ThaiPublica > Sustainability > ESG-driven Society > ShareAction จี้จุดบอด “ESG ยูนิลีเวอร์” ขาย “สุขภาพที่ดี” ให้ผู้บริโภคทั่วโลก

ShareAction จี้จุดบอด “ESG ยูนิลีเวอร์” ขาย “สุขภาพที่ดี” ให้ผู้บริโภคทั่วโลก

29 มีนาคม 2022


    ซีรีส์ข่าว สร้างสังคมฉุกคิดด้วย “ESG” (Building “ESG-driven Society”) ได้รับการสนับสนุนการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุนยั่งยืน: สร้างสังคมฉุกคิดด้วย “ESG” จากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน โดยความร่วมมือจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุน ผู้ระดมทุน และผู้บริโภค ให้ตระหนักถึงความสำคัญของ สิ่งแวดล้อม (environment), สังคม (social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (governance) เกิดการรับรู้และนำไปสู่การลงมือปฏิบัติ เพื่อการขับเคลื่อนตลาดทุนและประเทศไทยที่ยั่งยืน

Shareholder activist กับการขับเคลื่อน ESG เป็นหนึ่งในชุดบทความที่นำเสนอภายใต้ซีรีส์ สร้างสังคมฉุกคิดด้วย…ESG เพื่อแสดงให้เห็นถึง “พลัง” ในการเป็นผู้ถือหุ้น ผลักดันให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้

ที่มาภาพ: https://assets.unilever.com/files/92ui5egz/production/ea1cbe44628b469752b28c4ab92520bc399dc6d3.pdf

ยูนิลีเวอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลก ขึ้นชื่อเรื่องความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นที่ชื่นชมด้าน ESG จากทั่วโลก

เราได้เห็นการดำเนินการหลายอย่างของยูนิลีเวอร์ ที่สะท้อนถึงพันธกิจสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน เช่น ลดการใช้เม็ดพลาสติกผลิตใหม่ (virgin plastic) ในบรรจุภัณฑ์ลงครึ่งหนึ่ง และยกเลิกการใช้พลาสติกในปริมาณกว่า 100,000 ตัน ภายในปี 2025

ยูนิลีเวอร์ประกาศจุดยืนในการเป็นบริษัทที่คำนึงถึงความหลากหลายมากที่สุด[1] โดยต้องการสร้างโอกาสในการทำงานอย่างเท่าเทียมกันให้กับคนทุกกลุ่มนับตั้งแต่ระดับผู้บริหารลงมา ปัจจุบันยูนิลีเวอร์มีผู้บริหารที่เป็นผู้หญิงถึง 51% นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเพิ่มจำนวนซัพพลายเออร์และผู้กระจายสินค้าที่เป็นผู้หญิงให้มากขึ้น รวมถึงเกษตรกรรายย่อยที่บริษัทร่วมทำงานผ่านการจัดซื้อ ที่ผ่านมาบริษัทยังสนับสนุนสิทธิของ LGBTQI+ โดยได้ร่วมกับเครือข่ายภาคี UnstereotypeAlliance ในการคัดเลือกตัวแทนจากคนหลากหลายกลุ่ม ทั้งคนผิวสี ผู้พิการ และ LGBTQI+ เพื่อเป็นตัวแทนในแคมเปญโฆษณาและสื่อต่างๆ

นับได้ว่ายูนิลีเวอร์ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมแทบจะทุกด้าน แต่กระนั้นก็ยังมีกลุ่มนักลงทุนบางส่วนที่ยังไม่พอใจกับการดำเนินธุรกิจบน ESG ของยูนิลีเวอร์ โดยชี้ว่า ยังเป็นจุดบอด “blind spot”[2] ในแง่ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

นักลงทุนรายย่อย-สถาบัน ชี้จุดบอด “อาหารเพื่อสุขภาพ”

ShareAction และโครงการ Healthy Markets Initiative ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดโรคอ้วนในวัยเด็ก เป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย 100 คนและนักลงทุนสถาบัน 11 ราย เห็นว่ายูนิลีเวอร์ยังตามหลังบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกันในเรื่องอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ

ShareAction คือ กลุ่นนักเคลื่อนไหวมีสโลแกนว่า “Harnessing the Power of Investment” “ใช้พลังแห่งการลงทุน” และให้นิยามตัวเองว่า “We’re working to unleash the positive potential of the investment system” [3] เราปลดปล่อยศักยภาพเชิงบวกของระบบการลงทุน

ShareAction เริ่มต้นด้วยการทำงานรณรงค์ร่วมกับ People & Planet ซึ่งได้ช่วยกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรปรับใช้นโยบายการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ ตั้งแต่นั้นมาได้ขยายไปสู่การรณรงค์ในประเด็นเร่งด่วนที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งได้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงตรงใจกลางของระบบการเงิน กำหนดนโยบายสาธารณะ และสร้างการเคลื่อนไหวที่หลากหลายของผู้ออมและนักลงทุนเพื่อการลงทุนอย่างรับผิดชอบ

ShareAction ทำงานร่วมกับนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และบุคคลทั่วไปเพื่อจัดการกับปัญหาเร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน

ShareAction พร้อมกับพันธมิตรนานาชาติที่เป็นกลุ่มบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันระดับโลก 11 รายซึ่งถือครองทรัพย์สินมูลค่าสูงถึง 215 พันล้านดอลลาร์ร่วมกัน เช่น Candriam (หนึ่งในบริษัทจัดการหลักทรัพย์ชั้นนำในยุโรปมีสำนักงานใหญ่ที่ลักเซมเบิร์ก เป็นบริษัทในเครือ New York Life ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Fortune 100 Company[4]), ACTIAM (บริษัทจัดการหลักทรัพย์ในเนเธอร์แลนด์, Trinity Health ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของสหรัฐฯ, CCLA, Guy’s & St Thomas’ Foundation จากสหราชอาณาจักรและ Greater Manchester Pension Fund และกลุ่มบุคคลมากกว่า 100 ราย ซึ่งรวมถึงลูกค้าของยูนิลีเวอร์ พ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และผู้รณรงค์ด้านสุขภาพ ในวันที่ 20 มกราคม 2565 ได้ยื่นมติผู้ถือหุ้นให้กับยูนิลีเวอร์ เรียกร้องให้บริษัทตั้งเป้าหมายอย่างมุ่งมั่นที่จะเพิ่มส่วนแบ่งของอาหารเพื่อสุขภาพในการขาย[5]

ในแต่ละวันมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ถึง 2.5 พันล้านคน แบรนด์ของยูนิลีเวอร์มีจำหน่ายในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ส่วนในสหราชอาณาจักร ผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์อยู่ในครัวเรือนถึง 98%

เว็บไซต์ ShareAction ระบุว่า ยูนิลีเวอร์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำในธุรกิจที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2039 และดูแลให้พนักงานทุกคนที่ถูกจัดหามาให้บริษัทจะได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมกับการดำรงชีพภายในปี 2030 อลัน โจป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า เป้าหมายของเขาคือ “พิสูจน์ให้เห็นแบบไม่มีข้อโต้แย้งได้ว่า ธุรกิจที่ยั่งยืนจะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานทางการเงินที่เหนือกว่า”

Ignacio Vazquez ผู้จัดการอาวุโสของ Healthy Markets แห่ง ShareAction กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน บางคนถึงกับวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ความสำคัญกับ ESG มากเกินไป แต่ข้อมูลด้านสุขภาพของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ขาย ยังคงเป็นจุดบอด ซึ่งน่าประหลาดใจ กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หมายความว่า “สุขภาพ” เป็นปัญหา “ESG” ที่สำคัญ ที่เป็นภัยคุกคามทางการเงินที่แท้จริงต่อธุรกิจ”

การสนับสนุนมตินี้ของนักลงทุน ช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้กับหนึ่งในผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังช่วยป้องกันตนเองจากความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและชื่อเสียง

ด้วยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของยูนิลีเวอร์ เป็นสินค้าในครัวเรือน เช่น มายองเนสยี่ห้อ Hellmanns และไอศกรีม Ben & Jerry สร้างรายได้ 19.1 พันล้านยูโรต่อปี หรือประมาณ 40% ของยอดขายทั้งหมดของกลุ่ม

