shareholder activist กับการขับเคลื่อน ESG เป็นหนึ่งในชุดบทความที่นำเสนอภายใต้ซีรีส์ สร้างสังคมฉุกคิดด้วย…ESG เพื่อแสดงให้เห็นถึง “พลัง” ในการเป็นผู้ถือหุ้น ผลักดันให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้
ในสหรัฐฯหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(U.S. Securities and Exchange Commission) แก้ไขหลักเกณฑ์การยื่นข้อเสนอหรือมติของผู้ถือหุ้น[1]เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีให้ครอบคลุมข้อเสนอหลายประเภทมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ก็ส่งผลให้จำนวนข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่ยื่นเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นสูงขึ้น เพราะทำให้บริษัทสกัดข้อเสนอของผู้ถือหุ้นในประเด็นสิ่งแวดล้อม การลาพักของพนักงานและประเด็นสังคมอื่นได้ยากขึ้น
ข้อเสนอผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ในปี 2022 เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยมีจำนวนถึง 567 ข้อเสนอ[2] เพิ่มขึ้นจาก 499 ในปี 2021 จากข้อมูลของ As You Sow และ the Sustainable Investments Institute
ข้อเสนอในประเด็นสิ่งแวดล้อมนั้นก็มีประเด็นย่อยหลายประเด็นเช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขยะพลาสติก การใช้สารเคมี ส่วนประเด็นทางสังคมได้แก่ ผลตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร ความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงาน สภาพการทำงาน ความหลากหลายของพนักงาน และด้านบรรษัทภิบาล ก็คือ ต้องกรกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างยั่งยืน
แต่ที่น่าสนใจคือในปีนี้มีข้อเสนอที่สะท้อนแง่มุมใหม่ๆเข้าสู่ประชุมผู้ถือหุ้น[3] เช่นในประเด็นสุขภาพ Oxfam America ได้ขอให้ Moderna และ Pfizer แบ่งปันทรัพย์สินทางปัญญาและความรู้ทางวิชาการเพื่อขยายการเข้าถึงวัคซีนและการรักษาโควิด-19 ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ขณะที่ The Shareholder Commons ชี้ว่าค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของการไม่แบ่งปันความรู้จะส่งผลเสียต่อนักลงทุนระยะยาวและต้องการรายงานจาก Johnson & Johnson และ Pfizer นอกจากนี้ สมาชิกของ Interfaith Center on Corporate Responsibility ยังขอให้บริษัทยา 5 แห่งรายงานความเสี่ยงของพฤติกรรมผูกขาด
อีกหนึ่งประเด็นใหม่ก็มาจากข้อเสนอของ Harrington Investments ที่ยื่นขอให้ PepsiCo,Inc. รายงานการใช้จ่ายนอกสหรัฐฯที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง การล้อบบี้ และการกุศล
ต้นทุนสุขภาพความเสี่ยงที่ย้อนมากระทบผลตอบแทนผู้ถือหุ้น
ด้าน The Shareholder Commons นอกจากยื่นข้อเสนอต่อ Johnson & Johnson และ Pfizer แล้วในวันที่ 24 มีนาคม 2022 ยังยื่นข้อเสนอไปยัง Pepsico [4]เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญทางการเงินของบริษัทที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ตลาดทุน และย้อนกลับที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวของนักลงทุน
ในหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น Pepsico, Inc. มีรายละเอียดข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่นำเข้าสู่การพิจารณาของผู้ถือหุ้น โดยข้อเสนอของ The Shareholder Commons จัดไว้เป็นข้อเสนอที่ 6(Proxy Item No. 6)[5] ในหัวข้อรายงานต้นทุนสุขภาพจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของบริษัท( Report on public-health costs of food and beverages products)
The Shareholder Commons ยื่นข้อเสนอในนามของ John Bishop Montgomery Trust ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นสามัญ PepsiCo มูลค่าอย่างน้อย 2,000 ดอลลาร์
โดยผู้ถือหุ้นขอให้คณะกรรมการดำเนินการและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ (1) ความเชื่อมโยงระหว่างค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกิดจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ PepsiCo และการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงขององค์กรของ PepsiCo และ (2) ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะส่งผลต่อผลตอบแทนของตลาดต่อผู้ถือหุ้นที่กระจายการลงทุนอย่างไรบ้าง
