ThaiPublica > Sustainability > WMO ชี้ ปี 2567 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

WMO ชี้ ปี 2567 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์

2 มกราคม 2025


ที่มาภาพ: https://wmo.int/med ia/news/climate-change-impacts-grip-globe-2024

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ climate change ส่งผลต่อโลกในปี 2567 โดยมีผลกระทบต่อเนื่องตั้งแต่ยอดเขาไปจนถึงระดับความลึกของมหาสมุทร และต่อชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นปีมีความร้อนแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ระดับก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสูงเป็นประวัติการณ์ และกักเก็บความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

“วันนี้ผมสามารถรายงานอย่างเป็นทางการว่าเราเพิ่งรอดพ้นทศวรรษที่ร้อนแรงที่สุด สิบปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา รวมถึงปี 2567 ด้วย” อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวในสาส์นปีใหม่

“นี่คือรายละเอียดสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เราต้องออกจากถนนที่ไปสู่ความพินาศเส้นนี้ และเราไม่มีเวลาจะสูญเสีย ในปี 2568 ประเทศต่างๆ จะต้องดูแลให้โลกอยู่บนเส้นทางที่ปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตแห่งการหมุนเวียน”

WMO จะเผยแพร่ตัวเลขอุณหภูมิโลกรวมของปี 2567 ในเดือนมกราคม และรายงานสถานะสภาพภูมิอากาศโลกปี 2567 ฉบับเต็มในเดือนมีนาคม 2568

“ในปีแรกของฉันในฐานะเลขาธิการ WMO ฉันได้ออกประกาศเตือนภัยสีแดงซ้ำแล้วซ้ำอีกเกี่ยวกับสภาวะของสภาพอากาศ” เซเลสต์ เซาโล เลขาธิการ WMO กล่าว “WMO ครบรอบ 75 ปีในปี 2568 และสารของเราคือหากเราต้องการโลกที่ปลอดภัยกว่านี้ เราต้องดำเนินการทันที มันเป็นความรับผิดชอบของเรา มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน เป็นความรับผิดชอบระดับโลก”

“ทุกๆเสี้ยวของภาวะโลกร้อนมีความสำคัญ และทำให้สภาพอากาศ ผลกระทบ และความเสี่ยงรุนแรงขึ้น อุณหภูมิเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเราเกือบทุกวัน ในรูปแบบของเหตุการณ์ที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว” เลขาธิการ WMO กล่าว

“ปีนี้ เราได้เห็นเหตุการณ์ฝนตกและน้ำท่วมทำลายสถิติ รวมถึงการสูญเสียชีวิตอย่างร้ายแรงในหลายประเทศ สร้างความเสียใจให้กับชุมชนในทุกทวีป พายุหมุนเขตร้อนก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมนุษย์และเศรษฐกิจ โดยล่าสุดเกิดขึ้นในมายอต แคว้นโพ้นทะเลของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย ความร้อนจัดแผดเผาหลายสิบประเทศ โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียวหลายต่อหลายครั้ง และไฟป่าสร้างความหายนะ” เลขาธิการ WMO กล่าว

สภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอกย้ำถึงความเร่งด่วนของโครงการริเริ่ม Early Warnings for All ซึ่งควบคู่ไปกับการสนับสนุนการพัฒนาและส่งมอบบริการด้านสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นส่วนสำคัญของกิจกรรมของ WMO เพื่อสนับสนุนการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ ในส่วนของการบรรเทาสภาพภูมิอากาศนั้น WMO กำลังเปิดตัวโครงการริเริ่ม Global Greenhouse Gas Watch และสนับสนุนกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change:UNFCCC) และ COP

ในปี 2568 จะมีการมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่มีความเย็นเยือกแข็ง ซึ่งได้แก่ ส่วนที่เป็นน้ำแข็งของโลก รวมถึงน้ำแข็งในทะเล แผ่นน้ำแข็ง พื้นน้ำแข็ง เนื่องจากเป็นปีสากลแห่งการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง International Year of Glaciers’ Preservation ซึ่งสนับสนุนโดย UNESCO และ WMO

ตลอดปี 2567 รายงานชุดหนึ่งจากประชาคม WMO เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้านในวงกว้าง

ที่มาภาพ: https://wmo.int/media/news/climate-change-impacts-grip-globe-2024

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงขึ้น 26 เหตุการณ์จากทั้งหมด 29 เหตุการณ์ที่ศึกษาโดย World Weather Attribution ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,700 คนและทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น ตามรายงานใหม่จาก World Weather Attribution และ Climate Central

รายงาน When Risks Become Reality: Extreme Weather In 2024 ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดความร้อนที่เป็นอันตรายนานถึง 41 วันในปี 2567 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และระบบนิเวศ

เพื่อจัดการกับความเสี่ยงจากความร้อนจัด กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเป้าหมายที่เป็นตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศ 15 องค์กร 12 ประเทศ ตลอดจนพันธมิตรด้านวิชาการและ NGO ชั้นนำหลายรายรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ WMO ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม เพื่อพัฒนากรอบการทำงานประสานงานเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากความร้อนจัดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อคำเรียกร้องให้ดำเนินการเกี่ยวกับความร้อนจัดของเลขาธิการสหประชาชาติ

และนับเป็นหนึ่งในหลายความคิดริเริ่มของประชาคม WMO เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนผ่านการปรับปรุงบริการด้านสภาพภูมิอากาศและการเตือนภัยล่วงหน้า เนื่องจากเป็นการครบรอบ 75 ปีในปี 2568 และWMO จะยังคงประสานงานทั่วโลกในการเฝ้าสังเกตและติดตามสถานะของสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนความพยายามระหว่างประเทศในการบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