ASEAN Roundup ประจำวันที่ 4-10 กันยายน 2565
อินโดนีเซียเชิญชวนต่างชาติลงทุนรถไฟ
กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียได้เชิญชวน นักลงทุนจากประเทศคู่ค้าและภาคเอกชน มาพัฒนาอุตสาหกรรมการรถไฟในอินโดนีเซีย เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟในแผนพัฒนาระยะกลางแห่งชาติ (National Medium-Term Development Plan:RPJMN) ปี 2563-2567“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟในแผนพัฒนาระยะกลางแห่งชาติ (RPJMN) ปี 2563-2567 โดยมีเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟถึง 7,451 กิโลเมตร ภายในปี 2567” Djarot Tri Wardhono ผู้อำนวยการการ Railways Rolling Stock Djarot กล่าวเมื่อวันศุกร์(9 ก.ย.)
การรถไฟในสังกัดของกระทรวงฯ ได้เตรียมเครื่องมือในการกำกับดูแลเพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผน
“กฎหมายฉบับที่ 23 ของปี 2550 ว่าด้วยรถไฟได้กำหนดให้ภาคการรถไฟต้องได้รับการพัฒนาอย่างเปิดกว้าง และต้องมีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น เราจึงสนับสนุนให้พันธมิตรที่มีศักยภาพเข้าร่วมในภาคส่วนนี้”
นอกจากนี้ Wardhono ยังเน้นย้ำถึง 3 รูปแบบการดำเนินงานที่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สามารถพิจารณาในการพัฒนาระบบรางของอินโดนีเซีย
รูปแรก คือ การเป็นหุ้นส่วนภายในกรอบความร่วมมือทางการค้า โดยอธิบายว่า”ความร่วมมือทางการค้านี้สามารถดำเนินการได้ผ่านการค้าวัตถุดิบและขบวนรถไฟ”
รูปแบบที่สองคือ โครงการระดมทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเงินที่ต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนพัฒนาระยะยาวแห่งชาติปี 2030 (RPJPN) มีจำนวนถึง 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และรูปแบบที่สามคือความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา
Wardhono กล่าวว่า ได้มีการชักชวนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับแผนการลงทุนนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) และเพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นจึงมีการจัดตั้ง PT Penjaminan Infrastrucktur Indonesia (PII) เพื่อให้การค้ำประกันสำหรับแผน PPP
PT Penjaminan Infrastrucktur Indonesia เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กระทรวงการคลัง จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอินโดนีเซียผ่าน PPP
ก่อนหน้านี้กระทรวงฯมีเป้าหมายที่จะขยายโครงข่ายรถไฟแห่งชาติเป็น 10,524 กิโลเมตร ภายในปี 2573
“เราได้วางวิสัยทัศน์ของการรถไฟแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายขยายโครงข่ายรถไฟทั่วประเทศไว้ที่ 10,524 กิโลเมตร ซึ่งรวมถึงโครงข่ายรถไฟในเมือง 3,755 กิโลเมตรในปี 2573” Zulfikri ผู้ว่าการ การรถไฟได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการชุดที่ 5 ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนกรกฎาคม
ปัจจุบันโครงข่ายรถไฟมีระยะทาง 7,032 กิโลเมตร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,451 กิโลเมตรภายในปี 2567 เนื่องจากมีโครงการรถไฟอื่นๆ แล้วเสร็จ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวได้ถูกรวมเข้าไว้ในประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับที่ 296 ของปี 2563 ซึ่งระบุถึงการดำเนินการเพื่อพัฒนาการรถไฟของประเทศตามแผนแม่บทการรถไฟแห่งชาติ (RIPNAS)
โครงการที่ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บท ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายรถไฟในเกาะสุมาตราและเกาะสุลาเวสี รถไฟรางคู่ การปรับสายไปใช้พลังงานไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคชวา
แผนแม่บทยังกำหนดเป้าหมายหัวรถจักร 2,839 คันและรถไฟ 34,178 ขบวนสำหรับบริการผู้โดยสาร เช่นเดียวกับหัวรถจักร 2,475 คันและรถไฟ 48,364 ขบวนสำหรับบรรทุกสินค้า
