ThaiPublica > คอลัมน์ > ตัวอย่าง AI

ตัวอย่าง AI

12 ตุลาคม 2023


วรากรณ์ สามโกเศศ

ผู้คนกล่าวถึง AI กันมากในปัจจุบัน วันนี้ลองมาดูตัวอย่างของ AI กันแบบจะๆ ซึ่งอาจทำให้ชัดเจนขึ้นบ้างว่ามันคืออะไร และรับใช้มนุษย์อย่างไร มันจะทำให้โลกพัฒนาก้าวหน้าขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน หรือจะทำให้มนุษยชาติดับสิ้นไปในระยะยาว

AI หรือ artificial intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นผลพวงของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานต่างๆ ที่มนุษย์ปกติทำอยู่แล้วโดยใช้ความฉลาด งานเหล่านี้ได้แก่การเข้าใจภาษาของมนุษย์ ระบุแบบแผนต่างๆ ของภาพได้ ตัดสินใจ และเรียนรู้จากประสบการณ์ AI ทำงานในลักษณะเดียวกับที่มนุษย์ใช้สมอง คิดและแก้ไขปัญหา ลองมาดูตัวอย่างกัน

(1) จำหน้าคนได้ AI ที่เป็นแอปพลิเคชันจำหน้าคนได้นั้นจะมีภาพหน้าคนต้นแบบ (ภาพหน้าตัวจริง) พร้อมข้อมูลอื่นๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ประวัติ ฯลฯ อยู่ในคลังข้อมูล เมื่อเอาภาพถ่ายมาเทียบกับภาพตัวจริง คอมพิวเตอร์ก็จะใช้ AI เปรียบเทียบจุดต่างๆ นับร้อยนับพันจุดบนใบหน้า และก็ตัดสินใจว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่

แอปพลิเคชันนี้ใช้กันอย่างกว้างขวางในประเทศจีนในการควบคุมให้พลเมืองมีความประพฤติอยู่ในกรอบ หากไปทำอะไรที่ภาครัฐเห็นว่าไม่ดีก็จะถูกหักแต้มจนหมดสิทธิ์ในหลายเรื่อง ปัจจุบันโปรแกรมนี้มีออกมาขาย และมีการนำมาใช้กันในประเทศต่างๆ ด้วย

อีกแอปพลิเคชันหนึ่งที่คล้ายคลึงกันคือ เปรียบเทียบป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ถ่ายได้จากที่วิ่งบนถนนกับภาพป้ายตัวจริง ปัจจุบันโจรลำบากมากขึ้นเพราะกล้องสามารถบอกทะเบียนรถได้ชัดเจน ถึงแม้ภาพจะเบลอมากก็ตาม AI จะวิเคราะห์แต่ละจุดบนป้ายจริงว่าถ้าสั่นแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร และก็เอาแต่ละจุดของภาพที่ถ่ายได้ไม่ชัดเพราะสั่นมาเปรียบเทียบกัน ก็จะย้อนกลับไปเห็นว่าภาพจริงคืออะไร

ฟิล์มเอกซเรย์นั้น AI ก็อ่านได้เก่งกว่ามนุษย์ กล่าวคือสอนให้ AI จดจำว่าจุดดำเทา ขาวโปร่ง ขาวไม่โปร่ง เมื่อรวมกลุ่มกันหมายถึงอะไร เมื่อสอนมากเป็นหมื่นเป็นแสนแผ่นโดยเรียนรู้จากแต่ละจุดบนแผ่นเอกซเรย์นับล้านๆ จุด มันก็จะบอกได้ว่าภาพแสดงถึงความปกติหรือไม่ปกติของอวัยวะอย่างไร มันไม่มีอารมณ์ ไม่มีความเอนเอียงตราบที่คนสอนไม่เอนเอียง จึงทำได้ดีกว่าในการเห็นภาพ และระบุแบบแผนของกลุ่มเซลล์บนอวัยวะ

โดรนที่โจมตีอาคารก็ใช้ AI เช่นกัน อาคารที่โดรนจะพุ่งเข้าโจมตีนั้นภาพของมันถูกบันทึกไว้ใน AI ของโดรน ระหว่างที่มันวิ่งหาเป้ามันก็จะเปรียบเทียบภาพที่เห็นจริงกับภาพอาคารที่เก็บบันทึกไว้ หากมันตรงกัน ก็วิ่งเข้าชนและระเบิดอย่างแม่นยำ

(2) พูดได้ อ่านได้ และเขียนได้ natural language processing หรือ NLP คือเทคโนโลยีที่สอนให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและทำงานกับภาษาของมนุษย์ มันช่วยให้คอมพิวเตอร์อ่าน เขียน และพูดเหมือนมนุษย์ เวลาเราพูดหรือพิมพ์ข้อความนั้น NLP จะทำงานด้วยการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและตอบโต้กับเราได้

