ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ ถกผู้นำอาเซียน-รวมพลังเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’- เข็นสลากการกุศล 5,308 ล้าน ส่งเด็กเรียนนอก ‘1 ทุน 1 อำเภอ’

นายกฯ ถกผู้นำอาเซียน-รวมพลังเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’- เข็นสลากการกุศล 5,308 ล้าน ส่งเด็กเรียนนอก ‘1 ทุน 1 อำเภอ’

29 เมษายน 2025


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/
  • นายกฯ ถกผู้นำอาเซียน-รวมพลังเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’
  • เซอไพรส์ข่าวปรับ ครม.-ขอ รมต.ทำงานเต็มที่
  • ไม่หวั่น ‘พีระพันธ์’ ถูกสอบคุณสมบัติ
  • สั่ง สส.พรรคร่วม ลงพื้นที่อธิบาย ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’
  • มติ ครม.เข็นสลากการกุศล 5,308 ล้าน ส่งเด็กเรียนนอก ‘1 ทุน 1 อำเภอ’
  • อนุมัติงบกลาง 172 ล้าน จัดรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่
  • ทุ่ม 497 ล้าน จัด ‘Expo 2027’ เมืองโยโกฮามา ญี่ปุ่น
  • แต่งตั้ง ‘มงคล ตรีกิจจานน’ ผู้ว่า กฟภ.
  • เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ภายหลังการประชุมนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และมอบหมายให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

    ออกสลากกุศล 5.3 พันล้าน สานต่อ ‘ODOS’ ส่งเด็กเรียนนอก

    นางสาวแพทองธาร รายงานว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการทุนการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพ ODOS ในรอบแรก จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 5,308.14 ล้านบาท ดังนี้

      1. โครงการสำหรับทุนการศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีระยะสั้นในต่างประเทศ โดยจะส่งเยาวชนซึ่งเป็นตัวแทนจาก 878 อำเภอ ทั่วประเทศและจากกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต
      2. โครงการสำหรับทุนศึกษา ปวส.จำนวน 60 ทุน และระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ จำนวน 140 ทุน รวม 200 ทุน
      3. โครงการสำหรับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี ณ สหรัฐอเมริกา จำนวน 60 ทุน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
      4. โครงการสำหรับทุนการศึกษาปริญญาตรีในสหราชอาณาจักร จำนวน 50 ทุน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 25 ทุน
      5. โครงการสำหรับทุนการศึกษาระดับปวส. และระดับปริญญาตรี ณ ออสเตรเลีย โดยขอรับการสนับสนุนการศึกษาจากปวส. จำนวน 60 ทุน และระดับปริญญาตรีจำนวน 30 ทุน รวมทั้งสิ้น จำนวน 90 ทุน
      6. โครงการสำหรับทุนการศึกษาปริญญาตรีในประเทศ จำนวน 2,200 คน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 6 รุ่น รุ่นละ 1,100 คน (ผู้รับทุนรัฐบาลจากโครงการสลากฯ จำนวน 700 คน และผู้รับทุนรัฐบาลจากโครงการสลากฯ และบางส่วนจากทุนสถาบันอุดมศึกษาเป็นค่าเล่าเรียนตามระเบียบของสถาบันการศึกษา จำนวน 400 คน)
      7. โครงการสำหรับทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ปวส.ในประเทศจำนวน 4,800 คน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 4 รุ่น รุ่นละ 1,200 คน

    ถกผู้นำอาเซียน-รวมพลังเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’

    ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการแก้ปัญหาภาษีของสหรัฐ นายกฯ จะร่วมมือกับประเทศในอาเซียนอย่างไร โดย นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อันนี้ก็ได้มีการคุยกับนายกฯ กัมพูชา และคุยนอกรอบกับนายกฯ มาเลเซียด้วย คุยว่าจะเน้นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว เป็นจุด unique ของแต่ละประเทศมารวมพลังกัน เพื่อจะเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ”

    นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า “ทุกคนก็ work แต่ละประเทศไป แต่ในอาเซียนจริงๆ ก็คุยกันด้วยว่าเราสามารถมีอะไรไหมที่จะเป็นจุดพิเศษ สำหรับกลุ่มอาเซียนและสามารถร่วมมือกันได้ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ พอรวมกลุ่ม อาเซียนก็มีประชากรมากขึ้นเยอะเลย เป็นน้ำหนักที่มากขึ้นสำหรับต่อรองกับสหรัฐ เดี๋ยวคงมีการประชุมกันนอกรอบอีก”

    เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้พูดถึงเรื่องการฟ้อง 112 นายพอล แชมเบอร์ นักวิชาการด้านกองทัพ จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อันนี้ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการไป มีกระทรวงพาณิชย์ด้วย ทั้งหมดคือเจรจาเป็นภาพรวมทั้งหมดอยู่แล้ว อะไรที่เกี่ยวข้องก็คุยหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงต่างประเทศ”

    ถามต่อว่าเรื่องวันเจรจายังไม่ชัดเจน ใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “วันยังไม่ได้ระบุออกมา ไม่ว่าเราจะคุยกันเรื่องกรอบว่ากลุ่มอาเซียนต้องร่วมมือกัน หรือเราดูเหตุการณ์ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เรื่องความเร็ว มันไม่ใช่ issue ว่าเราต้องเร็วแล้ว มันเป็นเรื่องความแม่นยำมากกว่า ที่เราคุยกันก็กลับมาพิจารณาในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น อันนี้เป็นความแม่นยำที่ว่าเราจะต้องทั้งไปและกลับ เจรจากับ US ว่ามีอะไรที่ยังทำเพิ่มได้ แต่ทางกระทรวงคลัง ก็คุยอยู่ต่อเนื่อง”

    ผู้สื่อข่าวบอกว่ามีกระแสข่าวที่สหรัฐไม่ยอมเจรจากับไทย ทำให้นางสาวแพทองธาร ถามกลับว่า “โห อันนี้มาจากไหนคะ” ผู้สื่อข่าวตอบว่าเป็นข่าวลือ จากนั้นนางสาวแพทองธาร ย้ำว่า “อ๋อ เป็นข่าวลือ”

    “ถ้าเป็นข่าวลือในประเทศไม่อยากให้ลืออะไรแบบนี้ เพราะจริงๆ แล้วเรากับอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน การจะลือเพื่อประเด็นทางการเมืองมันไม่ควร เราต้องผนึกกำลังกันไว้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้การเจรจาต่อรองของเราเข้มแข็ง ไม่ใช่มัวแต่คิดถึงประเด็นการเมือง แล้วยิงกันเองก่อน ยังไม่ได้มีอะไรที่ไปคุย เราต้องแข็งแรงกันเองก่อนด้วย ไม่อยากให้ปล่อยข่าวลือกันแบบนี้” นางสาวแพทองธาร กล่าว

    ถามต่อว่า บางฝ่ายต้องการให้รัฐบาลไทยเจรจายกแรกก่อน เพื่อให้เห็นความต้องการของสหรัฐ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เราคุยกันหลังไมค์อยู่แล้วเรื่องความต้องการของสหรัฐ ต้องบอกเลยว่ากรอบที่จะสามารถแถลงออกไมค์แบบนี้ เราต้องคุยกันข้างหลังก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศเยอะ เพราะฉะนั้นการ working group ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า ที่รองนายกฯ พิชัยเป็นคนรับผิดชอบ ต้องคุยกันทุกแง่มุมข้างหลังให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นไม่สามารถออกมาพูดได้ แต่ work ตลอด ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมตลอดและไม่ได้หายไปไหน”

    สั่ง สส.พรรคร่วม ลงพื้นที่อธิบาย ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’

    ผู้สื่อข่าวถามเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยอ้างอิงจากผลสำรวจ ซึ่งระบุว่าเรื่องนี้ไม่ผ่านสภาแน่นอน ขณะเดียวกัน นายกฯ ให้ สส. พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ให้ความเข้าใจกับประชาชน โดย นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อย่าเพิ่งชี้นำว่ามันจะผ่านหรือไม่ผ่านอย่างไร ที่บอกว่าให้ สส. ในพื้นที่ให้ไปทำความเข้าใจ เพราะมันเห็นส่วนที่ต้องทำความเข้าใจ คำว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มันเป็นสิ่งใหม่ของประเทศเรา มันยังไม่มี แต่ญี่ปุ่นทำแล้ว และเราต้องบอกให้ประชาชนทราบว่า นี่คือการลงทุนจากต่างชาติภาคเอกชน เมื่อมีการลงทุนเข้ามารัฐสามารถเก็บภาษีได้ นี่คือประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ”

    “พูดไปหลายรอบไม่ว่าจะจัดคอนเสิร์ตหรืออะไรก็ตาม อยากให้เข้ามาเยอะแยะ การจ้างงานเพิ่มขึ้น การเก็บภาษีได้มากขึ้น เอกชนลงทุนโดยที่รัฐไม่ต้องลงทุน เพราะฉะนั้น การลงทุนโดยเอกชน ก็จะเป็นประโยชน์ของรัฐ” นาางสาวแพทองธาร ตอบ