ทั้งนี้ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 835 ล้านล้านรูเปียะห์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนแม่บทโดย 32% ของเงินที่ใช้จะมาจากงบประมาณของรัฐ ในขณะที่อีก 68% ที่เหลือจะมาจากแผนการจัดหาเงินทุนทางเลือก
“เราจะพยายามทำให้รถไฟของประเทศมีการแข่งขัน บูรณาการ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายอีกประการหนึ่งคือการทำให้บริการรถไฟเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งมวลชนระหว่างเมือง ในเมือง และการขนส่งมวลชน”
โครงการหลักที่จะดำเนินการจนถึงปี 2567 ได้แก่ การพัฒนาระบบรถไฟมากัสซาร์-ปาเรปาเร, รถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง และการปรับปรุงระบบรถไฟจาการ์ตา-สุราบายาในส่วนการเดินรถจาการ์ต้า-เซมารัง
นอกจากนี้พยายามปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนใน 6 เมืองในเมืองคือ จาการ์ตา สุราบายา บันดุง เมดาน เซมารัง และมากัสซาร์
มาเลเซียวางแผนสร้างเส้นทางในมะละกาเชื่อมอินโดนีเซีย
ดาโต๊ะสรี อับ ราอัฟ ยูโซ๊ะ ประธานคณะกรรมการการลงทุน อุตสาหกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการ และสหกรณ์แห่งมะละกา (Melaka investment, industry, entrepreneur development and cooperatives committee) ในมาเลเซีย เปิดเผยว่า จะมีการสร้างเส้นทางใหม่ในมะละกา ในรูปแบบอุโมงค์ หรือ สะพานเพื่อ เชื่อมมาเลเซียกับอินโดนีเซียตรงดูไมในเกาะสุมาตรา ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร โดยจะพัฒนาด้วยความร่วมมือจากภาคเอกชนโครงการนี้จะใช้เวลา 20 ปี ในการดำเนินการและเมื่อแล้วเสร็จจะมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โครงการนี้เสนอโดยภาคเอกชน และทั้งสองประเทศได้ตกลงในหลักการที่จะทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ในส่วนของรัฐบาลระดับรัฐ เราได้นำหน่วยงานของรัฐทั้งหมดมาเยี่ยมชมพื้นที่ที่จะสร้างเส้นทางใหม่”
ดาโต๊ะ อับ ราอัฟ กล่าวว่า โครงการที่จะสร้างขึ้นโดยใช้แนวคิด ‘One Belt One Road’ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่สำหรับมาเลเซียและอินโดนีเซีย
โครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงพื้นที่รับการจราจรและศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร การกักกันและการรักษาความปลอดภัย (ICQS)
นอกจากนั้น จะมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่ประมาณ 2,023 เฮกตาร์เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ เป็นระยะๆ
การพัฒนาพื้นที่จะดำเนินการโดย Melaka Corporation และคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการเปิดเมืองใหม่ใน มัสยิด ทานาห์ ด้วย
เวียดนามเชื่อมเส้นทางขนส่งทางทะเลกับรัสเซีย
เมื่อวันที่ 6 กันยายนได้มีการเปิดตัวการเชื่อมโยง เส้นทางการขนส่งสินค้าทางทะเล ระหว่างเวียดนามและวลาดิวอสต็อกในรัสเซียและเส้นทางรถไฟจากวลาดิวอสต็อกไปยังมอสโก
เส้นทางที่เชื่อมโยงใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยแบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสินค้าที่เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางแบบเรียลไทม์ และทำให้สามารถใช้พิธีการทางศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกได้ แม้มีจุดสิ้นสุดในมอสโก
Oleg Belozerov ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งรัสเซีย (RZD) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เน้นย้ำว่า ประเด็นสำคัญของการขนส่งคือการประหยัดเวลา และการเชื่อมต่อทั้งสองเส้นทางช่วยลดเวลาและขั้นตอนการบริหารเมื่อขนส่งสินค้าจากเวียดนามไปยังทางตะวันตกของ รัสเซีย
ในขณะเดียวกัน Arkady Korostelev ประธานบริษัท Far Eastern Shipping Company ของรัสเซีย (FESCO) กล่าว หลังจากมีเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลโดยตรงจากวลาดิวอสต๊อกไปยังเวียดนาม และเวียดนามมาวลาดิวอสต๊อกได้ไม่นาน FESCO ได้ขนสินค้ามากถึง 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ระหว่างทั้งสองประเทศ และมีแผนจะเพิ่มความถี่ของการขนส่งในเส้นทางนี้
