ThaiPublica > คอลัมน์ > หนังสือน่าอ่านเพื่อเตรียมพร้อมให้เด็ก Generation Alpha

หนังสือน่าอ่านเพื่อเตรียมพร้อมให้เด็ก Generation Alpha

5 สิงหาคม 2023


สุทธิ สุนทรานุรักษ์

หากจะว่าไปแล้ว หลังสิ้นสุดการระบาดของ Covid-19 ทำให้โลกเรากลับมา Reset หลายสิ่งหลายอย่างกันใหม่… การ Reset มาพร้อมกับความท้าทายสำคัญที่คนแต่ละ Generation ต่างมีโจทย์หลักของตัวเอง

คน Generation Baby Boomer และ Generation X ช่วงต้น ๆ ก้าวสู่วัยผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การเดินทางสู่สังคม Aging population ในห้วงยามที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรงนั้นดูจะเป็นเรื่องท้าทายยิ่งนัก

ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจต่อโลกและทัศนะของชีวิตย่อมทำให้คนสอง Generation นี้สามารถประคับประคองตัวเองให้ผ่านพ้นไปได้

ขณะที่ Generation X ช่วงปลาย ๆ Generation Y และ Z กำลังเติบโตขึ้นก้าวมาเป็นคนกลุ่มใหญ่ทางสังคม เป็นทั้งกำลังแรงงาน เป็นทั้งกำลังการบริโภค เป็นทั้งฐานภาษี เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ขับเคลื่อนสังคมโลกไปอีกอย่างน้อย ๆ ยี่สิบปี ก่อนส่งผ่านต่อให้คน Generation ถัดไป คือ Generation Alpha

หนังสือของ Mark McCrindle เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจในการเลี้ยงลูก Gen Alpha ที่มาภาพ : https://www.amazon.de/-/en/Mark-McCrindle/dp/0733646301

เด็กที่เกิดระหว่างปี ค.ศ. 2010-2025 ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Generation Alpha แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้มีพ่อแม่ ผู้ปกครองตั้งแต่ Gen X Y และ Z

เด็กกลุ่มนี้เติบโตมาในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากนับเด็ก Gen Alpha คนแรกที่เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2010 …ปัจจุบัน เด็กคนนี้กำลังก้าวสู่วัยรุ่น อายุ 13 ย่าง 14 ปี

เด็กน้อยคนนี้เกิดมาในยุคที่โลกเราเริ่มใช้ Smart Phone และมีสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Youtube, Twitter

เมื่อทารกน้อยคนนี้อายุ 1 ขวบ ประเทศไทยเผชิญมหันตภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2011 ขณะที่โลกกำลังวุ่นวายจ้าละหวั่นจากผลพวงของ Arab Spring การขยายอิทธิพลของจีนมหาอำนาจใหม่ภายใต้ Belt and Road Initiative (BRI)

โลกเริ่มรณรงค์เรื่อง Global Warming มากขึ้นก่อนเปลี่ยนมาเป็น Climate Change การต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ การยอมรับในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทำให้ประเด็นเรื่อง Gender Equality กลายเป็นสารัตถะสำคัญหนึ่งของศตวรรษที่ 21

ปี 2015 วันที่เด็กน้อยคนนี้อายุ 5 ขวบ องค์การสหประชาชาติประกาศเรื่องการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้บรรลุในปี 2030 หรือ SDGs ซึ่งมีทั้งหมด 17 เป้าหมาย ขณะเดียวกัน คำว่า Digital Revolution เริ่มติดหูมากขึ้นเรื่อย ๆ

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศนำไปสู่ยุค America First ภายใต้การขึ้นสู่อำนาจของ Donald Trump แห่งพรรค Republican ในปี 2016 ไล่เรี่ยกับการถอนตัวของสหราชอาณาจักรที่ไม่ขอเข้าสังฆกรรมใน EU หรือที่เราเรียก Brexit