    “ผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นสิ่งที่ในสภาต้องทำงานกัน สส. ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า มันเป็นแบบนี้ มีอะไรที่เข้าใจผิดไหม หรือ อะไรยังไม่ชัดเจนไหม และเรื่องนี้ที่ตัวฉันเองแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภาอยู่แล้ว ก็เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการทำความเข้าใจต่อไปเรื่อย ๆ และก็รับฟังแน่นอน เวลา สส. อธิบายก็ได้รับฟังเสียงสะท้อนด้วยว่า เมื่ออธิบายถูกต้องแล้ว ประชาชนคิดเห็นอย่างไร” นางสาวแพทองธาร ตอบ

    ถามต่อว่า นายกฯ ได้บอกให้ สส. พรรคร่วมรัฐบาล ไปลงพื้นที่อธิบายด้วยหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “กำชับค่ะ ได้คุยกับพรรคร่วมทุกพรรคอยู่แล้วว่าสามารถทำความเข้าใจได้อย่างไรบ้าง ทุกคนมีแนวทางในการสื่อสารเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ตัวดิฉันเองก็ได้คุยกับเฉพาะหัวหน้าพรรค ก็เห็นด้วย”

    ถามต่อว่า ที่ผ่านมามี สส. ประกาศกลางสภาว่าไม่เห็นด้วย อาจเป็นจุดบอดที่ทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาโจมตี และขยายความว่าเรื่องนี้อาจสะดุดและเดินต่อไม่ได้ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เรายังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุม ก็ทำให้ดีที่สุดในเรื่องนี้ ตัวดิฉันเองทั้งหมดที่แถลงต่อรัฐสภา คิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ไม่งั้นคงไม่อยากที่จะทำหรือตั้งต้นเรื่องนี้ขึ้นมา”

    จากนั้นผู้สื่อข่าวบอกว่านายกฯ อาจจะต้องหันไปถามพรรคภูมิใจไทยที่ยืนอยู่ข้างๆ (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ว่าเคลียร์กันภายในได้หรือยัง ทำให้นางสาวแพทองธาร บอกว่า “ให้ส่งไมค์ให้ภูมิใจไทยด้วยเลยไหมคะ” พร้อมกล่าวต่อว่า “จริงๆ ไม่มีอยู่แล้วนะคะ คุยกับท่านรองอยู่แล้ว ท่านรองก็ทราบดีว่ามันเป็นนโยบายที่แถลงในสภาร่วมกัน”

    เผยรัฐบาลชุดนี้เร่งการลงทุนภาครัฐสูงสุดในประวัติศาสตร์

    เมื่อถามเรื่อง World Bank และ IMF ได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีไทย รัฐบาลมีแผนการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร โดย นางสาวแพทองธารตอบว่า “จริงๆ แล้วรัฐบาลมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ก็ทำมาโดยตลอด”

    “ระยะสั้นเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต หรือ เรากำลังทำเรื่องการลงทุนที่ดึงการลงทุนเข้ามา ตอนนี้ก็ทำอยู่ ที่สำคัญที่ตัวดิฉันเองได้ประชุมกับสำนักงบฯ ก็เร่งเรื่องการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งตอนนี้เราได้เปอร์เซ็นต์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเรามีการลงทุนจากภาครัฐที่กระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเรื่องไหนเลยที่เราดึงออก เราเต็มที่กับเรื่องนี้ เพราะเราก็ทราบว่าวิกฤติเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ของประเทศเรา แต่เป็นทั่วโลกเพราะฉะนั้นเรา slow down เรื่องไหนไม่ได้เลย เราทำเต็มที่ทุกเรื่อง” นางสาวแพทองธาร ตอบ

    “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ยังไม่ได้ผ่าน เราก็ผลักดันเรื่องนี้ให้มีผลต่อไปในอนาคตเช่นกัน มันมีระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว” นางสาวแพทองธาร ตอบ

    ไม่หวั่น ‘พีระพันธ์’ ถูกสอบคุณสมบัติ

    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งถูกยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ นายกฯ กังวลหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยแบบเดียวกับนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน โดย นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อันนี้ทราบ แต่กระบวนการ เราก็ทราบอยู่แล้วว่า มันต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาก็ตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากๆ ผ่านหลายขั้นตอน มันมีขั้นตอนของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าไม่มีลักษณะต้องห้าม อันนี้ก็คือผ่านแล้ว ตัวดิฉันเองก็ต้องอาศัยหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันตรวจ เพราะทุกคนที่ผ่านการรับรองก็ได้รับการตรวจทั้งสิ้น ก็ผ่านกันหมด เรื่องทรัพย์สินเรื่องอะไรก็ผ่าน”

