ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเทศ “ขนาดกลาง” จะมียุทธศาสตร์ อยู่ร่วมกับ “มหาอำนาจจีน” อย่างไร?

ประเทศ “ขนาดกลาง” จะมียุทธศาสตร์ อยู่ร่วมกับ “มหาอำนาจจีน” อย่างไร?

24 กรกฎาคม 2024


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

เป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้ว ที่การปฏิรูปเศรษฐกิจภายใน และการเปิดประเทศรับการลงทุนกับการค้าจากต่างประเทศ ได้สร้างความทันสมัยและความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจจีน ทุกวันนี้ เมื่อกล่าวถึงจีน จะมองในแง่มุมของประเทศที่มีตลาดใหญ่สุดของโลก เช่น ประเทศแรกที่ดำเนินการเรื่องอีคอมเมิร์ซอย่างรวดเร็ว ประเทศที่ส่งออกสินค้ารายใหญ่สุดของโลก เป็นตลาดรถยนต์ใหญ่สุดในโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุด

ในปี 2030 มีการคาดการณ์กันว่า คนชั้นกลางของจีนจะมีมากกว่า 1 พันล้านคน จีนจะกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก แซงหน้าสหรัฐอเมริกา นับจากปี 2012 ที่สีจิ้นผิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำจีน ก็ดำเนินนโยบายมุ่งไปข้างหน้า เพื่อบรรลุความฝันของจีน ที่ในปี 2050 จะเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยี เศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่างเต็มที่ และเป็นมหาอำนาจระดับโลก

ที่มาภาพ : amazon.com

นโยบาย “อยู่ร่วมกับจีน” ของแคนาดา

หนังสือ Living with China โดย Wendy Dobson นักเศรษฐศาสต์แคนาดา เขียนไว้ว่า ประเทศขนาดกลางอย่างเช่นแคนาดา หากจะสามารถอยู่ร่วมกับจีนได้ จำเป็นต้องเข้าใจความคิด ค่านิยม และเป้าหมายของผู้นำจีน ซึ่งนับวันจีนจะมีความสำคัญมากขึ้นต่อความรุ่งเรืองและความมั่นคงของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตัวอย่างเช่น จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแทบทุกประเทศในเอเชีย

แต่ความสัมพันธ์กับจีนของประเทศขนาดกลาง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของโลก คือ สหรัฐฯ กับจีน เพราะสหรัฐอเมริกาเริ่มท้าทาย “โมเดลการพัฒนาของจีน” ที่เป็นแบบ “ทุนนิยมโดยรัฐ มีการกำกับควบคุมกลไกตลาด โดยถือธุรกิจจีนมาก่อน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

หนังสือ Living with China กล่าวว่า เมื่อจีนมีความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายอนาคตที่ชัดเจนของตัวเอง และมีระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบอำนาจนิยม ประเทศต่างๆ ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับจีนในแบบที่จีนจะมีพัฒนาการเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ในแบบที่คนภายนอกต้องการจะเห็นจีนเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร การอยู่กับจีนจึงหมายถึงการเรียนรู้พัฒนาการที่จะเกิดกับจีน หลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด ดังนั้น นอกจากเรื่องความมั่นคง สิ่งที่ประเทศอำนาจขนาดกลางจะมองที่จีนคือเรื่องเศรษฐกิจ

Living with China กล่าวว่า ในเรื่องเศรษฐกิจ กุญแจสำคัญความร่วมมือของประเทศขนาดกลางกับจีนคือ ภาคส่วนที่จะเสริมกันและกันของสองประเทศ (complementarity) กล่าวง่ายๆ ในกรณีจีนกับแคนาดาก็คือ จีนต้องการความมั่นคงด้านอุปทาน (supply) ในเรื่องอาหาร พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนแคนาดาต้องการความมั่นคงด้านอุปสงค์ (demand) ในทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดา

ที่มาภาพ : http://us.china-embassy.gov.cn/eng/zgyw/202311/t20231110_11178223.htm

นโยบาย “อยู่ร่วมกับจีน” ของออสเตรเลีย

ออสเตรเลียเป็นอีกตัวอย่างของประเทศขนาดกลาง ที่ส่งเสริมให้มีการอภิปรายถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีน การเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจีน และยังมอบหมายให้มีการจัดทำเอกสารเป็นทางการ เรื่องนโยบายของออสเตรเลียต่อจีน

ปี 2017 รัฐบาลออสเตรเลียเผยแพร่เอกสารชื่อ 2017 Foreign Policy White Paper เพื่อเป็นแนวทางแก่ออสเตรเลียในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้านหนึ่ง การเชื่อมโยงและพึ่งพากันของโลกมีมากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ออสเตรเลียจะมีโอกาสครั้งใหญ่

ส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจ ที่จีนขึ้นมาท้าทายสหรัฐฯ มากขึ้น ในอนาคต ออสเตรเลียจึงต้องมีความสามารถในด้านการแข่งขันและความรวดเร็ว ในการที่จะเอาประโยชน์จากโอกาสที่จะมาจากพลวัตทางเศรษฐกิจของเอเชีย

