ThaiPublica > เกาะกระแส > ศาล รธน.นัดพิจารณาคดี ‘พรรคก้าวไกล-เศรษฐา’ 18 มิ.ย.นี้

ศาล รธน.นัดพิจารณาคดี ‘พรรคก้าวไกล-เศรษฐา’ 18 มิ.ย.นี้

12 มิถุนายน 2024


ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง กกต.- 40 สว.ส่งหลักฐานเพิ่มเติมภายใน 17 มิ.ย.นี้ นัดพิจารณาคดี “ยุบพรรคก้าวไกล – ถอดถอนนายกฯเศรษฐา – สั่งฟ้องทักษิณ ดคีความผิด ม.112” 18 มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมประจำสัปดาห์ตามปกติ  โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารแถลงผลการประชุมปรึกษาคดีสำคัญหลังจากองค์คณะตุลาการศาลได้ประชุมพิจารณาประกอบด้วยคดี สำคัญ ดังนี้

มติ 8 ต่อ 1 สั่ง กกต.ส่งหลักฐานคดียุบพรรคก้าวไกลเพิ่มเติม

องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณา คดีคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลโดยในคดีนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคําร้องกรณีมีหลักฐาน อันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเข้าลักษณะกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคล ผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดํารงตําแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือ เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือ มีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกําหนดสิบปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารวมไว้ในสำนวน ส่งสำเนาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้องทราบ

ผลการการพิจารณา ตุลการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 สั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567

สั่ง “40 สว.- เศรษฐา” ยื่นบัญชีพยานเพิ่ม

ในวันเดียวกันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 17/2567)

ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา จำนวน 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่ 2 เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (๔) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ผู้ร้องจึงส่งคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82

ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567

อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุม เพื่อพิจารณาคดีสำคัญทางการเมืองถึง 3 คดี ประกอบด้วย 1. คดียุบพรรคก้าวไกล กรณีล้มล้างการปกครอง  2. คดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ 3. อัยการสูงสุดได้นัด นายทักษิณ ชินวัตร มาฟังคำสั่งฟ้องในคดีความผิด ตามมาตรา 112 เพื่อส่งตัวฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 18 มิถุนายน 2567