    ถามต่อว่านายกฯ ได้คุยกับนายพีระพันธ์ หรือยัง นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “ไม่ได้คุย วันนี้ท่านลาไป ยังไม่ได้เจอกัน แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ท่านรองก็ทราบอยู่แล้ว เพราะผ่านเข้ามาใน ครม. ก็ต้องตรวจเข้มข้นหลังจากที่นายกฯ เศรษฐาเกิดเหตุการณ์ขึ้น”

    เซอไพรส์ข่าวปรับ ครม.-ขอ รมต.ทำงานเต็มที่

    เมื่อถามเรื่องกระแสการปรับ ครม. เพื่อลดข่าวลือ เพราะก่อนหน้านี้รัฐมนตรีหลายคนออกมาตัดพ้อว่าทำงานสะดุด นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เรามากกับข่าว ครม. ที่ออกมา ข่าวบอกว่าท่านบิ๊กอ้วน (นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) ก็โดนย้ายกระทรวงเรียบร้อยแล้ว งงเหมือนกัน”

    “เรื่องแบบนี้ยังไม่เกิดขึ้นในกระบวนความของดิฉันเลย ก็งงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ทราบว่าตรงไหน อย่างไรต้องการทำข่าวเหล่านี้ขึ้นมา ก็น่าสงสารรัฐมนตรีทุกคน เพราะยังไม่ได้พูดว่าจะปรับเลย และตัวดิฉันเองก็ไม่อยากเดินไปพูดอะไรๆ เพราะตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้ย้ายกระทรวงใดๆ ทั้งสิ้น” นางสาวแพทองธาร ตอบ

    “ขอให้ทำงานกันเต็มที่ ตัวดิฉันเองก็ต้องพึ่งพา ครม. ทุกท่านอยู่แล้ว เพราะทุกท่านมีความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง ก็ขอให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนให้กำลังใจ ครม. ชุดนี้ด้วย เพราะเจอวิกฤติ ไม่ใช่วิกฤติประเทศธรรมดา วิกฤติโลกด้วยซ้ำ ก็ต้องช่วยกัน” นางสาวแพทองธาร ตอบ

    ถามต่อว่า นายกฯ จะยึดหลักอะไรถ้าจะมีการปรับ ครม. และพรรคร่วมรัฐบาลได้ขอปรับหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “ถามถึงเรื่องอนาคตหรือเปล่า บอกว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

    ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าคนเราต้องถามอนาคต ทำให้นางสาวแพทองธาร บอกว่า “ถามหมอดูก่อน”

    เผยความร่วมมือ ‘ไทย-กัมพูชา’ 4 ด้าน

    นายจิรายุ รายงานข้อสั่งการเรื่องการเยือนประเทศ กัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายกฯ และรองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาตามคำเชิญของรัฐบาลกัมพูชา เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น ประเทศไทยกับกัมพูชามีการร่วมมือกัน ในการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งค์ Call Center ระหว่างชายแดน โดยทั้ง 2 ประเทศ และมีความร่วมมือกันใน 4 ด้านดังนี้

      • ทั้งสองประเทศจะร่วมกัน แลกเปลี่ยนหลักฐาน หรือข้อมูลต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการปราบปรามอาชญากรรมระหว่างกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
      • ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันปิดกั้น (Block) สัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต ที่เกิดจากเครือข่ายในการก่ออาชญากรรมออนไลน์
      • ทั้งสองประเทศจะยกระดับมาตรการ ในการควบคุมชายแดนให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะป้องกันอาชญากรรมในทุกประเภท รวมทั้งการลักลอบ ขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายข้ามแดน เช่น ยาเสพติด
      • ทั้งสองประเทศ จะร่วมมือกันตรวจสอบ คนไทยที่ทำงานในประเทศกัมพูชานั้นจะต้องมีใบอนุญาตการทำงานที่ถูกต้อง

    นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้สั่งการ กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวง DE กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหาร กสทช. รวมทั้งประสานความร่วมมือกับบริษัทเอกชนที่ให้บริการเครือข่าย ร่วมมือกันปราบปรามปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศ มีความปลอดภัยในการดำรงชีวิต และยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นต่อไป

