c_137031085.htm

    เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้ว่าราชการเจ้อเจียงระหว่างปี 2000-2007 นั้น จง ชาน มีตำแหน่งเป็นรองผู้ว่า และทำงานภายใต้สายงานบังคับบัญชาตรงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ร่วม 5 ปี จง ชาน ปัจจุบันอยู่ในวัย 63 ปี

    ปี 2008 เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดต่อจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ด้วยการเข้าทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี จง ชาน ถูกโยกย้ายจากเจ้อเจียงมาที่กระทรวงพาณิชย์ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย และจากการทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ร่วม 10 ปี ทำให้ จง ชาน สะสมประสบการณ์และทักษะในหลายด้าน และเป็นหนึ่งในทีมงานที่รับผิดชอบการเจรจาแบบพหุภาคี เช่น เขตการค้าเสรีและความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค หรือกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ความสัมพันธ์ยุโรปกับเอเชีย รวมไปถึงการค้าต่างประเทศ

    ตั้งแต่ปี 2010 0 จง ชาน เป็นหนึ่งในตัวแทนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เยือนสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนปีก่อน และอยู่ในทีมต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์และคณะในเดือนพฤศจิกายน 2017

    ขณะที่ยังทำงานที่เจ้อเจียง จง ชาน ดูแลงานรัฐวิสาหกิจด้านการนำเข้าสิ่งทอ ก่อนที่จะได้รับการโปรโมทให้เป็นหัวหน้าสำนักงานการค้าต่างประเทศและการลงทุนประจำจังหวัด

    ทีมเจรจาการทูต

  • หยาง จี้ชื่อ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ คณะทำงานด้านกิจการต่างประเทศแห่งพรรคคอมมิวนิสต์
  • หยาง จี้ชื่อ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ คณะทำงานด้านกิจการต่างประเทศแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ที่มาภาพ: http://www.chinadaily.com.cn/china/2017-02/27/content_28354826.htm

    หยาง จี้ชื่อ วัย 68 ปี เป็นนักการทูตระดับสูงสุดในพรรคคอมมิวนิสต์ หลังจากที่ได้รับการโปรโมทให้เป็นหนึ่งใน 25 คณะกรรมการโปลิตบูโร ช่วงปี 1998-2017 ไม่มีนักการทูตในคณะกรรมการโปลิตบูโร และคณะมนตรีแห่งรัฐจะเป็นตำแหน่งสูงสุดแล้วที่นักการฑูตจะไต่ไปถึง

    การแต่งตั้ง หยาง จี้ชื่อ ให้ร่วมเป็นคณะกรรมกรโปลิตบูโร ทำให้เขามีอำนาจในการประสานงานพรรคกับหน่วยงานรัฐบาลในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน เช่น กระทรวงพาณิชย์และฝ่ายประสานงานระหว่างประเทศของพรรค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการด้านความสัมพันธ์กับพรรคต่างประเทศ

    หยาง จี้ชื่อ เป็นผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการของคณะทำงานด้านกิจการต่างประเทศแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ดูแลการปฏิบัติงานในการตัดสินใจระดับสูงสุดด้านนโยบายต่างประเทศของจีน เขามีความเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับจีนและใช้ชีวิตการทำงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จากการทำหน้าที่เอกอัครราชฑูตจีนประจำสหรัฐช่วงปี 2001-2004

    หยาง จี้ชื่อ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช และมีบทบาทสำคัญในการประสานความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะช่วงที่มีความอ่อนไหวในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีบทบาทในการเริ่มความสัมพันธ์ระดับบุคคลระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตลอดจนช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างจีนกับอินเดียที่ยืดเยื้อ 10 สัปดาห์

    นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า หยาง จี้ชื่อ ได้รับความช่วยเหลือจากน้องชาย หยาง จี้เมี่ยน นักวิชาการด้านกลยุทธ์ และอดีตประธานสถาบันศึกษาระหว่างประเทศแห่งเซี่ยงไฮ้ ในการคิดคำติดปากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ว่า ความสัมพันธ์มหาอำนาจรูปแบบใหม่ หรือ “new type of major power relations”

    ระหว่างการพบปะกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของหสรัฐฯ จอห์น โบลตัน ที่ทำเนียบขาวเดือนพฤศจิกายนปีก่อน หยาง จี้ชื่อ กล่าวว่า ทั้งสองประเทศจัดการกับความแตกต่างได้อย่างเหมาะสม เพื่อทำให้การพบปะของประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่บัวโนสไอเรสเกิดประสิทธิผล

  • หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
  • หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่มาภาพ: http://en.people.cn/n3/2018/0909/c90000-9498719.html

    หวัง อี้ วัย 65 ปี มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เมื่อคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เริ่มบริหารประเทศปี 2003