ท้ายที่สุดโลกมาสู่ยุคสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา

จนกระทั่งปลายปี 2019 โลกต้องจารึกมหันตภัยร้ายแห่งโรคระบาดเรียกว่า Covid-19 ซึ่งเริ่มระบาดหนักตั้งแต่ปี 2020-2021

ขณะที่ช่วงต้นปี 2022 ความตึงเครียดในการเมืองระหว่างประเทศยิ่งหนักเข้าไปอีก เมื่อรัสเซีย ภายใต้การนำของ Putin ตัดสินใจรุกรานยูเครน

ผลกระทบกลายเป็นลูกโซ่ทั้งเรื่องวิกฤติอาหาร วิกฤติพลังงาน วิกฤติผู้ลี้ภัย อพยพ

เด็กน้อยต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ต้อง Work From Home ทำงานแบบ Remote working อยู่บ้านนับเดือนเพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดใหญ่ ผ่านทาง Application

… ครอบครัวของเด็กคนนี้ที่เป็นมนุษย์เมืองต้องใช้ชีวิตแบบ Online ทั้งทำงานและเรียน Online กินอาหารด้วยการสั่ง Grab ดูหนังผ่าน Netflix หรือ Disney-Hotstar ฟังเพลงผ่าน Spotify หรือ Shopping Online ทาง Shopee

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ล้วนดำเนินการผ่าน Digital Platform

นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา โลกของคนห้า Gen ทั้ง Baby Boomer, X, Y หรือ Millenials, Z และ Alpha ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงชนิดที่เรียกว่าทั้ง “รวดเร็วและรุนแรง”

ปี 2023 การมาของ Generative AI อย่างเต็มตัวทำให้ AI Revolution เริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น… เด็กใน Generation Alpha วันนี้สามารถใช้ทั้ง ChatGPT, Google Bard, Bing เรียนรู้นอกตำราเรียน เสวนากับอาจารย์นอกห้องเรียนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

…โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ

ผู้เขียนนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับโลกอนาคตหลายเล่ม มีเล่มหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจ คือ หนังสือเรื่อง AI 2041 ของ Kai Fu Lee และ Chen Qiufan

อันที่จริงแล้ว หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของ Ten Visions in Our Future ไม่ใช่แนะแนวการเลี้ยงลูกแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดีเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราคงมองเห็นภาพอนาคตข้างหน้าว่าลูกของเราต้องเจออะไรบ้าง

ที่สำคัญ เราควรเตรียมพร้อมเรื่องใดให้เขาตั้งแต่วันนี้

หนังสือ AI 2041 ของ Kai Fu Lee และ Chen Qinfan หนังสือน่าอ่านอีกเล่มสำหรับผู้สนใจโลกอนาคต ที่มาภาพ : https://thailand.kinokuniya.com/bw/

กว่าจะถึงปี 2041 หลายคนใน Gen Baby Boomer น่าจะ Rest In Peace เช่นเดียวกับ Gen X กว่าครึ่งหนึ่งที่กลายเป็นคนอายุ 70-90 ปี ซึ่งแน่นอนว่า เราต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งที่ทั้ง “รวดเร็วและรุนแรง”

Kai Fu Lee หนึ่งในสุดยอดกูรูด้าน AI แห่งยุค ได้กล่าวถึงอนาคตของ AI ในอีกไม่ถึง 20 ปีข้างหน้าไว้น่าสนใจ กล่าวคือ

หนึ่ง…AI จะเป็นยิ่งกว่า Superintelligence หรือ ฉลาดล้ำเหนือมนุษย์จนยากแล้วที่เราจะเอาชนะมันได้

สอง…Cyborg จะเป็นสิ่งที่เราพบเห็นเป็นเรื่องปกติ ด้วยเส้นแบ่งระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรที่บางลงเรื่อย ๆ เราอาจได้เห็นมนุษย์หุ่นยนต์แบบ Robocop ในหนัง