เมื่อปีที่แล้ว Access to Nutrition Initiative ซึ่งเป็นองค์กรประเมินชั้นนำสำหรับบริษัทอาหารและนักลงทุน พบว่าเพียง 17%ของยอดขายอาหารและเครื่องดื่มของยูนิลีเวอร์มาจากผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าคู่แข่งหลายราย อาทิ Danone (61%), Nestlé (43%), Kraft Heinz (36%), General Mills (29%) และ Kellogg (26%)

ยูนิลีเวอร์รายงานในปี 2563 ว่า จากการใช้คำจำกัดความของบริษัทเอง 61% ของยอดขายอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์ที่มี “มาตรฐานโภชนาการสูง” แต่นักลงทุนกลับตั้งคำถามกับตัวชี้วัดของบริษัท

ประเด็นสุขภาพกำลังเป็นประเด็นหลักที่ผู้ถือหุ้นนักเคลื่อนไหวหรือ shareholder activist เริ่มให้ความสำคัญ ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จากความเจ็บป่วยและการเพิ่มขึ้นของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อัตราโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 3 เท่าตั้งแต่ปี 2518 ทำให้เศรษฐกิจโลกมีต้นทุน 2 ล้านล้านดอลลาร์หรือ 2.8% ของ GDP ในแต่ละปี ซึ่งใกล้เคียงกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการสูบบุหรี่

หน่วยงานกำกับดูแลในตลาดที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งของยูนิลีเวอร์ กำลังปรับไปสู่มาตรการเชิงนโยบายที่มุ่งเป้าลดการขายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูงถูกเก็บภาษีในประเทศและเขตปกครอง 50 แห่งทั่วโลก ในอัตราที่สูงกว่าภาษีคาร์บอน

นักลงทุนให้เหตุผลว่า “การมุ่งเน้นการขายของยูนิลีเวอร์ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนแบ่งเยอะ เช่น ไอศกรีมและของหวานแช่แข็ง” จัดว่ามี “ความเสี่ยงที่สำคัญต่อความเสี่ยงด้านกฎระเบียบทั่วโลก” ขณะเดียวกันพลาดโอกาสในการเติบโตในผลิตภัณฑ์และหมวดหมู่ที่ดีต่อสุขภาพ

ด้วยเหตุนี้ มติที่นักลงทุนเสนอจึงเรียกร้องให้[5]ยูนิลีเวอร์

  • เปิดเผยสัดส่วนการขายในปัจจุบันที่เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตามที่กำหนดโดยหลักข้อมูลสารอาหารที่รัฐบาลรับรอง
  • ตั้งเป้า “เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” ของสัดส่วนดังกล่าวภายในปี 2030 และ
  • เปิดเผยผลสำรวจความคืบหน้าประจำปี
ที่มาภาพ: https://www.unilever.com/brands/foods-refreshment/ben-jerrys/

บริษัทแรกของโลกเปิดเผยผลการดำเนินงานเทียบมาตรฐานโภชนาการ

กลุ่มนักลงทุนที่ร่วมมือกันและประสานงานโดย ShareAction ได้ส่งข้อเสนอที่คล้ายกันในการประชุมสามัญของยูนิลีเวอร์ประจำปี 2564 แต่ยูนิลีเวอร์ไม่ได้ให้คำมั่นหรือความคืบหน้าที่สำคัญใด ๆ เลย ส่งผลให้นักลงทุนสถาบัน 11 รายยื่นมติอีกครั้ง

มติที่ยื่นเสนอสะท้อนการมีส่วนร่วมของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะมีขึ้นหลังจากการเรียกร้องโดยนักลงทุนในลักษณะเดียวกัน ที่ดำเนินการกับบริษัทอาหารรายใหญ่ทั้งหมดที่ได้รับการรับรองโดยองค์กร 53 แห่ง ที่มีทรัพย์สิน 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างการประชุม Nutrition for Growth Summit ที่โตเกียวเมื่อเร็วๆ นี้

ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม ยูนิลีเวอร์ประกาศ[6]ว่า จะเป็นบริษัทอาหารระดับโลกแห่งแรกที่รายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อสาธารณะ โดยเทียบกับมาตรฐานโภชนาการ (NPM) ที่รัฐบาลรับรองอย่างน้อย 6 มาตรฐาน รวมถึงมาตรฐานทางโภชนาการสูงสุด (HNS) ของตนเอง

ยูนิลีเวอร์จะเผยแพร่การประเมินเป็นประจำทุกปีทั้งทั่วโลกและตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 16 แห่ง พร้อมรายงานผลการดำเนินงานทั้งตามปริมาณผลิตภัณฑ์และตามรายได้จากการขาย โดยรายงานฉบับแรกจะเผยแพร่ภายในเดือนตุลาคม 2565

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับ ShareAction และโครงการ Healthy Markets Initiative

ยูนิลีเวอร์จะยังคงกำหนดเป้าหมายด้านโภชนาการที่ครอบคลุมและต่อเนื่องในพอร์ตโฟลิโอ ในฐานะส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Future Foods ได้ประกาศเมื่อปลายปี 2563 ซึ่งรวมถึงเป้าหมายตามกำหนดเวลาสำหรับการขายโปรตีนจากพืช การลดเกลือ น้ำตาล และแคลอรี่ และเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ “โภชนาการเชิงบวก” ที่ดีต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ยูนิลีเวอร์จะปรับและเสริมความแข็งแกร่งทั้ง HNS และ NPM รวมอีกอย่างน้อย 6 มาตรฐาน เพื่อพิจารณาว่าข้อใดคือเกณฑ์มาตรฐานเป้าหมายที่ครอบคลุมยาวที่สุด เพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพในลักษณะที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลกมากที่สุด

เป้าหมายใหม่ของยูนิลีเวอร์และพันธกิจ Future Foods ที่ปรับเปลี่ยนจะเผยแพร่ภายในเดือนตุลาคม 2565

สำหรับมาตรฐานโภชนาการที่จะใช้ได้แก่ High Fat Salt Sugar (HFSS) ที่ใช้ในสหราชอาณาจักร, NutriScore ในยุโรป, และ Health Star Rating ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมไปถึงฉลาก Front of Pack ในชิลี, สัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ”(Healthy Choice)ในสิงคโปร์และ Choices International

ส่วนในตลาดสำคัญ 16 แห่งทั่วโลกที่จะประเมินพอร์ตโฟลิโอด้วยมาตรฐาน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, เบลเยียม, อิตาลี, ฝรั่งเศส, DACH (เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์), สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์, บราซิล, เม็กซิโก, รัสเซีย, ตุรกี, แอฟริกา, อินโดนีเซีย, อินเดีย, จีน และออสเตรเลีย โดยรวมแล้ว การประเมินจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประมาณ 25,000 รายการ

นอกเหนือจากนี้ ยูนิลีเวอร์จะยึดแนวทางการประเมินและคำแนะนำล่าสุดของ Access to Nutrition Initiative ในการพิจารณาปรับกลยุทธ์

ยูนิลีเวอร์จะยังคงมีส่วนร่วมกับ ShareAction และนักลงทุนจากโครงการ Healthy Markets Initiative ต่อไป ในขณะที่มีการจัดทำข้อผูกพันเหล่านี้และมีผลไปจนถึงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 โดยจะพบปะกันรายไตรมาสในปี 2565, 2566 และหลังจากนั้น ปีละ 2 ครั้ง

Hanneke Faber ประธานฝ่าย Foods & Refreshment ของ Unilever กล่าวว่า “เรายินดีที่มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับ ShareAction และ Healthy Markets Initiative เรามีความเชื่อร่วมกันต่อความสำคัญของการมีกลยุทธ์ระยะยาวที่มุ่งมั่นสำหรับโภชนาการและสุขภาพ และบริษัทต่าง ๆ ควรเผยแพร่เป้าหมายที่มุ่งมั่น ผมมั่นใจว่าด้วยความคิดริเริ่มใหม่เหล่านี้ เราจะกำหนดมาตรฐานใหม่เพื่อความโปร่งใสด้านโภชนาการในอุตสาหกรรมของเรา และเร่งผลกระทบเชิงบวกของเราต่อสุขภาพของประชาชน”