    หวัง อี้ เป็นนักการทูตมาตลอดชีวิต มีความเชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นและทำหน้าที่เอกอัครราชฑูตจีนประจำญี่ปุ่นปี 2004-2007 เป็นที่รู้จักกันว่า มีจุดยืนในแนวต่อต้านในด้านกิจกรรมระหว่างประเทศ ตัวอย่างล่าสุดที่ได้กล่าวหลังจากผู้นำกลุ่มประเทศเอเปกต้องมีฉันทามติในแถลงการณ์ร่วมเพื่อสรุปผลการประชุม ที่จัดขึ้นในปาปัวนิวกินี หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหวัง อี้ กล่าวว่า บางประเทศยืนยันที่จะใส่ข้อความของตัวเอง

    คำกล่าวของหวัง อี้ มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ผลัดกันยิงหมัดใส่กันในการประชุมสุดยอดผู้นำเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางการค้าและความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ของทั้งสองประเทศมีมากขึ้น โดยหวัง อี้ พูดกลายๆ ว่า มีประเด็นกับสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ออกชื่อประเทศตรงๆ

    หวัง อี้ ได้รับการโปรโมทให้เป็นมนตรีแห่งรัฐในปีก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นการให้ความสำคัญของลำดับอาวุโส และยังเปิดทางให้เขาสามารถระดมความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นได้

    ในเดือนกรกฎาคม หวัง อี้ เยาะเย้ยการเรียกร้องทางการค้าของสหรัฐฯ ว่า “งงมาก สหรัฐฯ พูดออกบ่อยว่าถูกเอาเปรียบ แต่การกระทำแบบนี้ทำให้งงมาก เหมือนกับคนที่ซื้อสินค้าราคา 100 ดอลลาร์ในซูเปอร์มาร์เก็ต มีสินค้าอยู่ในมือ และโอดครวญว่าเงินขาดไป 100 ดอลลาร์ ซึ่งตรรกะนี้ใช้ได้หรือ”

  • ฉุย เทียนไค เอกอัคราชฑูตจีนประจำสหรัฐฯ
  • ฉุย เทียนไค เอกอัคราชฑูตจีนประจำสหรัฐฯ ที่มาภาพ: http://www.china-embassy.org/eng/zmgxss/t926908.htm

    ฉุย เทียนไค มีวัย 66 ปี และเกษียณในปีที่ผ่านมา แต่ยังทำงานในด้านช่วยรักษาความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับจีนที่กระท่อนกระแท่น ในช่วงโดนัลด์ ทรัมป์ ทำหน้าที่ประธานาธิบดี

    ฉุย เทียนไค ทำหน้าที่เอกอัคราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2013 ในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อจีนสับสนกับการติดต่อกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เขาได้พยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีมิตรไมตรีะหว่างอิวานคา ทรัมป์ บุตรสาว และจาเรด คุชเนอร์ บุตรเขยของประธานาธิบดีทรัมป์ อิวานคา ทรัมป์ ก็มีส่วนเริ่มด้วยการเดินทางเยือนสถานฑูตจีนเพื่อร่วมงานปาร์ตี้ในเดือนกุมภาพันธ์

    ในปีที่แล้ว ฉุย เทียนไค ยังคงมีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ในหลายระดับของรัฐบาลทรัมป์ รวมทั้งเป็นตัวแทนของจีนในการไปร่วมงานสาธารณะหลายงาน และทำหน้าที่โฆษกให้ข้อมูลกับสื่อสหรัฐฯ

    โรเบิร์ต ดาลี อดีตนักการทูตสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า ฉุย เทียนไค เป็นที่เคารพในสหรัฐฯ และเป็นเอกอัครราชฑูตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นตัวแทนในการต่อรองที่มีคุณค่า และเป็นความเห็นที่ต้องฟังเมื่อมีการถกเถียงทั่วทั้งกรุงวอชิงตัน

  • ติง สวีเซียง ผู้อำนวยสำนักงานบริหารงานทั่วไปแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์
  • ติง สวีเซียง ผู้อำนวยสำนักงานบริหารงานทั่วไปแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ที่มาภาพ: http://www.chinadaily.com.cn/china/2017-10/26/content_33722119.htm

    ติง สวีเซียง วัย 56 เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีประสบการณ์ในการสนับสนุนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มายาวนานกว่า 10 ปี ทำหน้าที่เลขาธิการในช่วง 6 เดือนที่ประธานาธิบดีสีเป็นหัวหน้าพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ปี 2007 หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรมการเมืองถาวรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ติง สวีเซียง ถูกโยกย้ายมาที่สำนักงานบริหารงานทั่วไปในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ และเมื่อสี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ติง สวีเซียง ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารงานทั่วไป และตั้งแต่นั้นได้ร่วมทริปต่างประเทศและในประเทศกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หลายครั้ง