ThaiPublica > คนในข่าว > ลอว์เรนซ์ หว่อง ผู้นำการเมืองสิงคโปร์รุ่นที่ 4

ลอว์เรนซ์ หว่อง ผู้นำการเมืองสิงคโปร์รุ่นที่ 4

18 มกราคม 2024


พอเพียง จิตสมานฉันท์ รายงาน

ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ จับมือ ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มาภาพ : https://twitter.com/LawrenceWongST?ref_src=twsrc%5Egoogle%7Ctwcamp%5Eserp%7Ctwgr%5Eauthor

เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่ผู้นำรุ่นที่ 4 ของสิงคโปร์ประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง จะเป็นคนที่ไม่ใช่คนตระกูลลี ‘ลี เซียนลุง’ นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ผู้นำรุ่นที่ 3 ทายาทของอดีตรัฐบุรุษอาวุโส ลี กวนยิว กำลังจะวางมือทางการเมือง และถ่ายโอนอำนาจให้แก่ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บุคคลนอกตระกูลลีคนที่สองต่อจากโก๊ะ จ๊ก ตง ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพรรค People’s Action Party (PAP) จากการประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2565

ช่วงการแพร่ระบาดของโควิดในปี 2563 รองนายกรัฐมนตรี เฮง สวี คีต อดีตเลขานุการส่วนตัวของลี กวนยิว คือ ทายาทการเมืองรุ่นที่ 4 ขณะที่ลอว์เรนซ์ หว่อง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังควบคู่กับการเป็นประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจของรัฐบาลในการบริหารจัดการกับสถานการณ์การระบาดของ

โควิด 19 แต่ในช่วงปี 2564 สวี คีต ได้ถอนตัวออกจากการเป็นผู้สืบทอดทางการเมืองรุ่นที่ 4 และลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้เหตุผลในการขอถอนตัวว่า หลังจากที่สิงคโปร์ผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 สวี คีตมีอายุที่มากเกินไปสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ดังนั้นผู้ที่เหมาะสมเป็นผู้นำสิงคโปร์คนต่อไปควรเป็นผู้นำรุ่นใหม่ เพราะหน้าที่ของผู้นำสิงคโปร์ในอนาคตจะไม่ใช่การฟื้นฟูสิงคโปร์ให้กลับมาแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาสิงคโปร์ไปสู่อีกขั้นหนึ่งด้วย

การถอนตัวของสวี คีต ทำให้พรรค PAP ต้องสรรหาทายาททางการเมืองรุ่นที่ 4 คนใหม่ และหว่อง เป็นผู้รับการคัดเลือกว่าที่ผู้นำคนใหม่มีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวจีนอพยพจากเกาะไหหลำ และร่ำเรียนจนจบการศึกษาจากวิทยาลัย Victoria Junior ซึ่งหว่องได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน และมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนด์อาร์เบอร์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการบริหารรัฐกิจจาก Harvard Kennedy School

Lawrence Wong ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Lawrence Wong

หลังจากที่กลับมาบ้านเกิด ว่าที่ผู้นำคนใหม่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านการเงินด้านการดูแลสุขภาพที่กระทรวงสาธารณสุข และได้ปฏิรูป MediShield แผนประกันสุขภาพพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนสิงคโปร์ได้เข้าถึงสิทธิคุ้มครองการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นจากค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก และในปี 2548 นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ได้เลือกหว่องให้เป็นเลขานุการส่วนตัว (Principal Private Secretary :PPS) กระทั่งปี 2554 จึงได้ลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 และได้รับเลือกเป็น ส.ส. ของเขต West Coast GRC ปัจจุบันเป็น ส.ส.เขต Marsiling-Yew Tee GRC

ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ถือเป็นเวทีการฉายแววของผู้นำสิงคโปร์รุ่นที่ 4 นายกัน กิม หยง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดที่จะรวบรวมทีมเพื่อบริหารจัดการกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในสิงคโปร์ หว่องได้รับเลือกให้เป็นประธานร่วม คณะทำงานเฉพาะกิจจากกระทรวงต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 บทบาทในช่วงดังกล่าวได้ทำให้หว่องได้รับการกล่าวถึงต่อสาธารณชน จนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้นำรุ่นที่ 4 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รับบทบาทให้เป็นผู้แถลงงบประมาณแผ่นดินของปี 2565 ที่มีกรอบวิสัยทัศน์ “สังคมที่เป็นธรรมขึ้น ยั่งยืนขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น” ซึ่งมีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นจัดการความไม่เท่าเทียมทางสังคมผ่านการดำเนินมาตรการภาษีอัตราก้าวหน้า บทบาทดังกล่าวได้ทำให้สาธารณชนเฝ้ามองหว่องมากขึ้น

นอกจากการเป็นนักการเมืองที่เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติ ผู้นำรุ่นที่ 4 ยังเป็นนักคิดทางการเมืองที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ของสังคม ความยั่งยืน และการมีคุณธรรมในการประชุมของ Institute of Policy Studies (IPS) เมื่อเดือนมกราคม 2564 ต่อมาเดือนมิถุนายน หว่องได้บรรยายเกี่ยวกับเชื้อชาติและการเหยียดเชื้อชาติ และเดือนพฤศจิกายน ยังได้บรรยายเรื่องการเมืองเกี่ยวกับอัตลักษณ์และเผ่าพันธุ์ ผู้นำรุ่นที่ 4 กล่าวว่ารัฐบาลจะปรับปรุงนโยบายด้านเชื้อชาติและความสามัคคีทางเชื้อชาติ

Lawrence Wong ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Lawrence Wong

การกล่าวสุนทรพจน์ของ ผู้นำรุ่นที่ 4 ทั้งสองวาระในเดือนมิถุนายนและเดือนพฤศจิกายนได้ทำให้ผู้นำรุ่นที่ 4 ผู้นี้ได้รับการยกย่อง เพราะได้นำเสนอความคิดที่ก้าวหน้าในหัวข้อที่มีการถกแถลงอย่างบ่อยครั้งในสังคมสิงคโปร์

ภารกิจท้าทายเฉพาะหน้าของผู้นำการเมืองสิงคโปร์รุ่นที่ 4 คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดโควิด – 19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามในยูเครนและอิสราเอล – ปาเลสไตน์ ขณะเดียวกัน ต้องหาวิธีที่ทำให้สิงคโปร์กลับมาน่าสนใจในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกให้ได้อีกครั้ง แม้จะมีการปฏิรูประบบภาษีระหว่างประเทศเกิดขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากกระแสโลกาภิวัฒน์ย้อนกลับในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ผู้นำคนใหม่ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ การปรับความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐอเมริกา การก้าวสู่สังคมเศรษฐกิจไร้คาร์บอน การแก้ปัญหาสังคมสูงอายุ การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมไปถึงความนิยมของพรรค PAP ที่มีแนวโน้มลดลง เพราะครองอำนาจมานาน แม้จะครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอดก็ตามอนาคตความเป็นไปของสิงคโปร์จะเป็นเช่นใด ขึ้นอยู่กับฝีมือไม้ลายมือของบุรุษผู้ชื่อ ลอว์เรนซ์ หว่อง บทพิสูจน์ว่าผู้นำรุ่นที่ 4 เป็นของจริงมั้ยกำลังจะตามมา