ThaiPublica > สู่อาเซียน > อนาคต “จีนเทา” ใน “เมียวดี”

อนาคต “จีนเทา” ใน “เมียวดี”

4 พฤศจิกายน 2024


ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

อาคารหลายชั้นในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกที่เป็นฐานใหญ่ของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มาภาพ : Karen Information Center

เชื่อว่าตอนนี้หลายคนกำลังเฝ้าดูว่า เมื่อผ่านพ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ไปแล้ว สถานการณ์ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เมืองหน้าด่านเศรษฐกิจสำคัญ ประตูการค้าหลักของไทยกับเมียนมา ฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไรหรือไม่

โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดกับกลุ่ม “จีนเทา” ที่ได้เข้าไปใช้พื้นที่เมืองเมียวดีเป็นฐานประกอบอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ คอยใช้โทรศัพท์หลอกลวงเงินจากประชาชน สร้างความเดือดร้อนแก่คนหลายประเทศ รวมถึงไทยที่มีพรมแดนติดกัน

การเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนคอยดูอยู่นั้น ส่วนหนึ่งมาจากเนื้อความในคำสั่งของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF (Border Guard Force) รัฐกะเหรี่ยง ที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังสถานการณ์สู้รบในเมืองเมียวดีในเดือนเมษายนสงบลง…

วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 Karen Information Center ได้เผยแพร่ประกาศคำสั่งของ BGF ที่พิมพ์ออกมาเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน มีเนื้อความว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เข้ามาใช้พื้นที่เมืองเมียวดีเพื่อทำธุรกิจออนไลน์แบบผิดกฎหมาย ต้องออกไปจากพื้นที่เมืองเมียวดีทั้งหมด โดย BGF ให้เวลา 6 เดือนจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567

คำสั่งของ BGF ที่ถูกประกาศเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2567 ให้แก๊งคอลเซนเตอร์ต้องออกจากเมืองเมียวดีให้หมดภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาในเมียวดีอย่างผิดกฎหมาย ได้เข้ามาจากช่องทางไหน ก็ให้ออกไปทางนั้น และหลังจากพ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ไปแล้ว หาก BGF พบว่ายังมีชาวต่างชาติที่ทำธุรกิจออนไลน์ผิดกฎหมายเหลืออยู่ในเมืองเมียวดีอีก คนเหล่านั้นต้องถูกจัดการ!

เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า “ชาวต่างชาติ” ที่เข้าไปทำธุรกิจออนไลน์ในเมียวดีตามคำประกาศฉบับนี้ ก็คือแก๊งคอลเซนเตอร์ของพวก “จีนเทา” ที่ได้อาละวาดสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้คนทั่วโลกมานานนับปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม กองกำลังติดอาวุธที่เปิดช่องให้แก๊งจีนเทาเหล่านี้เข้าไปในเมืองเมียวดีได้ ก็คือ BGF นั่นเอง เพราะได้รับผลประโยชน์เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ที่จีนเทาเหล่านี้เสนอให้เป็นการแลกเปลี่ยน

มีการนำคำสั่งของ BGF ไปติดไว้หลายจุดในตัวเมืองเมียวดี ที่มาภาพ : BBC ภาคภาษาพม่า

BGF คืออดีตทหารของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ที่แยกตัวออกจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ตั้งแต่ปี 2537 และยอมแปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การกำกับของกองทัพพม่า และบางครั้งก็ร่วมกับกองทัพพม่าจับอาวุธเข้าสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงด้วยกันเอง โดยกองทัพพม่าตอบแทน BGF ด้วยการให้ดูแลผลประโยชน์จากธุรกิจต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ

แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากำลังพลที่แท้จริงของ BGF มีอยู่เท่าใด แต่จากข้อมูลที่ Karen Information Center เผยแพร่ไว้เมื่อต้นปี 2567 ระบุว่า มีอยู่ประมาณ 7,000 นาย จัดวางกำลังเป็น 13 กองพัน แต่ละกองพันมีกำลังทหารประมาณ 550 นาย แบ่งพื้นที่ดูแลเป็น 4 เขต ได้แก่