    นอกจากนี้ประเทศไทยและกัมพูชาตกลงที่จะจัดประชุม Mini Joint cabinet meeting ระหว่าง 2 ประเทศ ที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาระหว่างชายแดนทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน ในเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ PM 2.5 ยาเสพติด การค้ามนุษย์ (Human Trafficking) ซึ่งคาดว่าดำเนินการในเดือนกรกฎาคมปีนี้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประสานความร่วมมือดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทั้งสองประเทศ

    สั่งคณะทำงานหาจุดแข็งประเทศ รับมือ ‘ภาษีสหรัฐ’

    นายจิรายุ กล่าวถึงข้อสั่งการเรื่องการเจรจากับสหรัฐอเมริกาว่า สำหรับกรอบความร่วมมือในภูมิภาค โดยเฉพาะ ASEAN นั้น จะมีการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของการบังคับใช้นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของหลายประเทศ ผู้นำหลายประเทศใน ASEAN เช่น มาเลเซีย และกัมพูชา ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้และมีความเห็นว่า ประเทศสมาชิกในอาเซียนควรร่วมมือกัน โดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ หาข้อได้ดีที่สุดในภาพรวม ซึ่งจะทำให้ผลการพูดคุยไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่จะเป็นของประเทศสมาชิกในอาเซียนด้วยกัน เช่นจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ / การเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่ง / ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และ คณะทำงาน ด้านนโยบายการค้าอเมริกา รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และรวบรวมมาตรการ ที่จะเป็นจุดแข็งของประเทศอาเซียนต่อไป

    เร่งดีอี – สทนช. เร่งรัดโครงการบริหารน้ำ

    นายจิรายุ กล่าวต่อว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดสกลนคร และนครพนมพบว่ายังมีปัญหาอยู่มากในการบูรณาการระหว่างกันยังไม่เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ ทำให้การบริหารจัดการน้ำอุปโภค บริโภค และภาคการเกษตรและการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร

    นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ มีข้อสั่งการให้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ดีอี ร่วมกับทาง สทนช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดติดตามโครงการต่างๆ ที่ได้มีการอนุมัติไปแล้ว ให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ ตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ของสองจังหวัดนี้ รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานจะต้องไม่ประสบกับปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง อีกต่อไป

    มติ ครม.มีดังนี้

    นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษก ฯ , นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ และนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกฯร่วมกันแถลงผลการประชุม ครม. ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
    ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

    อนุมัติงบกลาง 172 ล้าน จัดรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่

    นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน 172.50 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน (โครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ฯ) ในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 5 แห่ง ในลักษณะโครงการนำร่องของมหาวิทยาลัยมหิดล ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ

    นายคารม กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุของความพิการระยะยาวและความจำเสื่อมจากการคำนวณดัชนีการสูญเสียปีสุขภาวะ พบว่าภาวะโรคหลอดเลือดสมอง อยู่ใน 3 อันดับแรกของดัชนีการสูญเสียปีสุขภาวะของคนไทย และจากสถิติของสำนักงานหลักประกันสุขภาพในปี 2560-2565 พบว่า มีผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเพิ่มสูงขึ้นจาก 278.49 ต่อแสนประชากร อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปในปี 2560 เป็น 330.72 ต่อแสนประชากรอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปในปี 2565 ประกอบกับสถิติของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในปี 2566 พบว่า มีผู้ป่วยหลอดเลือดสมองมากถึง 349,126 ราย เสียชีวิต 36,214 ราย และจากรายงานกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,000 ราย ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน พบว่า ได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการพิการถึงร้อยละ 70 และเสียชีวิตร้อยละ 5

    ดังนั้น การพัฒนาระบบทางการแพทย์เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาโดยการให้ยาสลายลิ่มเลือดหรือใส่สายสวนเพื่อเปิดหลอดเลือดสมองในระยะเฉียบพลันได้อย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อลดความพิการ จึงมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลซึ่งยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษา รวมถึงการขาดแคลนประสาทแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และระบบส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ ที่เชื่อมต่อระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจรซึ่งเป็นรถพยาบาลที่ประกอบด้วย เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) ระบบบปรึกษาทางไกลและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจร่างกายทางระบบประสาท เพื่อช่วยวางแผนการรักษาก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลและวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดสมองบนรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ พร้อมทั้งเชื่อมต่อระบบปรึกษาทางไกลจากประสาทแพทย์ และมีการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่มีเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต

    โดยโครงการนำร่องดังกล่าวเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567) พบว่า มีผู้รับบริการแล้วกว่า 2,200 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัด จากทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งสามารถลดระยะเวลาในการรักษาได้ร้อยละ 50 เพิ่มโอกาสการได้รับยาสลายลิ่มเลือดและหรือการเปิดหลอดเลือดด้วยสายสวนสูงถึง 3 เท่า และผู้ป่วยหายจากความพิการสูงถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษารูปแบบเดิม (กลุ่มผู้ป่วยที่เดินทางเข้ารับการรักษาด้วยรถฉุกเฉินทั่วไปหรือมาด้วยตนเอง) ซึ่งการรักษารูปแบบรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่สามารถลดความสูญเสียต่อผู้ป่วยและครอบครัว รวมถึงลดภาระในการดูแลผู้ป่วยพิการได้ในระยะยาว

    ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย สธ. อว. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มูลนิธิสมเด็จพระยุพราช และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ร่วมกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราชคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีแผนการให้บริการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 21 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีชีวิตรอดจากโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันหรืออัมพาตได้ทันเวลา และเพิ่มโอกาสในการหายจากความพิการได้

    “อว.นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือ จำเป็นในกรอบวงเงิน 172.50 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 5 แห่ง (จังหวัดหนองคาย สกลนคร อุบลราชธานี สระแก้ว และสุราษฎร์ธานี) (5 คัน) ในลักษณะโครงการนำร่องกรอบวงเงินงบประมาณ 172.50 ล้านบาท [ส่วนที่เหลือจะของบประมาณเพื่อดำเนินการเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อีกจำนวน 16 แห่ง (16 คัน) กรอบวงเงินงบประมาณ 552.00 ล้านบาท รวมทั้งโครงการ 21 แห่ง (คัน) ทั่วประเทศ ซึ่งสำนักงบประมาณ (สงป.) ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ อว. โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน 172.50 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อดำเนินโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ฯ ในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 5 แห่ง ในลักษณะโครงการนำร่องและให้มีการติดตามประเมินผลโครงการดังกล่าวก่อนเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป” นายคารม ระบุ

    เข็นสลากการกุศล 5,308 ล้าน ส่งเด็กเรียนนอก ‘1 ทุน 1 อำเภอ’

    นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและมอบหมายตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังต่อไปนี้

    1) เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย (โครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมฯ) ของมูลนิธิต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย(มูลนิธิฯ) วงเงิน 250 ล้านบาท เนื่องจากการดำเนินการโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรม ฯดังกล่าวล่วงเลยระยะเวลา ตามที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เห็นชอบ เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเจรากับกรมธนารักษ์ เพื่อขอเช่าที่ดินแปลงอื่น

    2) เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศล (สลากฯ) เพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลฯ (คณะกรรมการฯ) จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 5,308.14 ล้านบาท ได้แก่

      2.1 โครงการพัฒนาศักยภาพ Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS) เพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ โดยจะส่งเยาวชนตัวแทนจาก 878 อำเภอ ทั่วประเทศ และจากกรุงเทพมหานคร 50 เขต จำนวนไม่น้อยกว่า 928 คน ไปศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีระยะสั้นในต่างประเทศ เพื่อยกระดับทักษะดิจิทัลใหม่

      2.2 โครงการสรรหาและเตรียมความพร้อมนักเรียนทุนการศึกษา เพื่อขยายโอกาส และพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ โดยขอรับการสนับสนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสอบเพื่อสรรหา และเลือกสรรนักเรียนทุน เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ และค่าใช้จ่ายในการจัด Boot Camp และการทดสอบภาษาอังกฤษ (Mock test) เพื่อให้ทุนการศึกษาระดับ ปวส.จำนวน 60 ทุน และปริญญาตรีในต่างประเทศ จำนวน 140 ทุน รวม 200 ทุน

      2.3 โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ ณ สหรัฐอเมริกา โดยขอรับการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 60 ทุน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 30 ทุน

      2.4 โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ ณ สหราชอาณาจักร โดยขอรับการสนับสนุนทุนทุนการศึกษา จำนวน 50 ทุน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 25 ทุน
      2.5 โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับ ปวส. และระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ ณ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยขอรับการสนับสนุนทุนการศึกษาระดับ ปวส. จำนวน 60 ทุน และระดับปริญญาตรี จำนวน 30 ทุน (รวม 90 ทุน) ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 45 ทุน

