ThaiPublica > เกาะกระแส > ‘ภคมน หนุนอนันต์’ ลำดับไทม์ไลน์เช็ก ‘วุฒิภาวะผู้นำ’ แพทองธาร

‘ภคมน หนุนอนันต์’ ลำดับไทม์ไลน์เช็ก ‘วุฒิภาวะผู้นำ’ แพทองธาร

25 มีนาคม 2025


‘ภคมน หนุนอนันต์’ ลำดับไทม์ไลน์เช็ก ‘วุฒิภาวะผู้นำ’ แพทองธาร – ตอบไม่ตรงคำถาม-โยนรมว.คลังตอบประเด็นเศรษฐกิจ ถามบริหารงาน 7 เดือน ประเทศได้อะไร?

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 08.00 น.เป็นวันที่ 2 ของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานฯ พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ

การประชุมเริ่มที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวอภิปรายว่า นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติผู้นำประเทศ ขาดความรู้ความสามารถ วุฒิภาวะผู้นำ และไม่มีเจตจำนงรับใช้ประชาชน ซึ่งวันนี้ประเทศไทยเต็มไปด้วยความท้าทาย มีโจทย์ยากที่พวกเราต้องทำให้สำเร็จ ทั้งเศรษฐกิจ จีนเทา คอรัปชั่น และไม่แปลกว่า วันนี้พี่น้องเฝ้ารอการแก้ไขปัญหาต่าง ๆจากนายกฯอย่างจริงจัง แต่เรากลับมีนายกฯ ที่ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำประเทศ ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชนที่จะนำพาประเทศไปสู่ข้างหน้าได้เลย โดย น.ส.แพทองธารที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ แต่กลับลอยตัวเหนือปัญหา คนเป็นผู้นำต้องมีความรู้ เพื่อนำไปสู่ตัดสินใจที่แม่นยำ เผชิญปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีวุฒิภาวะ และต้องมีเจตจำนงที่จะรับใช้ประชาชน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำต้องมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แต่ถ้าขาดตรงนี้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว

ซัดนายกฯขาดทักษะสื่อสาร-ไม่ทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ

“น.ส.แพทองธาร ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งในขณะที่สังคมกำลังตื่นตระหนกกับข่าวสารที่ไม่ชัดเจน คนที่ควรจะมาให้ความชัดเจนกับสังคมคือนายกฯ แล้วตนคิดว่าสิ่งหนึ่งที่นายกฯ ไม่มีคือภาวะในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกคนรู้ว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไป เช่น การสื่อสาร เพื่อระงับความสับสน และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนที่กำลังกังวลเรื่องนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น และไม่ใช่หน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญที่ไหน แต่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ถ้าคุณไม่รู้ ก็มีวิธีการเยอะแยะ แต่คุณไม่ทำ คุณไม่พยายาม และหลายครั้งท่านไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ท่านเป็นนายกฯ เรื่องพื้นฐานที่สร้างความเชื่อมั่นให้สังคม ก็ยังไม่มีปัญญา” น.ส.ภคมน กล่าว

ลำดับเหตุการณ์ตอกย้ำ‘วุฒิภาวะผู้นำ’

น.ส.ภคมน  ได้ไล่เลียงว่า ทำไม น.ส.แพทองธาร ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯ เริ่มที่เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สื่อมวลชนถามนายกฯ เรื่องการรับมือค่าเงินบาทแข็ง น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “บาทแข็งส่งผลดีต่อการส่งออก” ขณะทีทั่วโลกรับรู้ว่าบาทแข็งส่งผลดีกับการนำเข้า เพราะว่าจะใช้เงินน้อยลง ส่งผลเสียต่อการส่งออก เพราะว่าทำให้มีราคาสูงขึ้น และทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประทศไทยใช้เงินมากขึ้น

อีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567  ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนจะมีเงินหมื่นเฟส 2 จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นมาหรือไม่  นายกฯ ตอบว่า “ไม่กล้าพูดเลยเดี๋ยวจะ…. แต่เรามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างค่อยๆออกมา รอดูสถานการณ์ รอกันอีกนิดหนึ่ง”

โยน รมว.คลังตอบประเด็นเศรษฐกิจ

วันที่ 4 ธันวาคม 2567  มีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  นายพิชัยมีแนวคิดที่จะปฏิรูปโครงสร้างภาษี โดยปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 7 %เป็น 15%  พอสื่อสารออกไป นักลงทุน ผู้บริโภค แตกตื่นกันหมด นายกฯ ตอบว่า “เข้าใจ แต่รอให้คลังมาตอบ”

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568  ผู้สื่อข่าวถามว่า หุ้นไทยดิ่งลงไป 1,200  จุด  นายกฯมีแนวทางปลุกตลาดหุ้นอย่างไร นายกฯ “ไม่ตอบ ยิ้มอ่อนและเดินจากไป”

และวันที่ 10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวถามเรื่อง การแจกเงินหมื่นเฟส 3 ว่ามีเหตุผลอะไรมั้ยที่แจกคนอายุ 16-20 ปี นายกฯตอบว่า “ได้สัมภาษณ์คลัง หรือ ยังค่ะ แล้วเดินจากไป”