ผู้ถือหุ้นให้ข้อมูลประกอบการยื่นข้อเสนอว่า PepsiCo ได้ระบุไว้ว่า บริษัท “ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและดีต่อโลกได้ง่ายขึ้น” แต่อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพซึ่งคิดเป็น 79% ของผลิตภัณฑ์ PepsiCo ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคอ้วนที่กระจายไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการแนะนำผู้ถือหุ้นให้ลงคะแนนค้านข้อเสนอนี้
ในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2022 เฟรเดอริก อเล็กซานเดอร์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง The Shareholder Commons ในฐานะตัวแทน John Bishop Montgomery Trust แถลงต่อที่ประชุม[6]ว่า ผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจแต่ละรายไม่จำเป็นต้องเป็นผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นที่กระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อผลกำไรของบริษัทมาจากผลกระทบจากภายนอกของต้นทุนบางด้าน
ข้อเสนอของเรา ต้องการชี้ไปที่รายงานล่าสุดของ McKinsey ที่พบว่า โรคอ้วนในปัจจุบันมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกไม่ต่างจาก ความรุนแรงของการใช้อาวุธ สงคราม และการก่อการร้าย และน้อยการสูบบุหรี่เล็กน้อย ทั้งสามประเด็นนี้อยู่ห่างไกลและห่างไกลจากพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่ที่สุดซึ่งขับเคลื่อนโดยพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้น ข้อเสนอของเรา ขอให้บริษัทรายงานค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกิดจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของบริษัท และผลของค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นที่กระจายความเสี่ยง ซึ่งอาศัยผลตอบแทนจากตลาดโดยรวมมาเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนของพวกเขา
โดยสรุป เรากังวลว่าผลิตภัณฑ์ที่บริษัททำการตลาดและจำหน่ายกระทบ GDP ราว 3% จากการประเมินโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งผลการกระทบ 3% ต่อ GDP นี้เกิดจากวิกฤติโรคอ้วน และกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของผู้ถือหุ้นที่หลากหลายของ PepsiCo
นอกจากนี้ Global Index 2021 ที่จัดทำโดย Access to Nutrition Foundation ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรพบว่า มีเพียง 21% ของยอดขายทั่วโลกของ PepsiCo ที่มาจากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีเพียง 6% ของยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตลาดเด็ก ตั้งแต่ปี 2018 ถึงปี 2021 ข้อมูลทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ที่มูลนิธิประเมินไม่ดีขึ้น และจากการประเมิน 25 บริษัท PepsiCo อยู่ในอันดับที่ 18 ในด้านผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ
โดยรวมแล้ว บริษัทได้คะแนน 4.5 จากคะแนนเต็ม 10 เห็นได้ชัดว่า บริษัทยังสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้มากขึ้น และชัดเจน จากสิ่งที่เราได้เห็นจากฐานะทางการเงินของบริษัท คือ เลือกที่จะแลกการที่มีส่วนร่วมในวิกฤติโรคอ้วนกับการยกระดับความสามารถในการทำกำไร ซึ่งเป็นการเลือกที่ไม่ดีสำหรับผู้ถือหุ้น และจะเป็นผลประโยชน์สำหรับผู้ถือหุ้น หากบริษัทปรับปรุง ด้วยการเตรียมรายงานว่าพิจารณาการเลือกอย่างไร ความสูญเสียจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤติโรคอ้วนคุกคามพอร์ตการลงทุนที่กระจายของผู้ถือหุ้นของบริษัท
ผู้ถือหุ้นบางรายเห็นด้วยแต่ไม่ผ่านที่ประชุม
สำหรับผลการลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นนั้นปรากฎว่า ข้อเสนอของ The Shareholder Commons ได้คะแนนเพียง 13.74% [7]โดยนักลงทุนที่ลงคะแนนเสียงให้ได้แก่ Presbyterian Church U.S.A. Foundation และอีก 3 รายคือ
