ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เลือกตั้งอย่างรับผิดชอบ 2566 > 16 นโยบายพรรคพลังประชารัฐ “สานต่อบัตรคนจน-แก้ปัญหาปากท้อง”

16 นโยบายพรรคพลังประชารัฐ “สานต่อบัตรคนจน-แก้ปัญหาปากท้อง”

12 พฤษภาคม 2023


พรรคพลังประชารัฐระดมทีมเศรษฐกิจ ชู 16 นโยบายแก้ปัญหาปากท้อง เพิ่มเงินบัตรประชารัฐ 700 บาท ตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ

ใกล้โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งปี 2566 พรรคพลังประชารัฐซึ่งถือเป็นพรรคขั้วรัฐบาลเก่า ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สำหรับ “ฝั่งอนุรักษนิยม” หรือฝั่งรัฐบาลเดิม ปัจจุบันกระแสยังตกเป็นรองฝั่งประชาธิปไตย

สกลธี ภัททิยกุล ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนกระแสสลับขั้ว ฝ่ายรัฐบาลเดิมตกเป็นรองในหลายพื้นที่ ทำให้การหาเสียงในครั้งนี้ค่อนข้างยากในการดึงคะแนนนิยม

แต่เขาเชื่อว่าจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้งของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ น่าจะพอดึงคะแนนนิยมกลับมาได้บ้าง ขณะที่จุดแข็งของพรรคที่มีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ, นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะสามารถสร้างจุดแข็งในการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้

“จุดเด่นของพรรคน่าจะเป็นทีมเศรษฐกิจ ซึ่งรวบรวมความหลากหลายอดีตรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นคุณมิ่งขวัญ คุณสนธิรัตน์ อาจารย์อุตตม อาจารย์คณิต น่าจะตอบโจทย์การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ดีที่สุด”

สานต่อ “บัตรประชารัฐ” 700 บาท

การแก้ปัญหาปากท้อง และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือเป็นโจทย์หลักของนโยบายพรรคพลังประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้ สกลธีบอกว่าจะแก้ไขเรื่องปากท้องประชาชนเป็นหลัก ทำให้นโยบายต่างๆ ที่ออกมาจะเน้นการสานต่อนโยบายเดิม ที่มุ่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางยากจน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า

ที่ผ่านมา มาตรการบัตรประชารัฐถือว่ามีประโยชน์ และประชาชนจำนวนมากชื่นชอบ ทำให้พรรคพลังประชารัฐสานต่อนโยบายนี้ แต่เพิ่มจำนวนเงินจาก 300 บาทเป็น 700 บาท นอกจากนี้ ยังเพิ่มเงื่อนไขพิเศษเรื่องประกันชีวิตให้ หากเสียชีวิตจ่าย 2 แสนบาท

ไม่เพียงประกันชีวิต ยังเพิ่มในเรื่องของการกู้เพื่อประกอบอาชีพ โดยได้หารือกับธนาคารออมสินและธนาคารของรัฐให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องนี้ โดยมีกรอบเงินกู้ 50,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ยื่นขอกู้ต้องผ่านการอบรมอาชีพเพื่อการประกอบอาชีพอย่างจริงจัง

“เราช่วยผู้มีรายได้น้อยในเรื่องค่าครองชีพ 700 บาท และมีเรื่องของประกันชีวิตพร้อมทั้งการกู้เพื่อประกอบอาชีพได้ อันนี้ถือว่าครบวงจร”

สวัสดิการผู้สูงอายุ เกิน 80 ปี รับ 5,000 บาท

ส่วนอีกนโยบายคือ สวัสดิการของผู้สูงอายุ จากเดิมที่รับเบี้ยชรา ประมาณ 700-800 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ ขณะที่สังคมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบแล้วมีผู้สูงอายุจำนวนมากกว่าสิบล้านคน จึงเห็นว่าการดูแลผู้สูงแบบขั้นบันได โดยผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปรับไปเลย 3,000 บาท, 70 ปี รับ 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป รับ 5,000 บาท