ความเชื่อมโยงของเส้นทางเดินเรือทางทะเลนี้กับเส้นทางรถไฟวลาดิวอสต็อก – มอสโกเป็นเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการนำเข้า-ส่งออกระหว่างรัสเซียและเวียดนามเพื่อยกระดับการค้าระหว่างสองประเทศ
โฮ จิมินห์เล็งพัฒนาเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่
นครโฮจิมินห์กำลังวางแผนที่จะจัดตั้ง เขตเศรษฐกิจขนาด 26,000 เฮกตาร์ ทางตอนใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม เขตเมือง และบริการที่เกี่ยวข้องมากมายเขตเศรษฐกิจนี้อยู่ภายใต้โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตส่งออกปี 2568 – 2573 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2583 ดังนั้นเขตเศรษฐกิจนี้จะครอบคลุมทั้งเขต 7 และอำเภอญาเบ รวมไปถึงบางส่วนของบิ่ญจั๊ญและเกิ่นเส่อ พื้นที่หลักคือ เขตแปรรูปส่งออก ทัน ถ่วนเนื้อที่ 300 เฮกตาร์ และ เขตเมืองท่าเรือเฮียบฟุกในเนื้อที่ 1,354 เฮกตาร์
นักลงทุนที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจจะได้รับสิทธิประโยชน์จูงใจ เช่น ยกเว้นภาษีเป็นเวลา 4 ปี และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง 50% เป็นเวลา 9 ปีสำหรับรายได้ที่เกิดจากโครงการลงทุนที่เป็นไปตามเกณฑ์
สำหรับโฮ จิมินห์ ที่เป็นมหานครทางใต้แล้ว เขตเศรษฐกิจและสังคมขนาดใหญ่ และกำลังการผลิตแบบบูรณาการ มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ด้อยพัฒนาให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนของการพัฒนาเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังช่วยเร่งกระบวนการในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย และสร้างเขตเมืองที่มีคุณภาพสูง ประกอบกับโฮ จิมินห์กำลังส่งเสริมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในตอนใต้ จึงนับว่าเหมาะสมที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจขึ้น
ฮัว ก๊วก ฮุง ผู้อำนวยการ Export Processing and Industrial Zones Authority กล่าวว่า มีนักลงทุนต้องการเช่าที่ดินหลายสิบเฮกตาร์เพื่อสร้างโรงงาน แต่เมืองไม่สามารถจัดหาให้ได้
ดังนั้นเมื่อมีเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เพียงพอและมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอ เมืองก็จะสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ได้ จึงทำให้เกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจ
เวียดนามเตรียมจัดเงินคริปโท สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากฎหมายฟอกเงิน
รองประธานสภาแห่งชาติ ได้เสนอให้เพิ่ม สกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าไว้ในร่างกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
เหงียน ทิ ห่ง ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเวียดนาม รายงานต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 กันยายนว่า ธนาคารกลาง จะส่งร่างข้อบังคับเกี่ยวกับการต่อต้านการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลให้รัฐบาล ซึ่งจะสอดคล้องกับร่างกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเวียดนาม กล่าวว่า การเพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงินดิจิทัลเข้าไว้ในกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอแนะขององค์กรระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลเสถียรภาพทางการเงินในประเทศอีกด้วย
เยือง วัน ฟุ๊ก สมาชิกของสภาแห่งชาติจากจังหวัดกว๋างนาม เตือนว่า สกุลเงินดิจิทัลสามารถใช้ในการฟอกเงินได้ เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ การพนันขนาดใหญ่และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินคริปโทได้ขยายวงมากขึ้นในประเทศ แต่เวียดนามไม่ได้มีข้อบังคับเกี่ยวกับประเด็นนี้