ส่วนในเวทีนานาชาติ เพื่อโน้มน้าวนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย นายกฯได้สามารถแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจได้ แต่น่าเสียดายนายกฯจะตอบเหมือนไม่เข้าใจคำถาม

ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น

น.ส.ภคมน อภิปรายต่อว่า น่าเสียดายโอกาส เพราะนายกฯพูดบนเวทีว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งมามีการพูดคุยกับนักลงทุนทั่วโลกมาโดยตลอด กำลังมีดิวดีๆเกิดขึ้น เช่น กูเกิล ไมโครซอฟท์ โดยจะมีการลงทุนเรื่องของดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ซึ่งผู้ดำเนินรายการ ถามว่า การลงทุนเหล่านี้ เขาเชื่อมั่นประเทศไทย แต่มีความจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาฝีมือแรงงาน และองค์ประกอบอื่น ๆ  และนายกฯมีแผนอะไรในการต่อยอดสิ่งเหล่านี้ นายกฯตอบเหมือนไม่เข้าใจคำถามว่า “เราทำนโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี เรามีนโยบายแจกเงินหมื่น และเรามีกลไกในการผลักดันโครงการซอฟพาวเวอร์”

เมื่อถามถึง 10 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอยากให้นายกฯสะท้อนการดำเนินการนโยบายเหล่านี้  นายกฯ ได้ยกเอาโครงการซอฟพาวเวอร์ที่นายกฯไปไหนมาไหนก็จะโปรโมท เอามาตอบเพื่อโชว์นักลงทุน โดยนายกฯตอบว่า “ประเทศไทยวัฒนธรรมที่เฟื่องฟูทุกคนรู้จักสงกรานต์มีตั้งแต่ 13-15 เมษายนของทุกปี แต่บางจังหวัด นอกกรุงเทพมหานคร เขาเล่นกันตั้งแต่วันที่ 8 – 19 เมษายนของทุกปี ซึ่งเราจะต้องเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน  ต้องทำให้เทศกาลสงกรานต์กระจายไปทั่ว ถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ก็จะเป็นผลดีกับประเทศไทย”

น.ส.ภคมน  อภิปรายว่า ถ้านายกฯจะบอกว่าตัวเองโปรโมทสินค้าไทย อยากทำผลิตภัณฑ์คนไทยมีมูลค่าเหมือนที่นายกฯยกตัวอย่าง เพราะอยากให้ช่างฝีมือมีรายได้มากเหมือนช่างทำนาฬิกา ท่านต้องพูดยุทธศาสตร์ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่มองแค่ว่าใส่เสื้อผ้าไทย เพื่อโปรโมท แล้วบอกว่าเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ท่านเป็นนายกฯ ท่านไม่ใช่อินฟลูเวนเซอร์ ท่านทำได้มากกว่านั้น พูดไปเลย ยุทธศาสตร์เป็นอย่างไร ท่านต้องบอกว่ารัฐบาลส่งเสริมอย่างไร มีแผนการอย่างไร อะไรก็ว่าไป พูดให้มากกว่านี้ แต่นี่พูดบางเบา ปลิดปลิว ตื่นเขินเหลือเกิน”

ขาดเจตจำนงในการแก้ปัญหา

น.ส.ภคมน กล่าวว่า เรื่องวุฒิภาวะของนายกฯ ถ้าต้องการพิสูจน์ภาวะผู้นำอย่างมีวุฒิภาวะ ต้องทำให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในตัวท่านให้ได้ ส่วนในเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ นายกฯมาบอกว่าก็โดนเหมือนกัน จะบอกทำไม เพราะประชาชนอยากรู้ว่านายกฯจะแก้ปัญหาอย่างไร กลายเป็นว่าประชาชนต้องมาฟังเรื่องราวร้องทุกข์ของนายกฯ ยังไม่รวมถึงที่นายกฯโพสต์รูปภาพสวมเสื้อสีสันสดใส แคปชั่นสวัสดีวันจันทร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนเสียหายจากน้ำท่วมเชียงรายเมื่อครั้งที่ท่านไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ในขณะที่ท่านกำลังทำกิจกรรมด้วยการไปสวนสัตว์ ช้อปปิ้ง และจิตสำนึกไม่กระซิบเลยหรือว่า ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้กำลังเผชิญกับน้ำท่วมในรอบ 37 ปี เขาจะรู้สึกอย่างไรที่นายกฯมีภาพ และสื่อสารออกไปอย่างเริงร่าขนาดนั้น จนสุดท้ายสื่อมวลชนก็ต้องไปถามนายกฯ ว่าทอดทิ้งประชาชนคนใต้หรือไม่ และนายกฯยืนยันว่า “ไม่ทอดทิ้งคนใต้ เพราะสามีเป็นคนใต้” ซึ่งมีวิธีการสื่อสารมากมายที่จะยืนยันว่านายกฯไม่ทอดทิ้งประชาชน แต่ท่านเลือกที่จะสื่อสารด้วยประโยคแบบนี้