      2.6 โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศ โดยขอรับการสนับสนุนทุนการศึกษาจำนวน 2,200 คน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 1,100 คน (ผู้รับทุนรัฐบาลจากโครงการสลากฯ จำนวน 700 คน และผู้รับทุนรัฐบาลจากโครงการสลากฯ และบางส่วนจากทุนสถาบันอุดมศึกษา เป็นค่าเล่าเรียนตามระเบียบของสถาบันการศึกษา จำนวน 400 คน)

      2.7 โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ [Outstanding Development Opportunity Scholarship (ODOS)] สำหรับทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ปวส. ในประเทศ โดยขอรับการสนับสนุนทุนการศึกษา จำนวน 4,800 คน ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) โดยแบ่งเป็น 4 รุ่น รุ่นละ 1,200 คน

    3) มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการ ดังนี้

      3.1 เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และจ่ายเงินรางวัลสลากฯ
      3.2 ประสานงานกับกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการสลากฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากฯ การขออนุญาตการออกสลากฯโดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ โดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากฯ เสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ 0.5 แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ 12 (4) ของกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ออกตามความในพระราชบัญญัติพนัน พ.ศ. 2478 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 43 (พ.ศ.2543)
      3.3 จัดทำแผนการออกสลากฯ และแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการและรายงานต่อคณะกรรมการฯ เพื่อประโยชน์ในการกำกับติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้
      3.4 มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการ ได้แก่

        3.4.1 ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจในการกำหนตระยะเวลาผูกพันวงเงินขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือ ขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนเบิกจ่าย ตามเหตุผลความจำเป็นแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการสนับสนุนเงินจากการออกสลากฯ ให้โครงการดังกล่าว
        3.4.2 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้เงินภายโนโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยโครงการที่ได้รับการสนับสนุนฯ เป็นในส่วนของทุนการศึกษา จึงเห็นควรให้ดำเนินการสนับสนุนตามจำนวนผู้รับทุนการศึกษาที่หน่วยงานเสนอขอรับการสนับสนุนเท่านั้น โดยให้นำเงินเหลือจ่ายโอนเข้ารายได้แผ่นดิน

    ทั้งนี้ ในกระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุน ควรดำเนินการอย่างโปร่งใส ชัดเจน รอบคอบ และรัดกุม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง และความเป็นธรรม เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการในการลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับทุนอย่างเท่าเทียม

    บูรณาการร่วมภาครัฐ-เอกชน พัฒนากลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 2

    นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2568 และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอดังต่อไปนี้

    1) รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2568 และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568

    2) เห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัด และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 จำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 200,000,000 บาท โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2568 งบกลาง สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความพร้อม ความคุ้มค่า และความเหมาะสมของวงเงินตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

    3) เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัด และกลุ่มจังหวัดฯของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) จำนวน 5 โครงการ กรอบวงเงิน 200,000,000 บาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีขบฯ 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบฯ อย่างรอบคอบ

    4) มอบหมายให้ สศช. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของจังหวัด และกลุ่มจังหวัดฯ ของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือจำนวน 21 โครงการเพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

    5) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป

    6) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานผลการดำเนินการให้ สศช. ต่อไป

    ทั้งนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบและให้ความเห็นชอบการดำเนินงานตามผลการประชุมฯ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนากลุ่มจังหวัดฯ ไปสู่เป้าหมาย “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” โดยการพัฒนาศักยภาพและปัจจัยแวดล้อมด้านการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขงเชื่อมโยงวัฒนธรรมชุมชน การยกระดับการเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน การพัฒนาขีดความสามารถโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง การเสริมสร้างทักษะแรงงานและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน และการยกระดับการบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น

    ทุ่ม 497 ล้าน จัด Expo 2027 เมืองโยโกฮามา ญี่ปุ่น

    นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้

    (1) อนุมัติในหลักการให้ไทยเข้าร่วมงาน International Horticultural Expo 2027 ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม – 26 กันยายน 2570 ณ เมืองโยโกฮามา ญี่ปุ่นโดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานดังกล่าว

    (2) เห็นชอบแผนการดำเนินงานเข้าร่วมการจัดงาน International Horticultural Expo 2027 ณ เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น และกรอบงบประมาณ จำนวน เงินทั้งสิ้น 497.49 ล้านบาท ระยะเวลาปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 – พ.ศ. 2571 เพื่อใช้จัดงาน International Horticultural Expo 2027

