ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแห่เข้าเวียดนาม

ASEAN Roundup บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแห่เข้าเวียดนาม

8 ธันวาคม 2024


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 1-7 ธันวาคม 2567

  • บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแห่เข้าเวียดนาม
      -NVIDIA สร้างศูนย์วิจัย AI และดาต้าเซ็นเตอร์ในเวียดนาม
      -NVIDIA ซื้อบริษัท AI ในเครือ Vingroup
      -Google เตรียมเปิดตัวในเวียดนามเม.ย.ปีหน้า
  • เวียดนามระงับการดำเนินงานของ Temu จากปัญหาการจดทะเบียน
  • นายกรัฐมนตรีเวียดนามสั่งดัน GDP โตอัตราเลขสองหลักในปี 2569-2573
  • Apple จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในอินโดนีเซีย
  • กัมพูชาบล็อกการเข้าถึง Binance-Coinbase-OKX
  • อินโดนีเซียเดินหน้าขึ้น VAT สินค้าบางหมวด

  • NVIDIA สร้างศูนย์วิจัย AI และดาต้าเซ็นเตอร์ในเวียดนาม

  • ที่มาภาพ: https://vietnamnews.vn/economy/1688473/nvidia-to-build-ai-research-and-data-centres-in-vn.html
    ศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ(National Innovation Centre )เวียดนามประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.2567)ที่ผ่านมาว่า NVIDIA
    บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกัน จะจัดตั้งศูนย์วิจัยและดาต้าเซ็นเตอร์ที่มุ่งเน้นการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในเวียดนาม

    NVIDIA และรัฐบาลเวียดนาม ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างการเยือนเวียดนามครั้งที่สองของเจนเซน หวง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NVIDIA ในวันพฤหัสบดี

    ข้อตกลงดังกล่าวลงนามโดยนายเหวียน จี สุง รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน และ เจย์ ปูริ รองประธานบริหาร ฝ่ายปฏิบัติการภาคสนามทั่วโลก ของ NVIDIA โดยมีนายกรัฐมนตรีเวียดนามฝ่าม มิงห์ จิ๋ง และเจนเซน หวง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NVIDIA เป็นสักขีพยาน

    ศูนย์วิจัยซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Vietnam Research and Development Center (VRDC) และ AI Data Centre จะเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ NVIDIA และพันธมิตรในประเทศส่งเสริมการวิจัย การพัฒนา และการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง

    ศูนย์เหล่านี้จะไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการริเริ่มด้านการวิจัย การพัฒนาแอปพลิเคชัน AI และการส่งเสริมนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ แต่ยังสร้างโอกาสในการทำงานให้กับผู้ที่มีความสามารถในเวียดนามอีกด้วย

    โครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่จัดให้มีผ่านศูนย์ต่างๆ จะสนับสนุนยุทธศาสตร์ AI ระดับชาติของเวียดนาม โดยวางรากฐานสำหรับการบ่มเพาะและพัฒนาความสามารถด้าน AI ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงของ NVIDIA ซึ่งจะช่วยให้เวียดนามเร่งการวิจัย การพัฒนา และการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา การขนส่ง และการเงิน

    เวียดนามได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาและการประยุกต์ใช้ AI เป็นผลจากแรงงานที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว กระตือรือร้น และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี รัฐบาลเวียดนามยังกำหนดให้ AI เป็นประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ

    ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเวียดนามและ NVIDIA คาดว่าจะช่วยส่งเสริมการพัฒนา AI ในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นายเหวียน จี สุง รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่า “นวัตกรรมเป็นหนึ่งในด้านที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญเป็นพิเศษและถือเป็นประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง NVIDIA เพื่อดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาในเวียดนาม”

    “ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเวียดนามและ NVIDIA ถือเป็นก้าวเชิงกลยุทธ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้เวียดนามเพิ่มศักยภาพด้านการวิจัยและแอปพลิเคชัน AI และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในเวียดนาม เท่านั้นแต่ยังเปิดโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้กับ NVIDIA ด้วย”

