ThaiPublica > เกาะกระแส > รัฐบาลนเรนทรา โมดี สมัยที่ 3 จะเปลี่ยนอินเดียเป็นชาติมหาอำนาจและพัฒนาแล้วได้หรือไม่

รัฐบาลนเรนทรา โมดี สมัยที่ 3 จะเปลี่ยนอินเดียเป็นชาติมหาอำนาจและพัฒนาแล้วได้หรือไม่

26 เมษายน 2024


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ในนามของพรรคภารตียชนตา หรือ BJP (Bharatiya Janata Party) ที่เป็นพรรคชาตินิยมฮินดู และดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2014 จะลงสมัครเป็นสมัยที่ 3 ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/2/26/The_Prime_Minister%2C_Shri_Narendra_Modi

เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันแรกของการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดีย ที่จะดำเนินไปนานระหว่างวันที่ 19 เมษายน-1 มิถุนายน 2024 หรือเป็นเวลา 44 วัน ผลการเลือกตั้งจะประกาศในวันที่ 4 มิถุนายน ในเลือกตั้งครั้งนี้ มีคนอินเดีย 969 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 1.4 พันล้านคน ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง คนอินเดียจะเลือกผู้แทนสภาล่างทั้งหมด 543 คน จากทั้งหมด 545 คน โดยอีก 2 คนจะมาจากการเสนอโดยประธานาธิบดี

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ในนามของพรรคภารตียชนตา หรือ BJP (Bharatiya Janata Party) ที่เป็นพรรคชาตินิยมฮินดู และดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2014 จะลงสมัครเป็นสมัยที่ 3 กล่าวกันว่า การเลือกตั้งอินเดียในครั้งนี้ สามารถคาดการณ์ผลการเลือกตั้งได้แม่นยำมากที่สุด โดยโมดีและพรรค BJP จะได้รับการเลือกตั้งเป็นพรรคเสียงข้างมาก และครองอำนาจเป็นสมัยที่ 3 ผู้สนับสนุนโมดีคนหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลโมดีมีความสำคัญ ไม่ใช่เพราะเรื่องไฟฟ้าหรือถนนหนทาง แต่เป็นเป้าหมายใหญ่ของอินเดีย ที่จะมุ่งไปข้างหน้า

ผลงานของโมดีช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

เมื่อชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2014 โมดีประกาศคำมั่นสัญญาง่ายๆ แต่กลายเป็นคำพูดโด่งดังที่ว่า “วันเวลาที่ดีกำลังจะมาถึง” ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอินเดียมีขนาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว มูลค่าตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 3 เท่า เพราะคนอินเดียที่กลายเป็นนักลงทุนเพิ่มจาก 2% ของประชากร เป็น 5% เนื่องจากมีฐานะสูงขึ้น และพร้อมจะเสี่ยงในการลงทุน

แต่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจก็ยังกระจายอยู่ทั่วอินเดีย 90% ของคนอินเดียมีชีวิตจากรายได้ต่ำกว่า 10 ดอลลาร์ต่อวัน ครัวเรือนยากจนในชนบทต้องอาศัยโครงการสวัสดิการที่ริเริ่มจากรัฐบาลโมดี เช่น การแจกอาหารแก่ครัวเรือน การอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม การสร้างห้องสุขาสาธารณะ หรือโครงการประกันความเสี่ยงพืชผล ที่ชาวนาสามารถจ่ายเบี้ยประกัน

เมื่อปี 2023 โมดีประกาศว่า ในปี 2047 วาระครบรอบ 100 ปีของการประกาศเอกราช อินเดียจะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว โดยอินเดียมีจุดแข็ง 3 อย่าง คือ ประชากร ประชาธิปไตย และความหลากหลาย หากการประกาศนี้ที่กล่าวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะ Morgan Stanley บริษัทที่ปรึกษาเคยวิเคราะห์ไว้ว่า อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีความเสี่ยง

แต่ปัจจุบัน อินเดียกลายเป็นประเทศที่อยู่ในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ และประเทศคู่ค้าทั่วโลก เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่ ที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุด และเป็นจุดหมายของกลยุทธ์ “จีน+1” ของบริษัทข้ามชาติ ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เพราะการพึ่งพาจีนมากเกินไป

จากการวิเคราะห์ของ Financial Times ช่วง 2 สมัยของรัฐบาลโมดี อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศขนาดใหญ่ที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุด ช่วงปี 2014-2022 GDP ของอินเดียเติบโตเฉลี่ยปีละ 5.6% ขณะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ 14 ประเทศมีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 3.8% นักวิเคราะห์มองว่า หากอินเดียจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี 2047 เศรษฐกิจต้องเติบโตสูงกว่า 6-7% ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a0/Prime_Minister_Narendra_Modi_at_India_Pavilion_in_Paris