ด้าน Catherine Howarth ซีอีโอของ ShareAction กล่าวว่า “ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ มีพลังในการยกระดับสุขภาพของผู้คนนับล้านทั่วโลก นักลงทุนที่มีความรับผิดชอบกำลังท้าทายให้บริษัทเหล่านี้ให้ดำเนินการ เรายินดีกับพันธกิจใหม่ของยูนิลีเวอร์ ความโปร่งใสที่สัญญาไว้ เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม เราหวังและคาดหวังว่ารายอื่นๆ จะตามมา ShareAction และพันธมิตรนักลงทุนของ Healthy Markets พร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับยูนิลีเวอร์ จากการที่บริษัทตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ เพื่อขายอาหารสุขภาพที่ดีขึ้น และยกระดับสุขภาพของคน”

ในวันเดียวกัน ShareAction แถลง[7]ว่า Share Action ได้รับรู้ถึงการดำเนินการของยูนิลีเวอร์ และได้เพิกถอนข้อเสนอในนามของนักลงทุน ที่จะขอมติเกี่ยวกับโภชนาการในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ของยูนิลีเวอร์เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ยูนิลีเวอร์ประกาศพันธกิจใหม่ ซึ่งจะขับเคลื่อนให้ทั้งอุตสาหกรรมให้มีการรายงาน

ทั้งนี้ เป็นผลโดยตรงจากการเจรจานานหลายเดือน หลังจากการยื่นมติผู้ถือหุ้นบนหลักสุขภาพ ร่วมกับนักลงทุนสถาบัน 11 ราย และผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 100 รายเมื่อต้นปี

ยูนิลีเวอร์ให้คำมั่นที่จะสานต่อการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ระหว่างตัวแทนของบริษัทระดับกรรมการ และกลุ่มผู้ถือหุ้นในช่วงหลายเดือนก่อนการประกาศเป้าหมายและการเปิดเผยข้อมูลต่อเนื่องไปหลังจากนี้จนถึงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ระหว่างช่วงที่มีการจัดทำข้อผูกพันและนำไปใช้

กลุ่มนักลงทุนที่ร่วมกับ Healthy Markets ของ ShareAction จะเป็นกระบอกเสียงสำคัญในกระบวนการนี้ต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพิ่มเติม หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีและเป้าหมาย

ที่มาภาพ: https://www.unilever.com/news/news-search/2020/how-were-saving-food-from-going-to-waste/

ยกระดับการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์-โปร่งใส กับผู้ถือหุ้น

Kieron Boyle ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Guy’s & St Thomas’ Foundation กล่าวว่า “อาหารเพื่อสุขภาพและราคาไม่แพงดีสำหรับทุกคน ในฐานะนักลงทุนระยะยาวที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้คน เราดีใจที่ได้เห็นยูนิลีเวอร์เพิ่มเป้าหมายในการเปิดเผยข้อมูลและเปิดให้มีการประเมินอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านโภชนาการของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย เราตั้งตารอที่จะได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับยูนิลีเวอร์ในการพัฒนาและดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้เพื่อเร่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพทั้งหมดของเรา”

Cllr Gerald Cooney จาก Greater Manchester Greater Manchester กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุด ยูนิลีเวอร์มีโอกาสที่แท้จริงในการจัดการกับระดับโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ในสหราชอาณาจักร โภชนาการที่ไม่ดีเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของสุขภาพที่ไม่ดี และความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นทั่วประเทศ ในบริบทนี้ เรายินดีกับการประกาศของยูนิลีเวอร์ในวันนี้ และเราสนับสนุนให้บริษัทตั้งเป้าให้ใหญ่ขึ้น จากการที่ต้องบรรลุคำมั่นในปลายปีนี้”

Sophie Deleuze[8] หัวหน้านักวิเคราะห์ ESG, Engagement & Voting จาก CANDRIAM กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์สมควรได้รับการยกย่องสำหรับการจัดทำข้อผูกพันใหม่ที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับผู้ถือหุ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นแบบอย่างให้รายอื่นปฏิบัติตาม และแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในแง่ของความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล บริษัทและนักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นของยูนิลีเวอร์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพส่วนบุคคล เช่น โรคอ้วน ได้ดีขึ้น และนักลงทุนสามารถวัดผลอย่างชัดเจนว่า คำมั่นที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้แปลเป็นยอดขายได้อย่างไร”