เวลาเดียวกัน ออสเตรเลียต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง จากความไม่แน่นอนและความเสี่ยง จากปัญหาความไม่มีเสถียรภาพของอินโดแปซิฟิก การกีดกันการค้า หรือในกรณีที่สหรัฐฯ จะลดบทบาทการเป็นผู้นำโลก ในท่ามกลางโลกที่มีทั้งแข่งขันและเอาชนะกันและกัน นโยบายในประเทศและต่างประเทศของออสเตรเลีย จะต้องร่วมกัน เพื่อให้ได้มาถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศ

ในเรื่องท่าทีต่อจีน เอกสารนโยบายกล่าวว่า ออสเตรเลียจะส่งเสริมให้จีนใช้อำนาจไปในทางที่เพิ่มเสถียรภาพ ทำให้กฎหมายระหว่างประเทศเข้มแข็งขึ้น รวมทั้งเคารพผลประโยชน์ของประเทศขนาดเล็กและสิทธิของประเทศเล็ก ที่จะดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ตัวเองอย่างสันติ ออสเตรเลียจะสนับสนุนสหรัฐฯ กับจีน ทำให้ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจไม่นำไปสู่การเป็นปกปักษ์ทางยุทธศาสตร์ หรือก่อความเสียหายแก่ระบบการค้าพหุภาคีของโลก

ที่มาภาพ : youtube

นโยบาย “อยู่ร่วมกับจีน” ของอาเซียน

หนังสือ Middle Powers and the Rise of China กล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงประเทศอำนาจขนาดกลางที่มีอิทธิพลต่อการเมืองโลก มักจะหมายถึงประเทศขนาดกลางดั้งเดิม เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย และสแกนดิเนเวีย แต่ปัจจุบัน นักวิเคราะห์หันมาให้ความสำคัญกับบทบาทของประเทศขนาดกลางที่พัฒนามาทีหลัง เช่น มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย เกาหลีใต้ ชิลี เม็กซิโก อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในองค์กรภูมิภาคต่างๆ

มาเลเซียและไทยคือตัวอย่างประเทศ ที่ขยับฐานะเป็นประเทศอำนาจขนาดกลาง เนื่องจากมีมูลค่า GDP สูงขึ้น แต่สองประทศนี้มีความสำคัญที่เกี่ยวกับการพุ่งขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของจีน โดยอาศัยฐานะและบทบาทของสองประเทศในสมาคมอาเซียน

ท่าทีและนโยบายของมาเลเซียต่อจีน กล่าวได้ว่าคือเป็นกลาง สร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นอิสระด้านนโยบายป้องกันประเทศและต่างประเทศ ส่วนไทยส่งเสริมความผูกพันทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งกับจีน และความร่วมมือทางทหารที่มากขึ้น ทั้งไทยและมาเลเซียต่างมีจุดหมายร่วมกัน คือการได้ประโยชน์จากฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งขึ้นของจีน และดึงจีนเข้ามามีส่วนในอาเซียน

หนังสือ Middle Powers and the Rise of China วิเคราะห์ว่า ทั้งไทยและมาเลเซียไม่ได้ใช้นโยบาย “ถ่วงดุล” หรือ “ตามกระแส” ต่อจีน แต่เป็นนโยบาย “ความสัมพันธ์แบบมิตรภาพ” (bonding) ประกอบด้วยการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แสวงหาประโยชน์เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่เป็นมิตรต่อกัน สองประเทศไม่ได้มองความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ ในแบบที่ว่า หากฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ (zero-sum game) หรือการใกล้ชิดกับฝ่ายหนึ่ง หมายถึงการออกห่างจากอีกฝ่ายหนึ่ง

ที่มาภาพ : https://www.channelnewsasia.com/commentary/malaysia-china-diplomatic-ties-asean-south-china-sea-4373506

ส่วนหนึ่งของนโนบายสร้างมิตรภาพกับจีน คือการนำจีนมาเกี่ยวข้องกับองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งก็คืออาเซียน แนวคิดการสร้างมิตรภาพจึงสอดคล้องกับท่าทีของประเทศอำนาจขนาดกลาง ที่มักอาศัยเวทีระหว่างประเทศ มาปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง นโยบายผูกพัน (engagement) กับจีนของไทยและมาเลเซีย จึงมีเป้าหมายทำให้จีนใกล้ชิดกับสองประเทศ และบูรณาการดึงจีนมาเข้าร่วมกับชุมชนอาเซียน

บทสรุปของ Middle Powers and the Rise of China กล่าวว่า แม้ไทยกับมาเลเซียจะยังไม่ได้มีฐานะเศรษฐกิจระดับประเทศอำนาจขนาดกลางอย่างเต็มที่ แต่ก็สามารถใช้อำนาจต่อรองขององค์กรภูมิภาค มาช่วยให้ได้ประโยชน์ดีที่สุดจากการเติบโตเป็นมหาอำนาจของจีน

ขณะเดียวกัน การที่อาเซียนฟื้นตัวกลับมามีอิทธิพลในการเมืองระหว่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็เพราะอินโดนีเซียกลับมาแสดงบทบาทเป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง และสร้างความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติให้กับภูมิภาคนี้ จากค่านิยมประชาธิปไตย และแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ

เอกสารประกอบ
Living with China, Wendy Dobson, University of Toronto Press, 2019.
Middle Powers and the Rise of China, Bruce Gilley and Andrew O’Neil, Georgetown University Press, 2014.