คนชั้นกลางเป็นกลุ่มเติบโตเร็วที่สุด

แต่อินเดียยังเป็นชาติสมาชิกกลุ่ม BRICs ที่ยากจนที่สุด เส้นทางพัฒนาของอินเดียจึงมีระยะทางไกลกว่าที่จะมีระดับรายได้ต่อคนเท่ากับชาติสมาชิกกลุ่ม BRICs อื่นๆ เช่น จีน บราซิล หรือรัสเซีย จากตัวเลขของธนาคารโลก ในสมัยของโมดี ความยากจนที่รุนแรงลดลงจาก 18.7% ของประชากรในปี 2015 มาอยู่ที่ 12% ในปี 2021 จำนวนประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 2.15 ดอลลาร์ เส้นแบ่งความยากจนของนานาประเทศก็ลดลง

การเติบโตของเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ยังสร้างกลุ่มคนชั้นกลางให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น สถาบันวิจัยของอินเดียชื่อ People Research on India’s Consumer Economy เปิดเผยว่า ในสมัยของโมดี คนชั้นกลางที่ครอบครัวมีรายได้ระดับ 6,700-40,000 ดอลลาร์ต่อปี (234,500-1,400,000 บาท) เป็นกลุ่มรายได้ที่เติบโตเร็วที่สุด ปัจจุบันมีทั้งหมด 520 ล้านคน เพิ่มจาก 300 ล้านคนในปี 2014 การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เช่น ถนนและรถไฟ ก็เพิ่มสูงขึ้น และกลายเป็นเครื่องจักรเครื่องหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจ นับจากปี 2018 อินเดียมีจำนวนถนนที่มีระยะทาง 10,000 กม. เพิ่มขึ้นในทุกปี อินเดียมีแผนที่จะใช้เงิน 1.7% ของ GDP มาลงทุนด้านคมนาคม เพิ่มจาก 0.4% ของ GDP ในปี 2014

อินเดียจะกลายเป็นมหาอำนาจหรือไม่

นับจากได้รับเอกราชในปี 1947 เป็นต้นมา ผู้นำอินเดียคาดหวังว่า ในที่สุด อินเดียจะเป็นประเทศมหาอำนาจ เพราะอินเดียเป็นชาติมีอารยธรรมชาติหนึ่งของโลก มีดินแดนขนาดใหญ่กับประชากรจำนวนมาก และเป็นตัวอย่างของระบอบประชาธิปไตยเสรีที่ประสบความสำเร็จ แต่การที่จะเป็นมหาอำนาจได้นั้น ประชากรส่วนใหญ่ต้องมีส่วนในธุรกรรมที่มีผลิตภาพ และประเทศก็พัฒนามาถึงจุดที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้า

นับจากได้รับเลือกตั้งในปี 2014 โมดีก็เริ่มต้นดำเนินการที่จะสร้าง “อินเดียใหม่” ขึ้นมา โดยลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างสวัสดิการ เพื่อนำคนยากจนเข้าสู่เศรษฐกิจที่เป็นแบบแผน และใช้นโยบายสนับสนุนธุรกิจ เพื่อให้ส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตสูง ด้วยคำพูดที่สะท้อนบทบาทรัฐที่ว่า “รัฐที่แทรกแซงน้อยที่สุด แต่มีธรรมาภิบาลมากที่สุด” (minimum government, maximum governance) แนวทางของโมดียังได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จีน-สหรัฐฯ เช่น เดียวกับประเทศในกลุ่ม Global South ที่ยากจนและขาดการพัฒนาอุตสาหกรรม

แต่การที่จะก้าวขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจหรือประเทศพัฒนาแล้ว อินเดียจำเป็นต้องเอาชนะอุปสรรคสำคัญทางเศรษฐกิจ อินเดียจะสามารถรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจได้ในอัตรา 7% อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิต

ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/15/Narendra_Modi_launches_Make_in_India

ในปี 2014 รัฐบาลโมดีประกาศนโยบาย “Make in India” เพื่อส่งเสริมธุรกิจ ให้พัฒนาทำการผลิต และประกอบการผลิตสินค้าในอินเดีย โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน คือ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเติบโตปีละ 12-14% สร้างการจ้างงาน 100 ล้านงานภายในปี 2022 และทำให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 25% ของ GDP ในปี 2025

นโยบาย Make in India มีธุรกิจอุตสาหกรรมเป้าหมาย 25 ประเภท เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องบินไร้คนขับหรือโดรน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ธุรกิจสุขภาพ และการท่องเที่ยว เป็นต้น รัฐต่างๆ ของอินเดียก็มีการรณรงค์ส่งเสริมการลงทุนตามแนวทาง Make in India

อำนาจของอินเดียคงจะค่อยๆ มีเพิ่มมากขึ้น ในอนาคต 10-20 ปีข้างหน้า อินเดียคงจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก แต่คงจะมีลักษณะย้อนแย้งเหมือนจีนที่ว่า การมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าจะมีการกระจายความมั่งคั่งได้อย่างทั่วถึง เส้นทางสู่ประเทศมหาอำนาจที่แท้จริงของอินเดีย คงจะดำเนินไปอย่างยาวนานและยากลำบาก

เอกสารประกอบ
What 10 Years of Modi Rule Has Meant for India’s Economy, April01, 2024, nytimes.com
In charts: how India has changed under Narendra Modi, January 9, 2024, ft.com
Can India Become a Great Power? Ashley J Tellis, April 22, 2024, globelynews.com