    เวียดนามจะทำงานร่วมกับ NVIDIA ผ่านความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์นี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่แข็งแกร่งในประเทศตามมาตรฐานสากล ในขณะเดียวกันก็สร้างอนาคตที่สดใสสำหรับระบบนิเวศนวัตกรรมและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในภูมิภาค

  • NVIDIA ซื้อบริษัท AI ในเครือ Vingroup

  • ที่มาภาพ: https://thitruongtaichinh.kinhtedothi.vn/chung-khoan/nvidia-mua-lai-vinbrain-tu-he-sinh-thai-cua-vingroup-131788.html
    NVIDIA ได้เข้าซื้อกิจการ VinBrain ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของกลุ่มบริษัท Vingroup ในราคาที่ไม่เปิดเผย

    เจนเซน หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.2567) ว่า การซื้อกิจการครั้งนี้เป็น จุดเริ่มต้นของศูนย์การออกแบบในอนาคตที่สำคัญ ในประเทศ

    VinBrain เป็นสตาร์ทอัพที่เน้นการใช้ AI ในด้านการแพทย์ และได้จัดหาโซลูชั่นที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล 182 แห่งในเวียดนาม สหรัฐอเมริกา อินเดีย และออสเตรเลีย รวมถึงประเทศอื่น ๆ

    เจนเซน หวง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NVIDIA กล่าวว่า “ด้วย VinBrain ตอนนี้เรามีจุดเริ่มต้นของศูนย์การออกแบบที่สำคัญแห่งอนาคตและวันนี้เป็นวันแรก วันนี้เป็นวันเกิดของ Nvidia Vietnam”

    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NVIDIA ได้สรุปลำดับความสำคัญสามด้านเพื่อพัฒนา AI ในเวียดนาม ได้แก่

    การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI: การสร้างรากฐานทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งสำหรับการวิจัยและการประยุกต์ใช้ AI
    ส่งเสริมความสามารถด้าน AI: การพัฒนาและบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะของผู้เชี่ยวชาญด้าน AI
    สนับสนุนสตาร์ทอัพ AI: ส่งเสริมและช่วยเหลือบริษัท AI ใหม่ของเวียดนาม

    การลงทุนของ Vingroup บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามใน VinBrain ณ เดือนกันยายนมีมูลค่า 126 ล้านเหรียญสหรัฐ

  • Google เตรียมเปิดตัวในเวียดนามเม.ย.ปีหน้า

  • ที่มาภาพ: https://e.vnexpress.net/news/business/companies/google-opens-vietnam-company-4824655.html
    Google ได้ประกาศเปิดตัวต่อแวดวงโฆษณาในเวียดนาม โดยการส่งอีเมลไปยังลูกค้าเวียดนาม สรุปการปรับเปลี่ยนที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับข้อกำหนดที่ส่งผลต่อ Google Ads และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัท

    จากอีเมลดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนเมษายนปีหน้า Google Asia-Pacific ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ จะโอนสิทธิ์ตามสัญญาและภาระผูกพันสำหรับลูกค้าโฆษณาในเวียดนามไปยัง Google Vietnam ซึ่งตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ซิตี้

    “ตอนนี้เรามีทีมงานในพื้นที่ ที่จะให้บริการลูกค้าโฆษณาของเราในเวียดนามได้ดียิ่งขึ้น และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศ” โฆษกของ Google กล่าว โดยยืนยันการเปิดตัวของบริษัทในเวียดนามเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม

    นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีหน้า Google Vietnam จะเข้ามาเป็นพันธมิตรหลักที่รับผิดชอบลูกค้าของผลิตภัณฑ์ ที่อยู่ในหมวดหมู่เวียดนาม แทน Google Singapore การเปลี่ยนแปลงนี้ยังหมายความว่า Google Vietnam จะจัดการการดำเนินการเรียกเก็บเงินภายในประเทศโดยตรง ลูกค้าที่ชำระค่าบริการจะได้รับใบแจ้งหนี้ในสกุลเงินเวียดนามด่องซึ่งจะรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% ตามที่กฎหมายเวียดนามกำหนด