พรรคพลังประชารัฐมองว่า การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนฐานรากให้อยู่ดีกินดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พรรคต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเปราะบาง และช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่

นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ

กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทเพื่อดำเนินการ 7 เรื่อง คือ

1. ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ โดยต้องดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง

2. ยกเครื่องอุตสาหกรรมเดิม สร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจ BCG

3. เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เร่งรัดการพัฒนากิจกรรมทั้งเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อีอีซี ให้สมบูรณ์โดยเร็ว

4. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสินค้าและการคมนาคมของประชาชน ทั้งถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการเร่งยกระดับโครงข่ายดิจิทัล การเร่งรัดพัฒนาเครือข่าย 5G นำประเทศไทยก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (digital economy) อย่างเต็มรูปแบบ

5. พัฒนาแรงงานรองรับระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยสนับสนุนคนไทยพัฒนาและยกระดับทักษะ รวมถึงสนับสนุนงบประมาณแก่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

6. ปฏิรูปรัฐราชการ โดยแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของคนไทย พร้อมสร้างระบบ one-stop service เพื่อลดต้นทุนและความยุ่งยากในการติดต่องานภาครัฐและสถาบันการเงิน ปฏิรูประบบงบประมาณ และกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น

7. ต่อต้านคอร์รัปชันเต็มรูปแบบ โดยยกเลิกปรับเปลี่ยนระเบียบวิธีราชการ การขออนุญาต และการประมูลภาครัฐให้โปร่งใส ลดการใช้ดุลพินิจเพื่อความเป็นธรรม

นายสกลธีบอกว่า กองทุนประชารัฐถือว่ามีประโยชน์กับคนท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีประสบการณ์ในการทำหน้าที่เป็นรองผู้ว่าราชการ กทม .ทำให้พบว่า กทม. ไม่สามารถดูแลเมืองให้ดีเพราะงบประมาณมีจำกัด แต่หากมีกองทุนประชารัฐ จะช่วยเรื่องงบประมาณของท้องถิ่นให้สามารถนำมาพัฒนาได้

น้ำมัน-แก๊ส ราคาเป็นธรรมเพื่อประชาชน

ส่วนนโยบายพลังงาน นายสกลธีบอกว่า จากการลงพื้นที่ เสียงตอบรับของประชาชนดีมากในเรื่องนี้ โดยพรรคพลังประชารัฐ มีแนวคิดจะปรับโครงสร้างลดราคาน้ำมัน เพื่อชูเป็นนโยบายที่ชื่อว่า “น้ำมันประชาชน” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยหากสามารถปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ได้ จะลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลงมาถึงลิตรละ 18 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ 6 บาท

“ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ลดทันทีถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล โดยเราจะไม่ใช้เงินรัฐบาลเลย เพียงแต่จะงดส่งเงินเข้ากองทุนพลังงาน และเข้าไปปรับโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ ทำให้ราคาพลังงานถูกลงได้ทันที”

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

สวัสดิการสาธารณสุข ส่งเสริมการดูแลสุขภาพ

ส่วนเรื่องของสวัสดิการด้านสาธารณสุข นายสกลธีเห็นว่า ไม่เจ็บป่วยดีที่สุด โดยเข้าไปแก้ไขที่ต้นเหตุ มีนโยบายสะสมแต้มในการออกกำลังกาย เช่น หากประชาชนสะสมแต้มการเดินวันละ 5,000 ก้าวสามารถนำมาแลกของใช้ได้ เพื่อส่งเสริมให้คนออกกำลังกาย

“วันไหนที่คุณเดินถึง 5,000 ก้าว คุณสามารถเอาแต้มไปแลกของได้ ซึ่งมาตรการนี้ช่วยให้คนออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งเราอาจจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อทำในเรื่องนี้ได้

