ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ
‘ความไม่แน่นอน‘ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตาม ‘สถานการณ์เลวร้าย’1 ที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น ดัชนี World Uncertainty Index2 ชี้ว่าความไม่แน่นอนของโลกเพิ่มสูงขึ้นจากสงคราม ภัยธรรมชาติและโรคระบาด (รูปที่ 1) สถานการณ์เลวร้ายส่งผลให้เศรษฐกิจโลกผันผวนรุนแรงขึ้น สังเกตได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่แกว่งตัวในช่วงที่กว้างขึ้น และมีโอกาสหดตัวลึกกว่าในอดีต
รูปที่ 1 ดัชนีความไม่แน่นอนโลก
ในทางเศรษฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อการบริโภค โดยจูงใจให้ผู้บริโภคออมเงินและใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น จากงานศึกษาข้อมูลการบริโภคจากประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 1930-1931 ของ Greasley Madsen and Oxley (2001)3 พบว่า ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจและดัชนีราคาหลักทรัพย์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความต้องการซื้อลดลงทั้งสินค้าคงทนและไม่คงทน ความไม่แน่นอนยังส่งผลให้ธุรกิจชะลอการลงทุน เพราะธุรกิจลังเลที่จะลงทุนกับเครื่องจักรหรือสิ่งปลูกสร้างที่ยกเลิกได้ยาก Bloom Bond and Reenen (2006)4 พบว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรชะลอการลงทุนใหม่และการถอนการลงทุนเดิมหากเผชิญกับความไม่แน่นอน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ทิศทางของนโยบายทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น เนื่องจากผู้ดำเนินนโยบายจำเป็นต้องปรับนโยบายตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดการณ์และประเมินความเสี่ยงได้ยาก
ไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เลวร้าย ‘มากกว่า’ และ ‘นานกว่า’ ประเทศอื่น
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายคล้ายคลึงกับประเทศอื่น แต่ ‘ได้รับผลกระทบมากกว่า’ และ ‘ฟื้นตัวได้ช้ากว่า’ ประเทศอื่น การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยเศรษฐกิจไทยฐกิจไทยหดตัว 6.1% ในปี 2020 และฟื้นตัวกลับขึ้นมาเพียง 1.6% และ 2.5% ในปี 2021 และ 2022 ตามลำดับ เทียบกับมาเลเซีย (2020: -5.5%, 2021: 3.3%, 2022: 8.9%) หรือเวียดนาม (2020: 2.9%, 2021: 2.5%, 2022: 8.1%)
สาเหตุที่ไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าและนานกว่าประเทศอื่น ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาแรงส่งจากต่างประเทศ การระบาดส่งผลให้การค้าและการเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงัก ทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวไทยหดตัว รายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ลดลงส่งผลต่อกำลังซื้อของคนไทยและความต้องการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศ รูปที่ 2 แสดงมูลค่า GDP ที่เศรษฐกิจไทยจะสูญเสียไปหากความต้องการซื้อจากเศรษฐกิจคู่ค้าลดลง 1% โดยคำนึงถึงการส่งผ่านผลกระทบบนห่วงโซ่อุปทานร่วมด้วย จะเห็นได้ว่าในปี 2015 หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว -1% จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวตาม -0.2% เพิ่มขึ้นจากปี 2005 เกือบ 3 เท่า การส่งผ่านผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็มีน้ำหนักมากเช่นกัน
รูปที่ 2 GDP ที่ไทยจะสูญเสียไป หาก GDP ของประเทศคู่ค้าหดตัวลง 1%
การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในโลกที่ผันผวน?
มองไปข้างหน้า โอกาสเกิดสถานการณ์เลวร้ายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์เลวร้ายมักอยู่เหนือการคาดการณ์ ผู้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวรับความท้าทายจากสถานการณ์เลวร้ายอย่างยืดหยุ่นและทันท่วงที
กลยุทธ์ 3 ประการในการรับมือกับความไม่แน่นอนและสถานการณ์เลวร้าย มีดังนี้
1. เข้าใจธรรมชาติของความไม่แน่นอนเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้า – ช่วยให้ผู้ดำเนินนโยบายสามารถจำแนกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ครบถ้วน และเข้าใจกลไกที่สถานการณ์เลวร้ายส่งผ่านผลกระทบ จึงสามารถออกแบบมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์เลวร้ายทุกรูปแบบ และสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
2. ออกแบบนโยบายเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น – โดยจัดลำดับความสำคัญของมาตรการทางเศรษฐกิจ วางกรอบการดำเนินนโยบายอย่างเป็นระบบ และตัดลดมาตรการที่ไม่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารทรัพยากร โดยเฉพาะในยามวิกฤติ
3.โยกย้ายทรัพยากรมาลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน – เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน ทั้งนี้ ผู้ดำเนินนโยบายควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่วิกฤติเริ่มก่อตัว จึงจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้พร้อมใช้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยออกตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นในยามฟื้นตัว
เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ผู้ดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจต้องเข้าใจธรรมชาติของความไม่แน่นอน เข้าใจกลไกการเกิดดับของสถานการณ์เลวร้าย สามารถโยกย้ายทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อบริหารการเติบโตและความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น
“It’s not uncertainty as such that bothers us, but unknowledge.”
Peter Bernstein นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและการเงิน
หมายเหตุ:
1. เผยแพร่ครั้งแรกใน THE STANDARD OPINION 1 มิถุนายน 2023 (https://thestandard.co/how-do-we-live-in-bad-situation/)
2. จาก Ahir Bloom and Furceli (2022) (https://www.nber.org/papers/w29763) ดัชนีคำนวณโดยนับจำนวนคำที่มีความหมายว่า ‘ไม่แน่นอน’ (Uncertain) ในบทวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกของ Economic Intelligence Unit (EIU)
3. https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0014498300907514
4. https://academic.oup.com/restud/article-abstract/74/2/391/1574874