    Google ได้ขอให้พันธมิตรโฆษณาแจ้งหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ชื่อ และที่อยู่ที่ตรงกับข้อมูลที่ลงทะเบียนกับหน่วยงานด้านภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าใบแจ้งหนี้ถูกต้อง เพราะเมื่อออกแล้วจะไม่อนุญาตให้มีการแก้ไข

    บริษัทแจ้งลูกค้าเพิ่มเติมว่า จะได้รับข้อกำหนดในการให้บริการที่อัปเดตเพื่อตรวจสอบตั้งแต่เดือนมกราคม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการปรับเปลี่ยนจะไม่ทำให้บริการหยุดชะงัก

    มาร์ก วู กรรมการผู้จัดการประจำเวียดนามและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า เขาได้ย้ายจากสิงคโปร์ไปยังโฮจิมินห์ซิตี้ในเขต 1 ซึ่งมีสำนักงานที่มีโลโก้ Google ตั้งอยู่

    บริษัทกำลังรับสมัครงานหลายตำแหน่งในด้าน Google Cloud, แอปพลิเคชัน และเกม

    Google ถือว่าเวียดนามเป็นตลาดเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยติดอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ใช้ชาวเวียดนามและรัฐบาลได้แสดงความสนใจต่อ AI อย่างมากในปีนี้ บริษัทระบุ

    ในปี 2567 ตลาดอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีมูลค่าการซื้อสินค้ารวม 22 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นตัวเร่งหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ตามรายงาน e-Conomy SEA 2024 โดย Google และพันธมิตร

    วูกล่าวอีกว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลัก แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอนก็ตาม นอกจากนี้ภาคสื่อออนไลน์ในเวียดนามเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีนักพัฒนาเวียดนามที่สร้างผลกระทบระดับโลกด้วยแอปพลิเคชันยอดนิยมที่ใช้กันทั่วโลกมีจำนวนมากขึ้น

    เวียดนามระงับการดำเนินงานของ Temu จากปัญหาการจดทะเบียน

    ที่มาภาพ: https://tuoitrenews.vn/news/business/20241205/vietnam-suspends-temu-operations-over-registration-issues/83252.html

    Temu แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ ของจีนได้รับคำสั่งให้ระงับการดำเนินงานในเวียดนาม หลังจากที่ไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนธุรกิจในเวียดนามได้ทันเส้นตายช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่กำหนดไว้ กระทรวงการค้าเวียดนาม ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.2567)

    Temu ซึ่งมี PDD Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน เป็นเจ้าของ เริ่มให้บริการในเวียดนามเมื่อเดือนตุลาคม และได้รับคำสั่งให้จดทะเบียนกับรัฐบาลภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน มิฉะนั้นการเข้าถึงโดเมนบนอินเทอร์เน็ตและแอปต่างๆ จะถูกปิดกั้นในประเทศ

    “การดำเนินงานของ Temu จะถูกระงับชั่วคราวจนกว่ากระบวนการลงทะเบียนจะเสร็จสิ้น” กระทรวงฯระบุในแถลงการณ์

    “แพลตฟอร์มดังกล่าวได้ยื่นคำขอสำหรับกิจกรรมบริการอีคอมเมิร์ซในเวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางการ” แถลงการณ์กล่าวเสริม

    คำแถลงไม่ได้ระบุว่าการระงับจะมีผลบังคับใช้นานเท่าใด หรือสิ่งที่ Temu ต้องทำเพื่อยกเลิกการระงับคืออะไร

    เมื่อวันพฤหัสบดี หมวดตัวเลือกภาษาเวียดนามได้ถูกลบออกจากเว็บไซต์ของ Temu หากเข้าเว็บไซต์บริษัทเวียดนาม “Temu กำลังทำงานร่วมกับสำนักงานอีคอมเมิร์ซและเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม และกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เพื่อจดทะเบียนการให้บริการอีคอมเมิร์ซในเวียดนาม” เว็บไซต์ แจ้งเตือน

    Temu ตอบคำถามของสำนักข่าว รอยเตอร์ ทางอีเมล ว่า ได้ส่งเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับกาจดทะเบียนแล้ว แต่ไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่จะเริ่มดำเนินการอีกครั้ง