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังมี “สวัสดิการประชารัฐ จากครรภ์มารดา” โดยจะเข้าไปดูแลทารกตั้งแต่ในครรภ์ ด้วยมารดาประชารัฐ ฝากครรภ์ จนคลอด แบ่งตามช่วยวัยดังนี้

อายุ 0-6 ปี จะได้รับการดูแลโภชนาการอาหารครบถ้วน ตามพัฒนาการของวัย เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

อายุ 7-18 ปี จะได้รับสวัสดิการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ และจัดสรรโครงการอาหารกลางวันฟรี

อายุ 18-40 ปี จะมีสวัสดิการคุ้มครองแรงงานทั้งใน-นอกระบบ และสวัสดิการเรียนรู้ทักษะเพื่อประกอบอาชีพ

นโยบาย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ”

ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “ดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” ซึ่งเป็นอีก 1 นโยบายที่ต้องการดูแลสตรีทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 34 ล้านคน มากกว่าเพศชาย โดยได้วางนโยบายเข้าไปดูแลสตรีขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 และในเดือนที่ 9 ที่คลอดบุตรออกมา จะสนับสนุนเงินให้เดือนละ 10,000 บาท 5 เดือน เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน จนถึง 9 เดือน นอกจากนี้ จะช่วยเหลือเงินค่าเลี้ยงบุตร 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี

ส่วนเรื่องสวัสดิการด้านการศึกษา พรรคพลังประชารัฐ ชูนโยบายเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี และกำลังพิจารณาให้มีโรงเรียนใกล้บ้านจะต้องไม่ให้เด็กเดินทางไกล แต่สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กอาจจะมีการควบรวมเพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพขึ้น แต่ต้องพัฒนาระบบขนส่งรับ-ส่งเด็กให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ สะดวกสบายปลอดภัยมากขึ้น

ดันสร้างรถไฟฟ้ากระจายในพื้นที่ทั่วประเทศ

นายสกลธีบอกว่า ในส่วนพื้นที่ภาคอีสานจะผลักดันโครงการขนาดใหญ่ เช่น การสร้างรถไฟฟ้าจากกาฬสินธุ์เชื่อมภาคตะวันออก และจะทำนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติม โดยจะทำลักษณะเดียวกับพื้นที่ EEC ในภาคตะวันออก

ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะผลักดันให้เกิดรถไฟฟ้าสายสีเทา ในช่วงถนนเส้นเลียบทางด่วนเพราะปัจจุบันไม่มีรถเมล์เลย นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก 2-3 เส้นทางในพื้นที่ กทม.

“ผมคาดการณ์ว่าจะมีรถไฟฟ้าอีก 2-3 สาย เช่น สายสีเทา วัชรพล-ทองหล่อ สายสีเงิน สุวรรณภูมิ-บางนา แล้วก็สายสีเขียววิ่งเข้าสุวรรณภูมิอีกเส้นหนึ่ง นอกจากนี้จะพัฒนาให้มีรถเมล์ EV วิ่งรับคนไปยังรถไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้จะผลักดันสร้างรถไฟฟ้าในพื้นที่หัวเมือง เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่”

นโยบายบริหารจัดการน้ำ-ที่ดินทำกิน

นโยบาย “มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” และ “มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” โดยนโยบายการบริหารจัดการน้ำ มีทั้งเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน การกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำ ส่วนเรื่องที่ดิน ให้ประชาชนมีที่ดินเป็นของตนเอง และเข้าไปใช้ทำกินได้ เพื่อมีความเป็นอยู่ที่ดี

ส่วนนโยบายประชานิยม นายสกลธีมองว่า การช่วยเหลือประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง คนที่เดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ ไม่ใช่แจกทุกคน แต่การแจกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพัฒนาทักษะเพื่อให้เขาประกอบอาชีพได้ เช่น การฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้เขาสร้างรายได้ของตัวเองได้อย่างยั่งยืน