เขตทหารที่ 1 ฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองหล่ายปวย ตอนกลางของรัฐกะเหรี่ยง มีกำลังพล 4 กองพัน ได้แก่ กองพันที่ 1011, 1012, 1015 และ 1016

เขตทหารที่ 2 ฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองผาปูน ทางตอนเหนือของรัฐกะเหรี่ยงติดกับรัฐกะยา มีกำลังพล 2 กองพัน ได้แก่ กองพันที่ 1013 และ 1014

เขตทหารที่ 3 ฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองเมียวดี มีกำลังพล 5 กองพัน ได้แก่ กองพันที่ 1017, 1018, 1019, 1020 และ 1022

เขตทหารที่ 4 ฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองจาอินเซะจี ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยงติดกับรัฐมอญ มีกำลังพล 2 กองพัน ได้แก่ กองพันที่ 1021 และ 1023

เขตทหารของ BGF ที่มีกำลังพลมากและมีความใกล้ชิดกับไทยที่สุด คือเขตทหารที่ 3 มี พ.อ. ซอชิดตู่ หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “หม่องชิดตู่” เป็นผู้บัญชาการ รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดเมียวดี ที่เป็นฐานใหญ่ของแก๊งคอลเซนเตอร์

หลายปีมานี้ ในแต่ละวัน สามารถพบเห็นเด็กหนุ่มเด็กสาวชาวไทยนับร้อยคน ลักลอบข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งแม่สอดเพื่อไปทำงานกับจีนเทาในเมียวดี ส่วนใหญ่เต็มใจไปเองเพราะได้เงินเดือนสูง

ที่ตั้งเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด และแม่ระมาด จังหวัดตาก จุดเริ่มต้นแก๊งคอลเซนเตอร์ของจีนเทาในเมืองเมียวดี

กิจการของจีนเทาในเมียวดี เริ่มจากการที่ พ.อ. ซอชิดตู่ มอบสัมปทานให้กลุ่ม “หย่าไถ้” (Yatai International Holding Group) จากจีน เข้าไปสร้างโครงการเมืองใหม่ “ฉ่วยก๊กโก” เมื่อปี 2559

“ฉ่วยก๊กโก” แปลว่า “จามจุรีทอง” ตั้งอยู่ที่บ้านก๊กโก ทางเหนือของตัวเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับตำบลแม่ปะ แม่กาษา อำเภอแม่สอด กับตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 30,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 75,900 ไร่ สร้างเมืองใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น ภายในมีทั้งคาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ แหล่งบันเทิงครบวงจร โรงแรมขนาด 1,200 ห้อง นอกจากนี้ ยังมีเขตพาณิชย์ เขตอุตสาหกรรม และเขตที่พักอาศัย ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอายุสัมปทาน 50 ปี และสามารถต่อได้อีก 20 ปี

กลุ่มหย่าไถ้ได้ร่วมทุนกับบริษัทชิดลินมายของ BGF จดทะเบียนตั้งบริษัท Myanmar Yatai International ขึ้นเพื่อทำโครงการเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก เริ่มการก่อสร้างในปี 2560

กลุ่มหย่าไถ้มี “เสอ จื้อเจียง” (She Zhijiang) เป็นประธาน แต่เสอ จื้อเจียง ได้ถูกตำรวจไทยจับในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ตามหมายจับจากทางการจีน และถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีและรับโทษที่จีนแล้ว

ช่วงที่โควิด-19 ระบาดในปี 2563 แก๊งจีนเทาหลายแก๊งหลบหนีการจับกุมจากที่จีนมาขอเช่าพื้นที่ในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกจาก BGF เพื่อใช้เป็นฐานของแก๊งคอลเซนเตอร์ เสนอค่าเช่าในอัตราที่สูงมากจน BGF ยากจะปฏิเสธ

จากนั้น กิจการคอลเซนเตอร์ของจีนเทาในเมียวดีก็ขยายตัวจากเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก แพร่ระบาดออกไปอีกหลายพื้นที่ตามแนวแม่น้ำเมย ฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย เพื่ออาศัยโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมจากไทยไปใช้ในการประกอบอาชญากรรม

