บุหรี่เถื่อนทะลัก ร้านโชห่วยยอดขายตก สมาคมยาสูบฯกางผลสำรวจปี’67 คนไทยสูบบุหรี่เถื่อน 25.5% จี้รัฐบาลยกระดับปัญหาเป็นวาระแห่งชาติ – เร่งแก้กฎหมายปิดช่องโหว่สวมรอยสินค้าผ่านแดน – นำเข้าเขตปลอดอากร
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 สมาคมการค้ายาสูบไทย แถลงข่าวผลการสำรวจความคิดเห็นร้านค้าบุหรี่ถูกกฎหมายบนกลุ่มร้านค้า หรือ เพจ “รวมพลคนโชห่วย-ร้านของชำ” บน Facebook ซึ่งมีสมาชิกกว่า 1.9 แสนคน เกี่ยวกับสถานการณ์บุหรี่เถื่อนในปี 2567 พบว่า ร้านค้าโชห่วยจำนวนมากแสดงความเห็นตรงกันว่าปัจจุบันบุหรี่ถูกกฎหมายขายได้ลดลงมาก เนื่องจากปัญหาการทะลักของบุหรี่หนีภาษี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และในท้องถิ่นต่างๆ ผู้บริโภคต่างทราบดีว่าสามารถหาซื้อได้จากที่ไหน จึงหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน เพราะมีราคาถูกกว่าเป็นเท่าตัว และยังสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ซ้ำร้าย ร้านค้าถูกกฎหมายบางร้าน ยังถูกร้านบุหรี่เถื่อนซัดทอดให้ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ วิไลวรรณ แสดงความเห็นว่า “ตอนนี้ขายไม่ดีเหมือนกัน มีบุหรี่เถื่อนเข้ามาเยอะแยะ วันนี้ก็มีลูกค้าเพิ่งซื้อเข้ามา ก็เลยถามเขาซื้อมาเป็นคอตตอนเลย เขาบอก 280 ตกซองละ 28 บาทเอง เราเลยแทบจะไม่ได้ขายเพราะเขาซื้อบุหรี่เถื่อนกันเยอะ” สอดคล้องกับร้านค้าอีกราย ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “ตั้งแต่ครั้งปรับราคา บุหรี่เถื่อนก็ทะลักค่ะ แถวบ้านบอกปากต่อปากกัน (ได้ยินลูกค้าคุยกันหน้าร้าน) ราคาต่อซองยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของบุหรี่ที่เราขายด้วยซ้ำ เคยไปแจ้งความเด็กขโมยของ ส่องเฟสยังโพสต์ขายเป็นคอตตอน บอกตำรวจก็ไม่รู้ว่าเขาดำเนินการอย่างไรมั้ยนะคะ”

ด้านนางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า “สมาคมฯ เห็นใจผู้ประกอบการร้านค้าที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาบุหรี่เถื่อน เนื่องจากส่งผลกระทบต่ออาชีพการค้าขาย หลายคนตั้งคำถามถึงการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐในการปราบปรามบุหรี่เถื่อน เพราะร้านค้าไม่ทราบว่าผู้ขายบุหรี่เถื่อนมีโทษอย่างไร พวกเขาไม่เคยเห็นการดำเนินคดีอย่างเป็นรูปธรรมกับผู้กระทำผิดเหล่านี้ ตลอดปี 2567 สมาคมฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยังทุกส่วนราชการแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่ลดความรุนแรง
“สมาคมฯ จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนในการปราบปรามและสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้ผู้บงการ ผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการลักลอบนำเข้าและขายบุหรี่เถื่อนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับปัญหาเป็นวาระแห่งชาติเพราะทำลายคนตัวเล็กๆ อย่างร้านโชห่วย เป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจชองชาติและยังเป็นปัญหาเศรษฐกิจใต้ดินที่รัฐบาลประกาศว่าจะจัดการด้วย”
การสำรวจของอุตสาหกรรม พบว่า อัตราการบริโภคบุหรี่เถื่อนในไทยยังคงตัวที่ราว 25.5% เพราะแม้จะมีการปราบปรามต่อเนื่อง แต่ช่องโหว่ของกฎหมายก็ยังมีอยู่ และเปิดช่องให้เกิดการลักลอบนำเข้าได้เรื่อย ๆ จนเป็นที่น่าสงสัยว่ามีการใช้ช่องว่างการเป็นสินค้าผ่านแดน และสินค้าเข้าเขตปลอดอากรที่เข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ และภาครัฐควรเร่งแก้กฎหมายอุดช่องว่างเหล่านี้