NLP เป็นสาขาหนึ่งของ AI ในการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ในลักษณะที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ NLP เป็นเทคโนโลยีใช้สำหรับงานด้านวิเคราะห์เนื้อหาและบริบทของภาษาด้วย NLP นี่แหละที่ทำให้ AI สามารถแปลภาษา เขียนข้อความ แก้ไขปรับข้อความให้มีความหมายและถูกต้องตามไวยากรณ์อีกทั้งสละสลายด้วย ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ สามารถนำเสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง มันเป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่วิเศษและตื่นเต้นกันมากตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ใช่แล้วครับผมกำลังพูดถึง GPT (generative pre-training transformer)

(3) GPT แอปพลิเคชันนี้พูดโต้ตอบกับมนุษย์ได้ และผลิตหรือสร้าง (generate) เอกสาร ข้อมูล หรือบทวิเคราะห์ที่เราต้องการโดยมันมาจาก “การฝึกการสอน” (pre-training) คอมพิวเตอร์ก่อนหน้า ให้เรียนรู้เรื่องราวและรับทราบข้อมูลมหาศาลในโลก ตลอดจนการลองสร้างบทวิเคราะห์ คล้ายกับการให้เด็กทำการบ้านคิดเลข ทำผิดทำถูกมากๆ จนเก่งเลข คอมพิวเตอร์เมื่อได้เรียนรู้ภายใต้กฎกติกาและข้อมูลที่ป้อนให้ ก็จะให้คำตอบได้เหมือนมนุษย์

การสร้าง AI แบบนี้ขึ้นมาทำให้มันสามารถออกแบบปกหนังสือได้ แต่งเพลง แต่งกลอน เขียนเรียงความ แปลภาษา เขียนโปรแกรมคอมพิวตอร์ (coding) คิดวิเคราะห์ ตอบคำถาม พยากรณ์ด้วยข้อมูลที่มี ทำอะไรยากๆ ที่มนุษย์ต้องใช้เวลานาน โดยมันใช้เวลาไม่กี่วินาที วิเคราะห์หาจุดเชื่อมต่อของข้อมูลต่าง มองเห็นบางสิ่งที่มนุษย์อาจมองข้าม ฯลฯ

สิ่งที่ต้องระวังของ GPT คือ (1) เอนเอียงตามข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ถูกป้อนและ “ถูกสอน” มา (2) ข้อมูลอาจผิด (3) อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อด้อยค่าผู้อื่นด้วยการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ และ (4) อาจมีการแทรกคำสอนหรือข้อมูลแบบเนียนๆ เพื่อให้มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้ใช้ก็เป็นได้

ตัวอย่างที่พูดกันก็คือในเร็วๆ นี้จะมีตุ๊กตาหมี (teddy bear) ที่เป็น GPT ออกสู่ตลาด มันจะพูดโต้ตอบกับเด็กสร้างความผูกพันเป็นเพื่อนเด็ก และมันอาจสอนบางคุณค่าที่พ่อแม่ไม่ชอบให้เด็กก็เป็นได้ เพราะพ่อแม่อาจไม่ใกล้ชิดลูกเท่าเจ้าหมี นอกจากนี้ ข้อมูลบางอย่างอันเป็นส่วนตัวของครอบครัวอาจถูกบันทึกโดยกลไกในตัวหมีเพื่อเอาไปขายต่อก็เป็นได้ อย่าลืมว่าในปัจจุบันข้อมูลคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต มันสามารถเอาไปใช้ทางการค้าและการเมืองได้มากมาย

(4) งานวิจัยขั้นสูง ในปี 2019 มีการค้นพบยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีพิษรุนแรงดังเรียกว่า superbugs ในเวลาอันสั้น AI ถูกสอนให้รู้จักโครงสร้างทางเคมีของยาฆ่าเชื้อ 2-3 พันชนิดที่ใช้ได้ผล เมื่อรู้จักแล้ว AI ก็สำรวจวัสดุและสารต่างๆ นับล้านชนิดเพื่อหาโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายยาที่รักษาได้ผล การวิเคราะห์ทำให้ลดจำนวนวัสดุลงเหลือเพียง 5 ชนิดและเอามาทดลองในห้องแล็บจนได้ยาปราบ superrogs AI ในที่นี้ทำหน้าที่คล้ายเครื่องตรวจจับโลหะ เมื่อรู้ว่ามีโลหะอยู่ตรงนั้นก็ขุดออกมาดูจนพบสารโลหะที่ต้องการ หากไม่มีเครื่องตรวจจับแล้วก็ต้องขุดทุกแห่งหนใช้เวลากันอีกยาวนาน

ไม่ว่า AI จะดูวิเศษอย่างไรมันก็เป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์ มิได้มีความฉลาดสูงส่งด้วยตนเอง อย่าลืมว่ามัน “ฉลาด” อย่างแตกต่างจากมนุษย์ที่มีความรู้สึกและอารมณ์ มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีความทรงจำแบบมนุษย์ มีแรงบันดาลใจ มีความเป็นมนุษย์ที่มีความเมตตากรุณา มีมิตรไมตรี ฯลฯ ต่อมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์และ AI เป็นสองกลุ่มที่มีความหมายของ “ความเก่ง” แตกต่างกัน AI มีศักยภาพในการพัฒนาโลกมนุษย์อย่างยิ่งตราบที่มนุษย์พัฒนามันไปอย่างถูกทางในอนาคต

หมายเหตุ : ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 10 ต.ค. 2566