LocalTapiola Asset Management Ltd ซึ่งให้เหตุผลว่า การลงคะแนนเสียงสำหรับข้อเสนอนี้ถือเป็นการรับประกัน เนื่องจากผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเผยและความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้น้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของบริษัทและบทบาทในการมีส่วนร่วมในวิกฤติโรคอ้วนและปัญหาด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
Legal & General Investment Management (Holdings) ให้เหตุผลว่า เราตั้งใจที่จะลงคะแนนเสียงสนับสนุน เนื่องจากการศึกษาในข้อเสนอนี้จะช่วยให้ข้อมูลผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ว่าการดำเนินการของบริษัท (หรือไม่ดำเนินการ) อาจส่งผลต่อผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว เช่น โรคอ้วนอย่างไร
EFG Asset Management ให้เหตุผลเหมือนกับ LocalTapiola Asset Management Ltd ว่า การลงคะแนนเสียงสำหรับข้อเสนอนี้ถือเป็นการรับประกัน เนื่องจากผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเผยและความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้น้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของบริษัทและบทบาทในการมีส่วนร่วมในวิกฤติโรคอ้วนและปัญหาด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
แนวทางใหม่ขับเคลื่อน ESG
แม้ข้อเสนอของผู้ถือหุ้นจะไม่ผ่านความห็นชอบของที่ประชุมผู้ถือหุ้น Pepsico แต่ถือว่า The Shareholder Commons เสนอแนวทางใหม่ในการขับเคลื่อน ESG[8]
โดยพื้นฐานแล้ว The Shareholder Commons พยายามที่จะเปลี่ยนจากการเน้นไปที่ผลกระทบของกิจกรรมของบริษัทและการดำเนินการเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท เป็น “ความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโออย่างเป็นระบบ” ผลกระทบของกิจกรรมและการดำเนินการของบริษัทที่มีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในวงกว้างโดยรวม ซึ่งจะกระทบพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่
ในปี 2020 ที่ผ่านมา The Shareholder Commons ทำงานร่วมกับนักลงทุนยื่นข้อเสนอผู้ถือหุ้นกว่า 20 ข้อเสนอ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่สูงขึ้น โดยเปลี่ยนแนวปฏิบัติ นโยบาย และธรรมาภิบาลให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นจากมุมมองที่เป็นระบบเป็นอันดับแรก(systems-first perspective) เป็นกระบวนการเรียนรู้สำหรับทั้งองค์กร และของเฟรเดอริก อเล็กซานเดอร์ ซีอีโอ The Shareholder Commons และพันธมิตรที่ทำงานด้วย
เฟรเดอริก อเล็กซานเดอร์ ซีอีโอ เชื่อว่า “doing well by doing good” [9]การทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จด้วยการทำในสิ่งที่ดี นั้นไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างทุนนิยมใหม่ เพื่อให้บริษัทต่างๆ ไม่ให้ความสำคัญกับผลทางการเงินมากกว่าสุขภาพที่เป็นระบบอีกต่อไป อเล็กซานเดอร์และผู้สนับสนุนแนวคิด เศรษฐกิจที่เน้นระบบเป็นอันดับแรก หรือ systems-first economy กล่าวว่าบริษัทต่างๆ ที่มุ่งเน้นเฉพาะผลกำไรของพวกเขาเอง ให้ความสำคัญของบริษัทมากกว่าคน กำลังเป็นความเสี่ยงต่ออนาคตของเศรษฐกิจ โลก และพอร์ตการลงทุนที่กระจายของพวกเขาเอง
The Shareholder Commons ชี้ว่า“การลงทุนแบบเน้นระบบ” systems-first investing เป็นแนวคิดที่ว่า “นักลงทุนควรดำเนินการเพื่อห้ามไม่ให้บริษัททั้งหมดมีส่วนร่วมในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีผลกระทบด้านลบต่อผู้คนและโลก แม้ว่าพฤติกรรมนี้จะช่วยเพิ่มผลงานทางการเงินของบริษัทแต่ละแห่งในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน แต่ก็จะสร้างความเสียหายต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผลงานโดยรวมของพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่ลดลง นอกจากนี้ยังจะลดคุณภาพชีวิตผู้ที่คาดหวังว่าพอร์ตการลงทุนจะได้ผลดี ควบคู่กับมนุษยชาติได้ประโยชน์”