น.ส.ภคมน อภิปรายต่อว่า เจตจำนงที่รับใช้ประชาชน ทำไมตอนหาเสียงพูดอย่าง ตอนเป็นรัฐบาลพูดอีกอย่าง ลืมแล้วหรือว่าตัวเองประกาศอะไรไว้ และในพรรคร่วมรัฐบาลท่านได้เปรียบอย่างเดียวคือ ท่านได้เป็นนายกฯ แต่อย่างอื่นเสียเปรียบ กลายเป็นว่าเจตจำนงเพื่อประชาชนวันนี้ไม่เหลืออะไรเลยมีเพื่อพวกพ้องอย่างเดียว ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนเป็นเหยื่อแทบทุกวัน จนกระทั่งประเทศจีนแทบทนไม่ไหวกดดันทางการไทย และทางเมียนมาให้แก้ไขจุดนี้ ถ้าจีนไม่กดดันเราคิดว่าจะมีเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ สรุปแล้วว่านี้คือเจตจำนงอันแรงกล้าของนายกฯไทย หรือ เจตจำนงในการแก้ไขปัญหาของผู้นำจีนกันแน่

น.ส.ภคมน กล่าวว่า ส่วนเจตจำนงในกรณีตากใบ ในวันสุดท้ายก่อนคดีหมดอายุความ สิ่งที่นายกฯทำ คือ ตีหน้าเศร้าและกล่าวคำขอโทษต่อผู้สูญเสีย คำขอโทษที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย นี่คือ ความอัปยศของคนไทยที่มีนายก ฯที่ขาดเจตจำนงในการคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน และตนขอยืนยันว่าสิทธิทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจับผิดน.ส.แพทองธาร ซึ่งสิ่งที่ดิฉันพูดมาทั้งหมดนี้ เชื่อว่าเกินเลยความรู้สึกของประชาชน การที่ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงของนายก ฯ คือ รูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดที่ยืนยันว่าประชาธิปไตยกำลังถูกย่ำยีให้อ่อนแอ และไร้เกียรติ สะท้อนให้เห็นโครงสร้างการเมืองไทยว่า หากคุณมีอำนาจต่อรองมากพอ คุณจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ไม่มีคุณสมบัติเลยก็ได้ และหากคุณต้องการดันให้ลูกสาวของคุณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมา เพื่อทดลองบริหารประเทศ แม้จะเจ๊ง ก็ไม่เป็นไร หากคุณมีอำนาจต่อรองมากๆ พอในการดีลแลกประเทศไทย โดยไม่สนใจหัวของประชาชนเลยก็ได้

ถามบริหารงาน 7 เดือน ประเทศได้อะไร?

น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า “ในระยะเวลา 7 เดือนที่ น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อะไรไปเยอะ พ่อกลับบ้าน ได้โปรไฟล์ ได้ยกระดับสถานะทางสังคมให้ตัวเองสูงขึ้นไปอีก แต่พี่น้องประชาชนเสียโอกาส ที่จะมีผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า เสียภาพลักษณ์ของประเทศต่อนานาชาติ เสียโอกาสที่จะได้ทวงคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในคดีตากใบ เสียจุดยืนในหลักการสากล เสียโอกาสที่จะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสียโอกาสที่จะได้เห็นว่ารัฐบาลพลเรือนมีน้ำยามากกว่ารัฐบาลทหาร ทั้งหมดเพียง เพราะ น.ส.แพทองธาร ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่จะรับใช้ประชาชน แม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้จบลงด้วยการให้ น.ส.แพทองธาร หลุดจากตำแหน่งนายกฯ หรือ ท่านอาจจะไม่รู้สึกรู้อะไรด้วยซ้ำ”

“ถ้ามีจิตสำนึกอยู่บ้าง ลองนึกถึงหัวอกของคนที่เขามีลูกเล็กที่ต้องเติบโตในสังคมนี้ สังคมที่การศึกษากำลังทดถอยในสังคมที่คาดหวังอะไรกับอนาคตไม่ได้ ท่านลองนึกถึงอนาคตคนทำงานที่เขาไม่มีโอกาสยกสถานะทางสังคม โอกาสของประชาชน และโอกาสของประเทศไทยแลกกับการที่ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ แลกกับความต้องการของครอบครัวเดียว ในขณะที่คนไม่รู้อีกกี่สิบล้านคน ต้องเสียความหวังในชีวิต พรรคเพื่อไทยมาถึงจุดที่หักหลังประชาชนขนาดนี้ได้อย่างไร ตนจึงไม่อาจไว้วางใจให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ได้แม้แต่วินาทีเดียว” น.ส.ภคมน กล่าว

  • นายกฯแจงปมใช้ PN ซื้อหุ้น 9 รายการ ‘วิโรจน์’โต้กลับ “เสียมากเสียน้อย ทุกคนศักดิ์ศรีเท่ากัน แต่เลี่ยงภาษีน่ารังเกียจ”
  • ฝ่ายค้านเปิดข้อมูลเอื้อ ‘กลุ่มทุนพลังงาน’ เหตุค่าไฟแพง – จี้นายกฯยกเลิกเซ็นสัญญาทาส