ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เลือกตั้งอย่างรับผิดชอบ 2566 > “วราวุธ ศิลปอาชา” เปลี่ยน ”ชาติไทยพัฒนา” พรรคคนรุ่นใหม่ที่อยู่ตรงกลาง-WOW Thailand คุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน

“วราวุธ ศิลปอาชา” เปลี่ยน ”ชาติไทยพัฒนา” พรรคคนรุ่นใหม่ที่อยู่ตรงกลาง-WOW Thailand คุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน

12 พฤษภาคม 2023


“วราวุธ ศิลปอาชา “ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดที่มาแนวคิด “WOW Thailand…ว้าว ไทยแลนด์” จากประชานิยม สู่ความยั่งยืน เปลี่ยนชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่มีจุดยืนเป็นกลาง

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อาจจะเป็นหัวหน้าพรรคเพียงพรรคเดียวในขณะนี้ ที่ติดสัญลักษณ์ SDGs 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals — SDGs) ของสหประชาชาติ

หลังจากการเปิดตัวแคมเปญหาเสียง WOW Thailand “ว้าว ไทยแลนด์” ที่มาจาก “Wealth Opportunity and Welfare For All” หรือ “การสร้างความมั่งคั่ง สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อประชาชน”

พรรคชาติไทยพัฒนาก็เปลี่ยนสถานะจากเดิมที่มีฐานคะแนนจากตลาดล่าง ขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองที่เจาะฐานคะแนนเสียงในตลาดบน และโดยเฉพาะนโยบายที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่ประเทศที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Country for all Gens

นายวราวุธไม่อยากบอกว่าเป็นนักอนุรักษ์ หรือสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม เพียงแค่ไม่ชอบหากมีใครทิ้งขยะไม่ถูกที่ถูกทาง แต่ความสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมาจากการทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลอด 4 ปีทำให้เรียนรู้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในไทยและต่างประเทศ

“โดยนิสัยส่วนตัวของผม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผมจะรักในงานที่ผมทำ ให้ความสำคัญใส่ใจกับมัน ทำให้ตอนนี้ผมเข้าใจงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ในทุกมุม และผมตอบได้ในทุกเรื่อง และด้วยนิสัยแบบนี้ทำให้ผมไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ทำงาน ผมเชื่อว่าผมทำให้องค์กรใดก็แล้วแต่ เป็นองค์กรนั้นแอคทีฟได้”

4 ปีของการทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้ “วราวุธ” มั่นใจว่า การทำงานทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ หากหัวหรือรัฐมนตรีขยันและใส่ใจ ทุกอย่างจะขับเคลื่อนได้ ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นโชคดีที่ได้ทำงานที่กระทรวงทรัพยากรฯ และเรื่องปัญหาโลกร้อนเป็นเมกะเทรนด์โลกที่กำลังมาพอดี

การประกาศนโยบายที่เน้นการสร้างความยั่งยืนมากกว่าการแจกแบบประชานิยมแบบเดิมตามเป้าหมาย SDGs 17 เป้าหมายของสหประชาชาติ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศและกับโลกจึงเป็นเรื่อง ว้าว !

“ตอนแรกผมก็คิดว่านโยบายผมว้าวแล้ว แต่พอเห็นพรรคการเมืองประกาศลดแหลกแจกแถมก็เริ่มคิดว่าอาจจะไม่ใช่ แต่ในระยะยาว ผมคิดว่าเรื่องนี้สร้างความยั่งยืนต่อไปให้ลูกหลานได้ ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งทุกครั้งก็มาแจกกันเหมือนเดิม เราต้องเดินไปข้างหน้า ผมมองว่าประเทศไทย ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีคิด ไม่เปลี่ยนวิธีทำการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ก็จะเหมือนเดิม”