Amy Browne ผู้บริหารฝ่าย Stewardship ของ CCLA Investment Management กล่าวว่า “พันธกิจใหม่ของยูนิลีเวอร์ถือเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร การยกระดับความโปร่งใสให้สูงขึ้น จะหนุนความสามารถของนักลงทุนในการประเมินความสามารถในการปรับตัวของบริษัทต่อการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั่วโลก หลังจากนี้ เรายังคาดว่าจะเห็นผลกระทบด้านสาธารณสุขที่จับต้องได้อันเป็นผลมาจากคำมั่นเหล่านี้ การประกาศของยูนิลีเวอร์ช่วยตอกย้ำจุดยืนของบริษัท ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับแนวหน้าด้านความโปร่งใสขององค์กร และเน้นย้ำถึงพลังของการมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมและสร้างสรรค์”

Cathy Rowan ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนอย่างรับผิดชอบต่อสังคมของ Trinity Health กล่าวว่า “มั่นใจว่าการยอมรับและปฏิบัติตามพันธกรณีของยูนิลีเวอร์ จะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน และจะสนับสนุนให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกันเพื่อเพิ่มการเข้าถึงโภชนาการ ”

Marie Payne เจ้าหน้าที่การลงทุนที่มีความรับผิดชอบของ ACTIAM กล่าวว่า ” ACTIAM เรามองว่าการไม่ทำอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นหนึ่งในหลักการลงทุนขั้นพื้นฐาน ดังนั้น เราจึงยินดีที่จะรับผลในเชิงบวกของการหารืออย่างต่อเนื่องกับยูนิลีเวอร์ คำมั่นด้านความโปร่งใสของยูนิลีเวอร์รวมถึงคำมั่นที่จะตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับการขายผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพนั้น กำลังสร้างแบบอย่างสำหรับอุตสาหกรรมนี้และเน้นย้ำถึงความสำคัญของสุขภาพในฐานะธีมการลงทุนที่ยั่งยืน

อ้างอิง
[1]Unilever.2564. ยูนิลีเวอร์ตอกย้ำพันธกิจสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤตโลก มุ่งสร้างองค์กรและแบรนด์ที่มีเป้าหมาย เพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม https://www.unilever.co.th/news/2021/unilever-reinforces-sustainable-living/(25 มีนาคม 2565)
[2]reponsible investors.2022. Big European investor among the fliers of health impact proposala at Unilever, as scicen-base targets resolution gets majority support in first US outing at Costco. https://www.responsible-investor.com/big-european-investors-among-filers-of-health-impacts-proposal-at-unilever-as-science-based-targets-resolution-gets-majority-support-in-first-us-outing-at-costco/(25 มีนาคม 2565)
[3]ShareAction.2022 Who we are https://shareaction.org/about-us/who-we-are-2 (25 มีนาคม 2565)
[4]SCBAM.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์. Global Population Trend (ชนิดสะสมมูลค่า) https://www.scbam.com/medias/campaign/2019/scbpop/popa.html (25 มีนาคม 2565)
[5]ShareAction.2022.Unilever faces shareholder heat on health impacts https://shareaction.org/news/unilever-faces-shareholder-heat-on-health-impacts (25 มีนาคม 2565)
[6]Unilever.2022.Unilever to set new benchmark for Healthy Nutrition https://www.unilever.com/news/press-and-media/press-releases/2022/unilever-to-set-new-benchmark-for-healthy-nutrition/ (25 มีนาคม 2565)
[7]ShareAction.2022.Unilever sets a precedent on health reporting https://shareaction.org/news/unilever-sets-a-precedent-on-health-reporting (25 มีนาคม 2565)
[8]ShareAction.2022.Unilever shareholder campaign secures industry-leading transparency on nutrition https://shareaction.org/news/unilever-shareholder-campaign-secures-industry-leading-transparency-on-nutrition (25 มีนาคม 2565)