เหงียน เถา สมาชิกสภาแห่งชาติจากจังหวัดเลิมด่ง ชี้ว่า กฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงินควรครอบคลุมด้านที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและตัวแทนที่ให้กู้ยืมสกุลเงินดิจิทัล
ฟิลิปปินส์ไฟเขียวส่งแรงงานหมื่นรายเข้าสิงคโปร์
สำนักงานแรงงานต่างประเทศของฟิลิปปินส์ อนุมัติให้ส่งแรงงานเกือบ 10,000 คนไปยังสิงคโปร์ซูซาน โอเปิล อธิบดีกรมแรงงานข้ามชาติ ประกาศ ภายหลังการเยือนสิงคโปร์ของประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ในสัปดาห์นี้
“แม้ก่อนการเยือนของประธานาธิบดี สำนักงานแรงงานของเราในสิงคโปร์ได้อนุมัติคำสั่งจองแรงงานแล้วเกือบ 10,000 คน ก็ยังมีงานช่างเทคนิคอากาศยาน 5,000 ตำแหน่งรออยู่ในอุตสาหกรรมการบิน”
ทั้งนี้คาดว่า การจัดส่งแรงงานให้นายจ้างสิงคโปร์ที่สั่งจองมา จะได้รับการดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำหรับใบสั่งจองแรงงานจากนายจ้างชาวสิงคโปร์ที่ได้รับการอนุมัติ ประกอบด้วยช่างเทคนิคอากาศยาน 5,000 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3,000 คน แรงงานที่มีทักษะ 1,000 คน พนักงานในอุตสาหกรรมการศึกษา 500 คน และ 300 คนในภาคไอที
เมียนมาชวนลงทุนในน้ำมันและก๊าซ
พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ประธานสภาบริหารรัฐ (SAC)และนายกรัฐมนตรีเมียน มาได้เชิญชวนนักลงทุนเข้าไปลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ภาคเหมืองแร่ ภาคเกษตรกรรมและการผลิตอาหารที่มีมูลค่าสูงจากปศุสัตว์ ภาคพลังงาน ภาคการท่องเที่ยว และภาคเครื่องนุ่งห่ม
พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย เชิญชวนในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม Eastern Economic Forum-2022(EEF) ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่รัสเซียเมื่อวันที่ 7 กันยายน
“ผมขอเชิญนักธุรกิจทุกท่านที่เข้าร่วมการประชุม ให้เข้าไปลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเมียนมา ภาคเหมืองแร่ ภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์ที่มีมูลค่าสูง ภาคพลังงาน ภาคการท่องเที่ยว ภาคเครื่องนุ่งห่ม คลังเชื้อเพลิง และภาคการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยาง ภาคพลังงานหมุนเวียน ภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคสารสนเทศและโทรคมนาคม ภาคสุขภาพและการธนาคาร และภาคธุรกิจ และภาคเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผมอยากจะบอกว่าเราเปิดโอกาสให้อย่างมากสำหรับการค้าต่างประเทศอื่นๆ” พลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย กล่าว
ในภาคน้ำมันและก๊าซ มีแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่ง 51 แห่งในเมียนมา และพบก๊าซธรรมชาติใน 8 บล็อก และจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ พลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย กล่าว
พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าวอีกว่า “ปัจจุบันมีการพบก๊าซธรรมชาติมากกว่า 2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตในอ่าวเบงกอล และจะสามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์ในไม่ช้า ในทำนองเดียวกัน ยังมีการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่อีกด้วย ดังนั้นในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในเมียนมามากขึ้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจลงทุนทุกท่าน”
นอกจากนี้ พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย กล่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่มีสำรวจในเมียนมา รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แร่ธาตุมากมาย เช่น ทองแดง เหล็ก และดีบุก