    (3) เห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โดยตำแหน่งเป็น Commissioner General of Section (CG) ของไทย เป็นผู้ลงนามในสัญญาต่าง ๆ สำหรับการเข้าร่วมงาน International Horticultural Expo 2027 ณ เมืองโยโกฮามา ญี่ปุ่น และในกรณี ที่มีเหตุผลความจำเป็นสามารถปรับรายละเอียดแผนการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายภายในกรอบวงเงิน ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

    นายอนุกูล กล่าวว่า. กระทรวงพาณิชย์นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน International Horticultural Expo 2027 ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม – 26 กันยายน 2570 ณ เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานดังกล่าวและเห็นชอบแผนการดำเนินงานเข้าร่วมการจัดงาน International Horticultural Expo 2027 รวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวนเงินทั้งสิ้น 497.49 ล้านบาท ระยะเวลาปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 – พ.ศ. 2571 ซึ่งกระทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ (สงป.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) พิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้องด้วย

    ทั้งนี้ (The Bureau International des Exposition: BI) และสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศได้มีกำหนดจัดงานมหกรรมพืชสวนนาน่าชาติ 2027 (International Horticultural Expo 2027) ซึ่งเป็นงานระดับ A1ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม – 26 กันยายน 2570 ณ เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ผู้คนมีความรู้สึกมีความสุขอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านความสัมพันธ์กับดอกไม้และความเขียวขจี โดยการจัดงานจะเปิดโอกาสให้ชุมชนทั่วโลกได้แบ่งปันความสำคัญของทรัพยากรพืช ซึ่งเป็นรากฐานของกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังที่จะสำรวจแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการใช้แนวปฏิบัติและความรู้ดังกล่าวเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการบรรลุเป้าหมาย SDGs และแบ่งปันวิสัยทัศน์ของสังคมที่ยั่งยืนหลังจากปี ค.ศ. 2030

    สำหรับแนวคิดหลัก (Theme) ในการจัดงาน คือ “Scenery of the Future for Happiness” (ภาพทัศน์ของอนาคตแห่งความสุข) โดยมีแนวคิดย่อย จำนวน 4 หัวข้อได้แก่ (1) การปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ (Co-adaptation) (2) การอยู่ร่วมกันโดยอาศัยต้นไม้กับภาคการเกษตร (Co-existence) (3) การสร้างสรรค์อุตสาหกรรมใหม่ร่วมกัน (Co-creation)และ (5) การแก้ไขปัญหาผ่านความร่วมมือ (Co-operation)

    “การเข้าร่วมงาน International Horticultural Expo 2027 จะเป็นโอกาสให้ไทยได้นำเสนอนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความมั่นคงทางอาหาร และเป็นโอกาสให้ไทยสามารถเรียนรู้และนำเอาเทคโนโลยี แนวคิดใหม่ที่เกี่ยวเนื่องมาใช้พัฒนาส่งเสริมการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนของไทยต่อไป อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษานานาประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การร่วมมือในโครงการวิจัย การพัฒนาการค้าและการลงทุนในอนาคต ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น” นายอนุกูล กล่าว

    แต่งตั้ง ‘มงคล ตรีกิจจานน’ ผู้ว่า กฟภ.

    นอกจากนี้ที่ประชุมิครม.ยังมีมติอนุมัติ/เห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐมีรายละเอียดดังนี้

    1. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง)

    คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ แต่งตั้งนายพลช หุตะเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการเศรษฐกิจ) สูง] สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ให้ตำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป

    2. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

      1. นางสาวดารินทร์ อารีย์โชคชัย นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2569

      2. นางสาวทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมสาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2567

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป

    3. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย)
    .
    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

    4. เรื่อง การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายมงคล ตรีกิจจานนท์ เป็นผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 470,000 บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการประชุมครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

    5. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปแบบที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่(กระทรวงมหาดไทย)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน 3 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเติมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ดังนี้ 1. นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท 2. รองศาสตราจารย์สุวดี ทองสุกปลั่ง หรรษาสุขสิน 3. นางสาวหทัยทิพย์ เหลืองธนพลกุล

    ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

    6. เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)

    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า จำนวน 6 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ดังนี้

      1. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย
      2. รองศาสตราจารย์ประทีป ด้วงแค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า
      3. นายบริพัตร ศิริอรุณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
      4. นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
      5. นายประสิทธิ์ หมีดเส็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชุมชน (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
      6. นายปรีชา สุขเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชุมชน (ผู้แทนภาคประชาสังคม)

    ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

    อ่าน มติ ครม.ประจำวันที่ 29 เมษายน 2568 เพิ่มเติม