สาม…โลกเราเผชิญภาวะที่เรียกว่า Economic and Social Inequality ความไม่เท่าเทียม ไม่เสมอภาคจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจัยสำคัญมาจากเรื่อง Digital Divide หรือความแตกต่างในการเข้าถึงองค์ความรู้ ความเข้าใจเรื่อง Digital

สี่…กำลังแรงงานส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วย AI

ห้า…แนวโน้มการใช้ AI แบบผิดวัตถุประสงค์มีสูงมากขึ้น ทั้ง Fake News, Deepfake และความปลอดภัยทาง Cyber จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

AI 2041 นอกจากคนรุ่นเราจะจินตนาการถึงโลกใบใหม่ที่เราอาจไม่คุ้นเคยแล้ว…คนใน Generation Alpha ยังต้องเผชิญโลกแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดร.ไค ฟู ลี ใน TED talk ที่มาภาพ : https://www.ted.com/speakers/kai_fu_lee

แน่นอนว่าเด็กน้อยคนนั้นที่เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2010 เมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม 2041 เด็กคนนี้จะมีอายุครบ 31 ปีพอดี

วัย 31 ปี คือ กำลังแรงงานสำคัญของระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เมื่อถึงวันนั้นคงมีการเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายสิ่ง ภายใต้ Digital platform การแลกเปลี่ยนในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่อาจไม่จำเป็นต้องใช้ Cash แบบเดิม ระบบการให้เครดิต สินเชื่ออาจเปลี่ยนแปลงไป

Crypto อาจเป็นเรื่องล้าสมัย

ทั้ง Sharing Economy, Passion Economy, Gig Economy คงเป็นหนึ่งในระบบเศรษฐกิจที่ประคับประคอง Global Economy

วัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ความเป็นเมืองถูกขับเคลื่อนในอีกรูปแบบชุดความคิดหนึ่ง…อย่างน้อยที่สุด เราคงได้เห็นผลของการพัฒนาที่มุ่งสู่ SDGs ซึ่งสิ้นสุดเป้าหมายไปตั้งแต่ปี 2030

คำถามที่น่าคิดสำหรับคนเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กน้อยในวันนี้ คือ เราต้องเตรียมพร้อมลูกเราอย่างไร?

…สำหรับผู้เขียนแล้ว ผู้เขียนชื่นชอบและศรัทธาแนวคิดเรื่อง EF หรือ Executive Function ที่คุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ วางไว้เป็นแนวคิดหลักที่จะ Groom เด็ก Gen Alpha ให้เติบใหญ่ได้อย่างเข้มแข็ง มีวินัยในตัวเอง รับผิดชอบต่อตนเองได้สามารถ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” เป็น รวมถึง “ล้มลงและลุกได้เร็ว” โดยยังมีความสุขกับโลกที่แสนจะวุ่นวายเต็มทน

โจทย์ใหญ่ของการศึกษาวันนี้ ไม่ได้เพียงแค่ตั้งหน้าตั้งตาแข่งกันเรียน แล้วอวดผลคะแนนของลูกเรา

หากแต่เป็นการสอนให้เด็กมีทักษะที่ดีพอที่เพื่อทำความเข้าใจและมีความรู้ในการดำรงอยู่ได้อย่างมีอยู่รอด ปลอดภัย

…ตั้งแต่เรื่อง Health literacy, Financial Literacy, AI Literacy รวมถึง Green Literacy …แบบที่เด็กคนหนึ่งต้องเติบโตมาโดยไม่ควรถูกบังคับให้รู้ แต่ควรทำให้อยากรู้

…ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ

เช่นเดียวกันหนังสือเรื่อง AI 2041 ทำให้เราคิดต่อว่าโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า เด็ก Gen Alpha ต้องเผชิญทั้ง Future Work, Future Medicine, Future Education, รวมถึง Future Lifestlye

อย่างที่ใครหลายคนบอก โลกไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน โลกของพวกเขาอยู่ทุกที่ ทุกที่ล้วนมีบทเรียนให้ทั้งเราและเขาต่างเติบโตเรียนรู้