The Shareholder Commons ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอิสระ[10] ที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่มีอยู่และจัดการกับปัญหาและโครงสร้างที่เป็นระบบที่อุปสรรคต่อเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและยั่งยืน
อเล็กซานเดอร์ เล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจก่อตั้ง The Shareholder Commons ว่า จากประสบการณ์ในช่วง 25 ปีแรกในอาชีพการเป็นทนายความของบริษัท โดยดำเนินงานภายใต้รูปแบบผู้ถือหุ้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้ไม่ใช่แบบที่ไร้ศีลธรรม แต่เป็นเพียงการวางตัวว่าผลกระทบภายนอกเชิงลบ (externalities) เป็นปัญหาของรัฐบาล ไม่ใช่ของอุตสาหกรรม ในขณะที่การจำกัดมลภาวะหรือการปกป้องคนงานเป็นประเด็นหลัก ก็ต้องพึ่งพากฎระเบียบ ไม่ใช่การกำกับดูแลกิจการ เมื่อเวลาผ่านไปก็ตระหนักว่าแค่นี้ไม่เพียงพอ บริษัทสร้างผลกระทบภายนอกเชิงลบที่เป็นต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ในการสร้างรายได้ และรัฐบาลก็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เสมอไป ด้วยเหตุผลหลายประการ
แต่ระหว่างที่ทำงานที่ B Lab ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมีกลุ่มที่พร้อมจะเปิดรับมุมมองที่เป็นระบบและกว้างกว่า เพราะมีสิ่งจูงใจที่ถูกต้องและมีอำนาจที่เหนือบริษัท นั่นคือ ผู้ถือหุ้นสถาบัน เพราะเมื่อเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากต้นทุนภายนอก มูลค่าของพอร์ตการลงทุนที่กระจายก็ลดลง แนวคิดนี้เรียกว่า universal ownership theory เมื่อพอร์ตโฟลิโอกระจายการลงทุนสูง เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ ผลกระทบภายนอกเชิงลบของบริษัทแต่ละราย จะกลายเป็นผลกระทบเข้าบริษัทในพอร์ต เช่น ค่าเบี้ยประกัน ต้นทุนจากภัยพิบัติ ความต้องการที่ลดลง ผลผลิตที่ลดลง เป็นต้น ดังนั้นผู้ถือหุ้นที่กระจายการลงทุนจึงต้อง ดูแลระบบทั้งหมด ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนทางการเงินของบริษัทแต่ละแห่ง
แหล่งข้อมูล
[1] Division of Corporation Finance Securities and Exchange Commission.2021.Shareholder Proposals: Staff Legal Bulletin No. 14L (CF).
https://www.sec.gov/corpfin/staff-legal-bulletin-14l-shareholder-proposals
[2] POLITICO.2022.SEC shift fuels surge in climate-linked proxy proposals.
https://www.politico.com/news/2022/04/19/sec-investor-sustainability-agenda-00026200
[3]PROXYPREVIEW.Overview and New Issues in 2022.
https://www.proxypreview.org/2022/report-blog/introduction-and-overview-and-new-issues-in-2022
[4] Marketscreener.2022.The Shareholder Commons Submits a Shareholder Proposal to PepsiCo.
https://www.marketscreener.com/quote/stock/PEPSICO-INC-39085159/news/The-Shareholder-Commons-Submits-a-Shareholder-Proposal-to-PepsiCo-39860792/
[5] PepsiCo, Inc.2022. 2022 Proxy statement. https://www.pepsico.com/docs/default-source/annual-reports/2022-proxy-statement.pdf
[6] PepsiCo, Inc.2022 Annual Meeting of Shareholders.https://www.pepsico.com/docs/default-source/investors/pep-transcript-2022-05-04.pdf
[7] PRI Academy.2022.Solution Database.Pepsico, Inc.
https://login.priacademy.org/group/8996/stream?destination=/shareholder-resolution&label=&field_status_target_id%5B1601%5D=1601&title=&created_op=&login_op=&order=name&sort=asc
[8] Cooley PubCo.2021.The Shareholder Commons offers a new approach to ESG activism.
https://cooleypubco.com/2021/03/10/shareholder-commons-new-approach-esg/
[9] Forbes.2021. When ‘Doing Good’ Isn’t Enough: The Shareholder Commons Shapes Proposals That Push Business To Prioritize People And Planet.
https://www.forbes.com/sites/christophermarquis/2021/07/12/when-doing-good-isnt-enough-the-shareholder-commons-shapes-proposals-that-push-business-to-prioritize-people-and-planet/?sh=a3e47306eb42
[10]The Shareholder Commons. https://theshareholdercommons.com/about/#our-story