เมืองใหม่เคเคปาร์ก ตรงข้ามตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด

โครงการขนาดใหญ่ที่ถูกใช้เป็นที่ตั้งของแก๊งจีนเทาเหล่านี้ เช่น โครงการเมืองใหม่หวันหยา หรือโครงการเมืองใหม่เคเคปาร์ก ฝั่งตรงข้ามกับตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด…

ตั้งแต่ต้นปี 2566 รัฐบาลจีนมีนโยบายเอาจริง ต้องการกวาดล้างจีนเทาที่ออกไปใช้ดินแดนประเทศเพื่อนบ้านประกอบอาชญากรรม มีการส่งตำรวจจีนไปร่วมปฏิบัติการกับตำรวจของหลายประเทศบนอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทลายแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซอร์ เช่น ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออกฯลฯ

ปฏิบัติการที่เป็นข่าวโด่งดัง คือการจับมือกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ในภาคเหนือของรัฐฉาน กวาดล้างแก๊งจีนเทาตามแนวชายแดนรัฐฉาน-จีน ช่วงปลายปี 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 โดยเฉพาะที่เมืองป๊อก เขตปกครองตนเองชนชาติว้า และเมืองเล่าก์ก่าย เขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ซึ่งมีคนไทยหลายร้อยคนถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมืองเหล่านี้ จนต้องมีการระดมความช่วยเหลือเพื่อนำคนไทยทุกคนกลับบ้าน

ส่วนที่เมืองเมียวดี ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2567 ตำรวจจีนได้ร่วมมือกับ BGF ตำรวจพม่า และฝ่ายความมั่นของของไทย ปฏิบัติการช่วยเหลือคนจีน 996 คน ที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานกับแก๊งจีนเทาในเมียวดี นำตัวคนจีนเหล่านี้ข้ามชายแดนมายังฝั่งไทย มีการส่งเครื่องบินจากจีนบินตรงไปรับคนจีนทั้ง 996 คน ที่สนามบินแม่สอด จังหวัดตาก ทยอยลำเลียงกลับไปยังจีน การส่งตัวกลับใช้เวลานานถึง 3 วัน ใช้เที่ยวบินถึง 15 เที่ยว กว่าจะนำตัวคนจีนเหล่านี้กลับไปได้หมด

ถือเป็นปฏิบัติการที่ใหญ่แต่ “ลับ” มาก ไม่อนุญาตให้สื่อของไทยทั้งจากส่วนกลางและสื่อท้องถิ่นได้เข้าไปทำข่าวหรือถ่ายภาพ ทำให้เรื่องราวของปฏิบัติการนี้ไม่ถูกเผยแพร่เป็นข่าวจนเอิกเกริก

วันที่ 4 กันยายน 2567 สื่อในเมียนมาได้เผยแพร่เอกสารคำสั่งของกลุ่มหย่าไถ้ มีเนื้อหาว่า กลุ่มหย่าไถ้และทุกกิจการที่เปิดอยู่ในพื้นที่เมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก จะยุติการทำธุรกิจในวันที่ 20 กันยายน 2567

เอกสารคำสั่งดังกล่าว ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2567 และให้มีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กันยายน 2567 ระบุเหตุผลว่า เนื่องจากกลุ่มหย่าไถ้ได้รับแรงกดดันจากนานาประเทศรวมถึงรัฐบาลกลางของเมียนมา จนต้องตัดสินใจยุติการทำธุรกิจทุกประเภทในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกอย่างไม่มีกำหนด

ประกาศของกลุ่มหย่าไถ้ที่แจ้งว่าจะหยุดทุกกิจการในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2567

