ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เลือกตั้งอย่างรับผิดชอบ 2566 > กกต.เรียก “พิธา” ชี้แจงพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ปมถือหุ้น ITV ก่อนส่งศาล รธน.ตีความ

กกต.เรียก “พิธา” ชี้แจงพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ปมถือหุ้น ITV ก่อนส่งศาล รธน.ตีความ

10 กรกฎาคม 2023


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

ด่วน! กกต.เรียก “พิธา” ชี้แจง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ปมถือหุ้น ITV เข้าข่าย “ลักษณะต้องห้าม” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่ในช่วงบ่ายของวันนี้ ก่อนเสนอบอร์ดพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไป

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.00 น.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือเชิญนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าพบด่วน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ พร้อมข้อกล่าวหา เหตุของการสืบสวน ก่อนยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ซึ่งในวันนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต. นัดประชุม กรณีมีผู้ยื่นร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณา และส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล มีชื่อถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และมาตรา 101 (6) หรือไม่

โดยคณะกรรมการมีการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่าง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาในต้นสัปดาห์นี้ ตามวาระการประชุมปกติ ของ กกต.ซึ่งจะมีประชุมทุกวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์ คือวันที่ 10-11 กรกฎาคม 2566

หลังจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ พรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือด่วนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อคัดค้านการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนตามระเบียบที่กกต.ระบุไว้เอง และมีการเร่งรัดเกินกว่าเหตุจนน่าสงสัยในเจตนาของ กกต. ว่ากระทำโดยความเป็นกลางหรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวว่า ตามระเบียบของ กกต. เมื่อมีการร้องเรียนผู้สมัครคนใดเกี่ยวกับการกระทำ หรือ การขาดคุณสมบัติ คณะกรมการต้องไต่สวน สืบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง จากนั้นให้แจ้งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ถูกร้องทราบ และให้ผู้ถูกร้องเข้าไปชี้แจง จากนั้นจึงดำเนินการต่อไปในการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

แต่ในกรณีนี้ เมื่อมีการไต่สวนรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว ยังไม่มีการแจ้งข้อเท็จจริงให้นายพิธาทราบ และยังไม่มีการเรียกเจ้าตัวไปชี้แจงด้วย แต่กลับจะมีการเร่งรัดส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับ กกต. กำลังทำผิดระเบียบของตนเองอยู่

“ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ อีกเพียง 4 วัน ก็จะถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี การที่อยู่ ๆ กกต. จะเร่งรัด ทำข้ามขั้นตอน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทันที อาจทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่าองค์กรอิสระทำหน้าที่อย่างไม่เป็นกลาง มีเป้าประสงค์ทางการเมืองหรือไม่ ผมเชื่อว่าประชาชนเฝ้ารอการโหวตนายกรัฐมนตรีกันทั้งประเทศ จึงไม่ควรมีการกระทำใดๆ ที่จะขัดขวางการตั้งรัฐบาลตามครรลองประชาธิปไตย” นายชัยธวัช กล่าว