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทำไมแก้ PM2.5 ไม่ได้

นายวราวุธบอกว่า “ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ยังแก้ไขไม่ได้ บางคนอาจจะบอกว่าเพราะผมทำงานล้มเหลว ซึ่งส่วนหนึ่งยอมรับว่าใช่ แต่เรื่องฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้สามารถแก้ไขจากหน่วยงานเดียวหรือคนเดียวได้ มาตรการในการแก้ไขทั้งหมด กระทรวงทรัพยากรฯ มีมาตรการเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่พี่น้องประชาชนต้องมาร่วมมือกัน และต้องเข้าใจว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมกระทบทุกคน”

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน่วยงานที่ปล่อยฝุ่น PM2.5 แต่ถามว่าฝุ่นมาจากไหน รถยนต์ที่วิ่งบถนน และโรงงานต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอีกหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงคมนาคม ที่ดูแลเรื่องรถยนต์ แม้ปีหน้ากฎหมายบังคับให้ค่ายรถยนต์ผลิตรถยูโร 5 แต่รถบนนถนนของเรายังเป็นยูโร 2 และมีรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือปัจจัยทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 และยังรวมไปถึงปัญหาฝุ่นข้ามแดนจากเมียนมา ลาว ที่ปลูกข้าวโพดแล้วเผาไร่ข้าวโพด ฝุ่นลอยเข้ามาในประทศไทย

“ปัญหาฝุ่นข้ามแดนที่เกิดขึ้นในประทศไทยไม่ต่างจาก สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ซึ่งสิงคโปร์มักจะบอกว่าอินโดฯ เผาปาล์มน้ำมันฝุ่นเข้ามาที่สิงคโปร์ แต่อินโดฯ ก็บอกว่าบริษัทที่เข้ามาลงทุนทำปาล์มส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ จนที่สุดรัฐบาลสิงคโปร์ออกกฎหมายควบคุมบริษัทที่ไปทำกิจการกับประเทศอื่นแล้วสร้างความเดือดร้อนให้คนสิงคโปร์ จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งในประเทศไทยก็ต้องทำแบบนั้น”

นายวราวุธบอกว่า หากเขาได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าบริษัทเกษตรในประเทศไทยไปทำอะไรในเมียนมา ลาว แล้วมีปัญหาสิ่งแวดล้อมกระทบมายังประเทศไทยก็จะดำเนินการเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาทั้งหมด หมายถึงประชาชนต้องให้ความร่วมือด้วย

“ผมว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมแก้ไขยากที่สุด เพราะว่าการแก้ไขกระทบทุกคน ประชาชนต้องร่วมมือเปลี่ยนวิธีคิด เช่น ถ้าตอนนี้หาเสียงเลือกตั้งผมออกมาตรการห้ามชาวนาเผาตอซังข้าว ผมเสียคะแนนในการเลือกตั้งแน่นอน เช่นเดียวกับตอนที่ผมมีมาตรการยกเลิกถุงพลาสติก ทุกคนดรามาบอกว่าผมเข้าข้างนายทุน ช่วยเขาประหยัดค่าถุง แต่ทำไมไม่เปลี่ยนวิธีคิดว่า คนไทยทั้งประเทศจะไม่ซื้อถุงพลาสติกจากนายทุน แต่จะเอาถุงผ้าไปใส่เอง จนนายทุนที่ผลิตถุงพลสติกออกมาขายต้องขาดทุน ผมอยากให้ทุกคนคิดในมุมกลับบ้าง ถ้าประชาชนยังมีวิธีคิดเหมือนเดิม จะอีกกี่เลือกตั้ง หรือจะมีนายกรัฐมนตรีอีกกี่คน การแก้ไขปัญหา PM2.5 คงไม่สำเร็จ”

ปัญหาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือว่าได้รับผลกระทบในเชิงบวก ทำให้อุทยานแห่งชาติกว่า 155 แห่งต้องปิดลงแบบที่ไม่เคยปิดมาก่อน นอกจากอุทยานแห่งชาติบางแห่งต้องปิดตามฤดูกาล ซึ่งผลพวงจากการปิดอุทยานฯ ทำให้ธรรมชาติเริ่มฟื้นฟูตัวเอง โดยหลายแห่งความสวยงามเริ่มกลับมา เช่น อ่าวมาหยา มีฉลามหูดำกลับมาว่ายน้ำให้เห็น หาดทรายที่สวยงามก็กลับมาอีกครั้ง

“ผมดีใจที่ผู้สื่อข่าวให้ฉายาผมว่าปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เพราะมันทำให้ธรรมชาติกลับมาในช่วงโควิด-19 ซึ่งหลังจากนั้น ผมได้ออกระเบียบควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวในอุทยานฯ เพื่อยังคงการดูแลธรรมชาติเอาไว้ และขอร้องข้าราชการว่า หลังจากที่ผมไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง หากใครคิดจะมาเปลี่ยนระเบียบช่วยผมคัดค้านหน่อย เพื่อให้สามารถรักษาธรรมชาติเอาได้”

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

เกษตรรุ่นใหม่ขายคาร์บอนเครดิตเป็นทางรอด

นโยบายพรรคชาติไทยพัฒนาปรับเปลี่ยนมากขึ้น ไม่แจก ไม่ประชานิยม เหมือนการเมืองทั่วไป แต่ปรับเป็นทางรอดที่ยั่งยืนมากขึ้น “วราวุธ” บอกว่า นโยบายเรื่องของเกษตรรุ่นใหม่ขายคาร์บอนเครดิต ถามว่าชาวบ้านจะเข้าใจมั้ย ชาวบ้านไม่เข้าใจหรอกเพราะว่าเป็นเรื่องยาก แต่ผมจะพูดไปเรื่อยๆ และจะไม่เดินออกจากเส้นทางนี้ เพราะมันคือความยั่งยืนของประเทศไทย ไม่ใช่ทางเลือก มันคือทางรอดที่จะต้องทำ

สิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะทำคือ การผลักดันการพัฒนาเกษตรกรสมัยใหม่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ที่เหมาะสมต่อฤดูกาลและสภาพภูมิประเทศ ส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืน เพื่อสามารถขายคาร์บอนเครดิตให้กับบริษัทเอกชนและภาครัฐ ในการสร้างแต้มต่อคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศไทย เพื่อป้องกันกำแพงภาษีด้านสิ่งแวดล้อมจากนานาชาติ

นอกจากนี้ จะเปลี่ยนวิธีการทำนา เพราะเชื่อว่าอีกไม่เกิน 5 ปี ชาวนาจะถูกกดดันจากต่างประเทศ ในเรื่องมาตรการลดโลกร้อน มาตรการทางภาษีเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพรินต์ ถ้าชาวนาไม่เปลี่ยนอาจจะกระทบต่อตลาดข้าวแน่นอน

“พรรคชาติไทยพัฒนาจะให้เงินทุนชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เพื่อเปลี่ยนวิธีการทำนาจากเดิมที่เป็นนาเปียกปล่อยมีเทน ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน เปลี่ยนมาเป็นที่นาเปียกสลับแห้ง ที่ปล่อยมีเทนน้อยกว่า และได้ผลผลิตต่อไร่ดีกว่า”

นายวราวุธบอกว่า ไทยต้องเป็นศูนย์กลางตลาดค้าขายคาร์บอนเครดิตแห่งเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศและเกษตกร จากตัวเลขการประเมิน เพื่อแสดงตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจน ข้าว 1 แปลง อาจจะแปลงเป็นคาร์บอนเครดิตได้ 500 บาทต่อปี ประเทศไทยมีราวๆ 60 ล้านไร่ ในปัจจุบันอาจจะแปลงเป็นคาร์บอนเครดิตได้ 30,000 ล้านต่อปี แต่ถ้าหากมีการวัดที่ชัดเจนแม่นยำขึ้น รายได้จากคาร์บอนเครดิตอาจจะไปถึง 100,000 ล้านต่อปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ประชาชนจะได้ หากมุ่งมั่นเรื่องคาร์บอนเครดิต