ในเอกสารคำสั่ง กำหนดให้ทุกกิจการที่เปิดอยู่ในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกต้องไปลงทะเบียนกับสำนักงานของกลุ่มหย่าไถ้ เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 39,999 บาทต่อราย กลุ่มหย่าไถ้จะจัดรถไปรับพนักงานทุกคนของทุกบริษัทที่อาศัยอยู่ในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก ส่งไปยังตัวเมืองเมียวดี ส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปลงทะเบียนและพยายามเดินทางออกนอกพื้นที่ด้วยตนเอง กลุ่มหย่าไถ้จะส่งข้อมูลประวัติส่วนตัวของคนเหล่านั้นไปยังตำรวจสากลและเจ้าหน้าที่ของเมียนมา

คำสั่งของ BGF ที่ถูกประกาศออกมาเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม รวมถึงเอกสารของกลุ่มหย่าไถ้ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในต้นเดือนกันยายน ทำให้คนไทยหลายคน โดยเฉพาะคนในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่างตั้งความหวังว่า เมืองเมียวดีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

แต่ความหวังนี้ กลับค่อยๆ ถูกลดน้ำหนักลงไปเรื่อยๆ!

วันที่ 20 กันยายน 2567 ที่เป็นกำหนดเส้นตายตามประกาศของกลุ่มหย่าไถ้ เป็นช่วงที่ในเมืองเมียวดีเกิดฝนตกหนัก แม่น้ำเมยเอ่อล้นฝั่งขึ้นไปท่วมตัวเมืองเมียวดีเป็นบริเวณกว้าง ข่าวคราวต่างๆ ของเมืองเมียวดีช่วงนี้ล้วนเป็นเรื่องของน้ำท่วม

ไม่มีรายงานข่าวการหยุดกิจการของบริษัทต่างๆ ในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก หรือการเคลื่อนย้ายคนออกมาจากเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม ชุมชนออนไลน์ของแม่สอดกลับพูดกันว่า บรรยากาศในเมืองใหม่ฉ๊วยก๊กโก เคเคปาร์ก หรือหวันหยา ยังคงปกติ ยังคงพบเห็นว่าเด็กหนุ่มเด็กสาวไทยลักลอบข้ามแม่น้ำเมยเพื่อไปทำงานทางฝั่งโน้น

หลายคนได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กลุ่มหย่าไถ้ได้ประกาศเมื่อต้นเดือนกันยายน เป็นเพียงความพยายามลดกระแสการต่อต้าน และเชื่อว่าหลังผ่านพ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 อันเป็นเส้นตายของกลุ่ม BGF ไปแล้ว สถานการณ์ของจีนเทาในเมียวดีน่าจะยังคงเป็นเช่นเดิม

อาคารหลายชั้นในเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโกที่เป็นฐานใหญ่ของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มาภาพ : Karen Information Center
……

ด้วยข้อจำกัดของสภาพภูมิประเทศ ทำให้สงครามภายในที่ดำเนินมาตลอดกว่า 70 ปีในเมียนมา มักมีการสู้รบใหญ่เกิดขึ้นในฤดูแล้ง ส่วนในฤดูฝนไม่ค่อยรบกัน เพราะการเคลื่อนย้ายกำลังพลของแต่ละฝ่ายทำได้ลำบาก

วันที่ 23 กันยายน 2567 สำนักข่าวหลายแห่งในรัฐฉาน มีรายงานข่าวการบุกทลายฐานของแก๊งคอลเซนเตอร์ ในเมืองหมู่เจ้ ภาคเหนือของรัฐฉาน พร้อมกับคลิปสั้นๆ หลายคลิปที่ชาวบ้านหมู่เจ้สามารถถ่ายไว้ได้

เนื้อหาข่าวระบุว่า ทหารจากกองทัพพม่าได้สนธิกำลังกับตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของจีน บุกเข้าไปในศูนย์การค้า “มิงกะลาหมู่เจ้” ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของตัวเมืองหมู่เจ้ ใกล้กับแม่น้ำมาวหรือแม่น้ำรุ่ยลี่ เส้นแบ่งพรมแดนธรรมชาติระหว่างเมืองหมู่เจ้ของรัฐฉาน กับเมืองรุ่ยลี่ของจีน แบบเดียวกับแม่น้ำเมยในภาคตะวันตกของไทย