“ยังมีน้ำมันและก๊าซสำรองจำนวนมากที่ยังไม่มีการสำรวจในเมียนมา ในขณะเดียวกัน ก็ขอบอกว่ามีผลิตภัณฑ์แร่มากมาย เช่น ทองแดง เหล็ก และดีบุกที่สามารถส่งออกไปยังตลาดโลกได้ เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตรและประมงไปยังรัสเซีย และนำเข้า ปุ๋ย เชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ หากเราสามารถเพิ่มความร่วมมือระหว่างสองประเทศในภาคส่วนเหล่านั้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับเราทั้งคู่” พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าว
โครงการความร่วมมือ เช่น การประชุม EEF ครั้งที่ 7 ซึ่งกำลังมีขึ้น จะมีส่วนต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นมิตร สร้างพรธมิตรทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ตลอดจนกิจกรรมการมีส่วนร่วมและการสื่อสารซึ่งกันและกัน พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าวและว่า อิทธิพลของประเทศตะวันตกในภูมิภาคตะวันออกจะถูกต่อต้านในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เงินเฟ้อลาวพุ่งทะลุ 30% เดือนสิงหาคม
สำนักสถิติลาวเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบรายปี โดยเดือนสิงหาคมปีนี้เพิ่มขึ้น 30.01% ซึ่ง สูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ ส่งผลกระทบต่อการหาเลี้ยงชีพ
ดัชนีราคาผู้บริโภค(consumer price index)เพิ่มขึ้นจาก 23.6% ในเดือนมิถุนายนเป็น 25.6% ในเดือนกรกฎาคม โดยราคาสินค้าในทุกหมวดปรับเพิ่มขึ้น
ค่าเงินกีบและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนสินค้าที่สูงจากการนำเข้าปุ๋ยและอาหารสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญ ต่ออัตราเงินเฟ้อในประเทศลาว
ลาวพึ่งพาการนำเข้าอย่างมากในด้านเครื่องจักร อาหารสัตว์ ปุ๋ย และปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเลี้ยงโคและฟาร์มไก่เชิงพาณิชย์ และการปลูกผัก
นักเศรษฐศาสตร์กังวลอย่างมากเกี่ยวกับราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกในบางพื้นที่ของประเทศเสียหายจากอุทกภัยครั้งล่าสุด
ลาวมีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความต้องการเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำเข้าสินค้าและชำระหนี้ทำให้ เงินกีบอ่อนค่าลงอีก
ในเดือนสิงหาคม ค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 51.7% เมื่อเทียบรายปี การเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดนี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมัน ยานพาหนะ และต้นทุนที่เกี่ยวข้อง
ราคาน้ำมันและรถยนต์เพิ่มขึ้น 96.4%และ 57.2% เมื่อเทียบรายปีตามลำดับ ส่วนค่าอะไหล่และค่าซ่อมรถยนต์ และบริการขนส่งเพิ่มขึ้น 24.6% และ 17.7% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ
ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเพิ่มขึ้น38.3% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยราคายาเพิ่มขึ้น 42.4% และคารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 30.2%ในเดือนสิงหาคม จากที่เพิ่มขึ้น 21.6% ในเดือนกรกฎาคม ราคาข้าว เนื้อ ปลา และอาหารทะเล เพิ่มขึ้น 35.2% 22.3% และ26.7% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ
ราคาไข่ (อาหารพื้นฐานสำหรับผู้มีรายได้น้อย) ที่จำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้นจาก 40,000 กีบต่อกล่องบรรจุไข่ 30 ฟองในเดือนเมษายนเป็น 55,000-57,000 กีบต่อกล่องในปัจจุบัน
ในเดือนสิงหาคม ราคาน้ำมันประกอบอาหาร ผลไม้ และเครื่องปรุงเพิ่มขึ้น 121.8%, 31.1% และ 47.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีตามลำดับ
สำหรับหมวดอื่นๆ ราคาสินค้าในบ้านเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบปีต่อปี หมวดโรงแรมและร้านอาหาร 22.3% สินค้าและบริการ 25.7% การศึกษา 9.2% เ เสื้อผ้าและรองเท้า 20.5% เ และ ที่อยู่อาศัย น้ำประปา ไฟฟ้าและก๊าซ 20.5%