ส่วนมาตรฐานการตรวจสอบรับรองคาร์บอนเครดิต พรรคชาติไทยพัฒนาจะพัฒนาระบบการตรวจสอบรับรองให้อยู่ในมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ โดยมี flux tower ซึ่งมีลักษณะเป็นหอคอย จำนวน 800-1,000 ต้น ใช้งบประมาณ 7 พันล้านบาท วัดการปล่อยคาร์บอนในแต่ละกิจกรรมได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกษตรกรสามารถขายคาร์บอนสร้างรายได้มากขึ้น

“การขายคาร์บอนเครดิตของชาวนา ไม่ใช่เรื่องฝัน ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกล เพราะมีตัวอย่างที่ทำได้จริง ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เราทดลอง 6 จังหวัด สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา ที่ขายคาร์บอนเครดิตได้แล้วและเราเชื่อว่าจะขยายการซื้อขายกับชาวนาอีก 21 จังหวัดทั่วประเทศ”

สร้างบาดาลขนาดใหญ่ทุกตำบล

นายวราวุธบอกว่า การเลือกตั้ง 2566 พรรคชาติไทยพัฒนาอยู่ในสถานะใหม่ เพราะก่อนหน้านี้พรรคฯ เจาะตลาดล่างอย่างเดียว แต่พยายามหาช่องขึ้นตลาดบน แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ตลาดบนเห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคชาติพัฒนาเสนอ ซึ่งตลาดล่างอาจจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พรรคเสนอ แต่ยืนยันว่าสิ่งที่พูดมันเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ คือเป็นเรื่องที่ต้องทำ

“ผมทำงานกระทรวงทรัพยากรฯ ผมรู้สึกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำบาดาล เรามาพลิกโฉมกรมน้ำบาดาล จากเดิมที่ขุดบ่อบาดาลเพียงบ่อเดียว แต่ตอนนี้สามารถขุดบ่อบาดาลได้ครั้งละ 5-6 บ่อ และสามารถเจาะได้ลึกถึง 1,000 เมตรทำให้ได้ปริมาณน้ำจำนวนมาก ส่งไปเก็บที่แทงก์น้ำขนาดใหญ่ขนาด 120 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำได้ครั้งละ 2-3 หมู่บ้าน ทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคได้”

แจกพันธุ์ข้าว 60 ล้านไร่

ถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีแจกหรือไม่ นายวราวุธบอกว่า มีแจกเหมือนพรรคอื่นเช่นกัน แต่เป็นการแจกพันธุ์ข้าวฟรีพร้อมแถมเงินให้ ไร่ละ 1,000 บาท เพื่อช่วยเกษตรกรเปลี่ยนวิธีการทำนา

นอกจากนี้ ยังจะขยายเขตไฟฟ้าทั่วประเทศ เพื่อช่วยต้นทุนค่าไฟฟ้าภาคเกษตรลดลงเหลือ 2 บาทต่อหน่วย

ส่วนเรื่องสวัสดิการเรื่องสุขภาพ จะเน้นการป้องกันมากกว่าการไปรักษา “สุขภาพดีมีเงินคืนหาก รักษาสุขภาพดีจะมีคืนเงินให้ 3,000 บาท เพื่อจูงใจคนหันกลับมาดูแลตัวเอง”

ขณะที่การดูแลผู้สูงอายุ จะเพิ่มในเรื่องของการจ้างงานผู้สูงอายุ เพราะว่าการจ้างงานนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุเองแล้ว ยังลดภาระค่ารักษาพยาบาล ทำให้ผู้สูงอายุมีศักดิ์ศรี มีสุขภาพร่างกายที่ดี โดยจะตั้งศูนย์ที่เรียกว่าปราชญ์ชาวบ้าน นำเอาความรู้ประสบการณ์ของผู้สูงอายุมาใช้ เพื่อให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้เรียนรู้