    กระทรวงการค้าและธุรกิจในประเทศ แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีนในตลาดท้องถิ่น จากการปรับลดราคาจำนวนมาก และยังมีความกังวลว่าอาจจะมีการขายสินค้าลอกเลียนแบบ

    Temu ยังสะดุดในอินโดนีเซีย โดยหน่วยงานกำกับดูแลได้ขอให้ Google บริษัทลูก ของ Alphabet และ Apple บล็อกแอปพลิเคชันนี้ในแอปสโตร์เพื่อปกป้องผู้ค้ารายย่อย

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภาเวียดนามอนุมัติการปรับแก้กฎหมายภาษี เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนามต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และขอให้รัฐบาลยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าราคาถูก

    กระทรวงการคลังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้เริ่มกระบวนการยกเลิกการลดหย่อนภาษีแล้ว

    การดำเนินการของสมาชิกสภานิติบัญญัติจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่อยู่ในมือของต่างชาติ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2553 ที่กำหนดว่าสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1 ล้านด่องเวียดนาม (40 เหรียญสหรัฐฯ) ไม่ต้องเสียภาษี

    นายกรัฐมนตรีเวียดนามสั่งดัน GDP โตอัตราเลขสองหลักในปี 2569-2573

    ที่มาภาพ: https://en.baochinhphu.vn/prime-minister-chairs-governments-regular-meeting-111241207095258451.htm

    นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋ง เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันเสาร์(7 ธันวาคม 2567) เพื่อทบทวนและประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน รวมทั้งกำหนดทิศทางและงานสำหรับเดือนที่เหลือของปีนี้

    นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมเรียกร้องให้หน่วยงานพยายามเร่งการเติบโตของ GDP ให้เป็นอย่างน้อย 7% ในปี 2567 หรือประมาณ 8% ในปี 2568 เพื่อที่จะวางรากฐานสำหรับการa href=”https://en.baochinhphu.vn/prime-minister-chairs-governments-regular-meeting-111241207095258451.htm”>เติบโตในอัตราเลขสองหลักในช่วงปี 2569-2573<

    นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงกลไกขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับโครงสร้างและยกระดับคุณภาพของผู้ปฏิบัติงาน ข้าราชการ และพนักงานของรัฐ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของอุปกรณ์

    สำนักงานสถิติทั่วไป (GSO) รายงานเมื่อวันศุกร์ ( 6 ธันวาคม 2567) ว่า เวียดนามเกินดุลการค้า 24.31 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

    ในเดือนพฤศจิกายน มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ประมาณ 66.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน มูลค่าการส่งออกและนำเข้ารวมอยู่ที่ 715.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 11.4% และมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 16.4%

    ภาคเศรษฐกิจในประเทศมีมูลค่า 103.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 28.1% ของยอดรวมทั้งหมด ในขณะที่ภาค FDI รวมถึงน้ำมันดิบ มีมูลค่า 266.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 71.9%

    เวียดนามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เกือบ 31.4 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน นักลงทุนต่างชาติใส่เงินเข้ามา 17.39 พันล้านเหรียญสหรัฐในโครงการใหม่ 3,035 โครงการ เพิ่มขึ้นร 0.7% และ 1.6% ในแง่ของเงินทุนและจำนวนโครงการ ตามลำดับ

    ขณะเดียวกัน มีโครงการ 1,350 โครงการเพิ่มทุน มีมูลค่ารวมกว่า 9.93 พันล้านหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.7% ในจำนวนโครงการ และเพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    การใส่เงินเข้าเพิ่มและการซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติลดลง 39.7% สู่ 4.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ

    ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 0.13% จากเดือนก่อน และ 2.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

    จำนวนผู้เดินทางขาเข้าจากต่างประเทศในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนมากกว่า 15.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    Apple จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในอินโดนีเซีย

    ที่มาภาพ: https://thebalisun.com/first-apple-premium-partner-store-opens-in-bali/
    รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนและประธานคณะกรรมการประสานงานการลงทุน นายโรซาน โรเอสลานี เปิดเผย ว่า Apple ให้คำมั่นที่จะลงทุนในอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าการลงทุนเบื้องต้น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (15.9 ล้านล้านรูเปียะฮ์)