ก่อนหน้านั้น ฝ่ายความมั่นคงของจีนได้สืบทราบว่า ศูนย์การค้ามิงกะลาหมู่เจ้ถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมใหญ่แก๊งคอลเซนเตอร์ของพวกจีนเทา จึงประสานกับกองทัพพม่าวางแผนร่วมกันกวาดล้างแก๊งจีนเทาในนี้ให้ราบคาบ

พนักงานแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ถูกจับได้จากศูนย์การค้ามิงกะลาหมู่เจ้ ที่มาภาพ : Tai TV Online
จีนเทาที่ถูกจับมาจากศูนย์การค้ามิงกะลาหมู่เจ้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ที่มาภาพ : Tai TV Online

แต่จีนเทาในศูนย์การค้ามิงกะลาหมู่เจ้ได้ว่าจ้าง “ปยีตู่ซิด” หลายนายให้มาคุ้มครองพื้นที่ เมื่อกำลังผสมระหว่างทหารพม่ากับตำรวจจีนบุกเข้าไปจึงเกิดการปะทะกัน มีการยิงต่อสู้อย่างดุเดือดกินเวลานานหลายชั่วโมง กว่าที่ฝ่ายทหารพม่ากับตำรวจจีนจะสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ไว้ได้

“ปยีตูซิด” เป็นอดีตกองกำลังติดอาวุธจากหลายกลุ่มที่ยอมแปรสภาพมาเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) และต้องรับฟังคำสั่งโดยตรงจากกองทัพพม่า มีรายงานว่าเฉพาะในเมืองหมู่เจ้ มีปยีตู่ซิดอยู่มากถึง 6 กลุ่ม แต่ช่วงหลายปีมานี้ กำลังพลส่วนใหญ่ของปยีตู่ซิดถูกว่าจ้างจากจีนเทา ให้ทำหน้าที่คุ้มครองฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซนเตอร์

ชาวบ้านในเมืองหมู่เจ้ที่อยู่ใกล้กับย่านการค้ามิงกะลาหมู่เจ้ บอกกับสำนักข่าว Tai TV Online ว่าเสียงปืนเริ่มดังให้ได้ยินตั้งแต่ประมาณ 08.00 น. จากนั้นเสียงปืน เสียงระเบิด จากการยิงต่อสู้กันของทั้ง 2 ฝ่าย ดังขึ้นต่อเนื่อง และยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงเที่ยงจนถึงตอนบ่ายจึงค่อยสงบลง

ช่วงเย็นวันเดียวกัน มีการเผยแพร่คลิปกลุ่มจีนเทาที่ถูกทหารพม่าจับขึ้นรถบรรทุกวิ่งไปบนถนนในเมืองหมู่เจ้ เพื่อส่งตัวข้ามชายแดนกลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีน

เมืองหมู่เจ้มีสภาพคล้ายคลึงกับเมืองเมียวดี เป็นประตูการค้าชายแดนที่สำคัญที่สุดระหว่างจีนและเมียนมา มูลค่าสินค้าที่ถูกซื้อขายผ่านชายแดนหมู่เจ้แต่ละปีมากถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฝั่งตรงข้ามหมู่เจ้เป็นเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนาน

10 กว่าปีที่แล้ว หอการค้าจังหวัดตากเคยนำคณะไปสานสัมพันธ์กับหอการค้าเมืองรุ่ยลี่ มีการตกลงเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันระหว่างเมืองรุ่ยลี่กับอำเภอแม่สอด เพราะมองว่าทั้งสองเมืองต่างดำรงบทบาทเหมือนกัน
หลังผ่านพ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นช่วงหมดฤดูฝน และเป็นช่วงที่สงครามภายในเมียนมาหลายจุด จะเริ่มต้นปะทุขึ้น

คนแม่สอดบางส่วนกำลังเฝ้าดูว่า หลังผ่านพ้นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ไปแล้ว ในเมืองเมียวดีจะมีสถา
นการณ์แบบเดียวกับการบุกกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมืองหมู่เจ้เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เกิดขึ้นหรือไม่…