“ผมเชื่อว่าทุกคนทำงานรวมทั้งผู้สูงอายุ และสามารถสร้าง productivity ผมจึงไม่เชื่อในประชานิยม ผมอยากทำให้เกิดความยั่งยืนในแนวนโยบาย จะเอาเงินออกไม่ว่า แต่เราจะต้องได้เงินเข้า ไม่แจกแล้ว จบไปแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันถึงเวลาทำงานที่ไม่ใช่การแจกอย่างเดียวแล้ว”

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

ชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่จุดยืนเป็นกลาง

การเปลี่ยนแนวคิดในการทำนโยบายให้มีความยั่งยืนมากกว่าการแจกแบบประชานิยม เป็นที่มาของ นโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” (WOW Thailand) ซึ่งมาจาก W = Wealth ความมั่งคั่ง O = Opportunity โอกาส W = Welfare for All คุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน

แนวคิดการจัดทำนโยบาย นายวราวุธบอกว่า ผ่านความเห็นชอบของผู้ใหญ่ในพรรคที่คุ้นเคยกับการเมืองแบบเก่า และวิธีการทำงานแบบนายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งส่วนใหญ่นายบรรหารจะเป็นคนเลือก และตัดสินใจ

เมื่อมาถึงยุครุ่นลูก อย่าง “วราวุธ” วิธีการทำงานเปลี่ยนแปลงไป ทุกช่วงอายุ คนทุกรุ่นในพรรคมาระดมความคิดเห็นร่วมกัน จนกลายมาเป็นนโยบายที่ทุกคนเห็นร่วมกัน

“ผมบอกเลยว่านโยบายว้าว ไทยแลนด์ คืออะไร จะดูแลกันอย่างไร เราทำให้ประเทศไทยเดินทางไปข้างหน้าอย่างไร ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นด้วยและผู้ใหญ่บางท่านที่เห็นผมตั้งแต่เด็กเดินมาบอกผมว่า วันนี้ผมเรียกหัวหน้าท็อปได้เต็มปากแล้ว วันนี้ผมให้คำมั่นกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคฯ ผมเป็นหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีไหนไม่ทำให้ขายหน้า ไม่แพ้ใคร ไม่ได้อวดว่าเก่งกว่าเขา แต่อย่างน้อยไปวัดไปวาได้ และผมจะไม่ทำให้ใครมาบอกว่าสมัยพ่อทำได้ดี แต่มาพังในสมัยลูกแน่นอน”

นายวราวุธยอมรับว่า บารมีและประสบการณ์ทางการเมืองเทียบกับนายบรรหารไม่ได้ แต่เขาคิดว่าจะสร้างสิ่งที่ยั่งยืนต่อจากพ่อได้ โดยจะสานงานต่อกับคนรุ่นใหม่ เป็นพรรคชาติไทยพัฒนาที่เสนอตัวเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ที่มีจุดยืนอยู่ตรงกลาง สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีจุดยืนทางการเมืองเป็นซ้ายหรือขวา พรรคชาติไทยพัฒนาจึงขอเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ตรงกลาง

ส่วนการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายวราวุธบอกว่า…

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือกตั้งเพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีที่เชื่อมต่อกับโลกได้ ต้องเป็นนายกฯ ของประเทศไทยที่โลกกำลังรอคอย สามารถนำเอาประเทศไทยไปเชื่อมกับโลกให้เห็นว่าประเทศไทยทำอะไรให้กับโลก

“นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ใช่แค่นายกฯ ของคนไทย ต้องเป็นนายกฯ ของคนไทยที่โลกกำลังรอคอย และจะทำอะไรให้โลกมาช่วยสนับสนุนคนไทยด้วย”