    นายโรซานแถลงในระหว่างการประชุมกับคณะกรรมาธิการคณะที่ 12 ของสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียที่อาคารรัฐสภาในเมืองเสนายัน จาการ์ตา เมื่อวันอังคาร(3 ธันวาคม 2567)

    “ผมได้รับคำมั่นเป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับระยะแรกจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหวังว่าภายในสัปดาห์นี้ จะพิจารณาสรุปและส่งต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม”

    การให้คำมั่นในการลงทุน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากข้อเสนอมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ของ Apple ซึ่งรวมถึงการขยาย Apple Developer Academy ในบาหลี และการสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์เสริมในบันดุง ชวาตะวันตก คำมั่นใหม่มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามขาย iPhone 16 โดยให้เหตุผลว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ต้องมีส่วนประกอบในท้องถิ่น 35%

    iPhone 16 ซึ่งเปิดตัวทั่วโลกในเดือนกันยายน ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียเนื่องจากปัญหาด้านกฎระเบียบเหล่านี้

    นายโรซาน ขอให้ Apple เพิ่มการลงทุนในอินโดนีเซีย โดยให้พิจารณาถึงตลาดขนาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple “จริงๆ แล้ว การลงทุนของพวกเขายังน้อยอยู่ น้อยมาก และจำเป็นต้องใหญ่กว่านี้มาก”

    ปัจจุบัน การลงทุนของ Apple ในอินโดนีเซียมีมูลค่า 1.48 ล้านล้านรูเปียะฮ์ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณการขายในประเทศ นายอากัส กูมิวัง คาร์ตาซัสมิตา รัฐมนตรีอุตสาหกรรมเปิดเผยว่ายอดขายของ Apple ในอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้วมากกว่า 30 ล้านล้านรูเปียะฮ์

    นายโรซาน หวังว่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ Apple จะสร้างงานมากขึ้น และทำให้อินโดนีเซียเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของ Apple

    ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2567 บริษัท Apple มีมูลค่าตลาด 3.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Apple เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากมูลค่าตลาด รองลงมาคือ NVIDI Corp. ด้วยมูลค่าตลาด3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และ Microsoft Corp. มีมูลค่าตลาด 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

    กัมพูชาบล็อกการเข้าถึง Binance-Coinbase-OKX

    ที่มาภาพ: https://cryptonews.com/news/cambodia-blocks-access-to-binance-coinbase-and-okx-in-crypto-market-crackdown/
    กัมพูชาได้ปิดกั้นการเข้าถึง เว็บไซต์กระดานซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล(cryptocurrency exchange ) 16 แห่ง รวมถึงแพลตฟอร์มหลัก ๆ เช่น Binance, Coinbase และ OKX ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องในการควบคุมและกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

    การดำเนินการดังกล่าวได้รับการยืนยันโดยโฆษกของหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมแห่งกัมพูชา (Telecommunication Regulator of Cambodia ;TRC) ซึ่งดูแลภาคโทรคมนาคมของประเทศ ตามรายงานจาก Nikkei Asia และดำเนินการตามคำสั่งที่ลงนามโดยรักษาการประธาน TRC ซึ่งจำกัดการเข้าถึง 102 โดเมน โดยกำหนดเป้าหมายไปที่เว็บไซต์การพนันออนไลน์เป็นหลัก

    เว็บไซต์กระดานซื้อขายเงินคริปโท ถูกรวมอยู่ในการปราบปราม เนื่องจากไม่ได้มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชา (Securities and Exchange Regulator of Cambodia:SERC)

    แม้ว่าการเข้าถึงเว็บไซต์จะถูกจำกัด แต่แอปพลิเคชันมือถือสำหรับแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังคงใช้งานได้

    การปราบปรามเกิดขึ้นแม้จะมีความร่วมมือของ Binance ในกัมพูชาก็ตาม ในปี 2565 Binance ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ SERC เพื่อช่วยในการพัฒนากฎระเบียบด้านสกุลเงินดิจิทัล และร่วมมือกับ Royal Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงของกัมพูชา

    Binance ยังได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยในการตรวจจับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลเมื่อต้นปีนี้

    “เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” ลิลี่ ลี โฆษกของ Binance กล่าว พร้อมเสริมว่า หลายแพลตฟอร์มได้รับผลกระทบจากข้อจำกัด ปัจจุบัน มีเพียงสองบริษัทเท่านั้นที่มีใบอนุญาตภายใต้โครงการ “FinTech Regulatory Sandbox” ของ SERC

    ทั้งสองบริษัทสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ห้ามมิให้แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล เพื่อการชำระเงินตามกฎหมายของกัมพูชาหรือสกุลเงินตราของประเทศอื่น ๆ

    แม้จะมีมาตรการเหล่านี้ แต่กัมพูชายังคงเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับการค้าปลีกต่อประชากร(crypto use per capita) ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ Chainalysis

    กระดานซื้อขายแบบรวมศูนย์คิดเป็น 70% ของธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังตรวจสอบกิจกรรมทางอาญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างละเอียด

    สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UN Office of Drugs and Crime) รายงานว่าองค์กรอาชญากรรมในกัมพูชาใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อการฟอกเงินและการทำธุรกรรมผ่านเว็บมืด

    Chainalysis พบธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลกว่า 49 พันล้านเหรียญสหรัฐระหว่างปี 2564 ถึงกลางปี ​​2567 ที่ผ่าน Huione Warranty ซึ่งเป็นตลาดภายในกลุ่มบริษัท Huione Group ของกัมพูชา

    อินโดนีเซียเดินหน้าขึ้น VAT สินค้าบางหมวด

    ตลาด Tanah Abang ในกรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย ที่มาภาพ:https://www.bnnbloomberg.ca/business/2024/12/05/indonesia-to-go-ahead-with-vat-hike-for-select-goods-lawmaker-says/
    ประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซียวางแผนที่จะเดินหน้าขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (value-added tax ) สำหรับสินค้าบางประเภทในเดือนมกราคม จากการเปิดเผยของสมาชิกสภานิติบัญญัติ

    รัฐบาลจะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 12% จาก 11% ในปี 2568 ตามที่กฎหมายกำหนด แม้ส่วนใหญ่จะครอบคลุมถึงสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้านำเข้าก็ตาม นายมุคฮัมหมัด มิสบาคุน ประธานคณะกรรมาธิการรัฐสภาที่ดูแลการเงิน กล่าวหลังการประชุมกับประธานาธิบดีปราโบโวในกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธันวาคม 2567)

    “ประธานาธิบดีเห็นด้วยกับข้อเสนอของเรา และจะมีผลในเดือนมกราคม” นายมิสบาคุนกล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ พร้อมเสริมว่า รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้ร่างกฎระเบียบโดยละเอียดทันที

    การขึ้นภาษีดังกล่าวประสบกับแรงกดดันทั้งจากสาธารณะและทางการเมืองในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังเผชิญกับการบริโภคที่ลดลง กิจกรรมของโรงงานที่ชะลอตัวลง และการเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มรายได้ในขณะที่เตรียมดำเนินโครงการหลักของประธานาธิบดีปราโบโว

    ภาษีมูลค่ามีสัดส่วนมากกว่า 25% ของรายได้ภาษีทั้งหมดของประเทศในปีที่แล้ว สมาคมนายจ้างชาวอินโดนีเซียประมาณการว่า การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอาจทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 80 ล้านล้านรูเปียะฮ์ (5 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

    อินโดนีเซียตั้งเป้าหมายการขาดดุลทางการคลังที่ 2.53% ของ GDP ในปี 2568 และให้ความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าจะรักษาไว้ต่ำกว่าเพดาน 3% ที่ฎหมายกำหนด แม้ว่าประธานาธิบดีปราโบโวจะเร่งการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ตาม ในปีหน้า รัฐบาลจะเริ่มเปิดตัวโครงการอาหารฟรีมูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปรับปรุงโรงเรียน และจัดให้มีการตรวจสุขภาพฟรีทั่วประเทศ รวมถึงโครงการอื่นๆ