ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup อินโดนีเซียเชิญชวนต่างชาติลงทุนรถไฟ

ASEAN Roundup อินโดนีเซียเชิญชวนต่างชาติลงทุนรถไฟ

11 กันยายน 2022


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 4-10 กันยายน 2565

  • อินโดนีเซียเชิญชวนต่างชาติลงทุนรถไฟ
  • มาเลเซียวางแผนสร้างเส้นทางในมะละกาเชื่อมอินโดนีเซีย
  • เวียดนามเชื่อมเส้นทางขนส่งทางทะเลกับรัสเซีย
  • โฮ จิมินห์เล็งพัฒนาเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่
  • เวียดนามเตรียมจัดเงินคริปโท สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากฎหมายฟอกเงิน
  • ฟิลิปปินส์ไฟเขียวส่งแรงงานหมื่นรายเข้าสิงคโปร์
  • เมียนมาชวนลงทุนในน้ำมันและก๊าซ
  • เงินเฟ้อลาวพุ่งทะลุ 30% เดือนสิงหาคม
  • อินโดนีเซียเชิญชวนต่างชาติลงทุนรถไฟ

    ที่มาภาพ:https://en.antaranews.com/news/248937/ministry-invites-investors-to-develop-railway-industry
    กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียได้เชิญชวน นักลงทุนจากประเทศคู่ค้าและภาคเอกชน มาพัฒนาอุตสาหกรรมการรถไฟในอินโดนีเซีย เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟในแผนพัฒนาระยะกลางแห่งชาติ (National Medium-Term Development Plan:RPJMN) ปี 2563-2567

    “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟในแผนพัฒนาระยะกลางแห่งชาติ (RPJMN) ปี 2563-2567 โดยมีเป้าหมายการก่อสร้างทางรถไฟถึง 7,451 กิโลเมตร ภายในปี 2567” Djarot Tri Wardhono ผู้อำนวยการการ Railways Rolling Stock Djarot กล่าวเมื่อวันศุกร์(9 ก.ย.)

    การรถไฟในสังกัดของกระทรวงฯ ได้เตรียมเครื่องมือในการกำกับดูแลเพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผน

    “กฎหมายฉบับที่ 23 ของปี 2550 ว่าด้วยรถไฟได้กำหนดให้ภาคการรถไฟต้องได้รับการพัฒนาอย่างเปิดกว้าง และต้องมีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น เราจึงสนับสนุนให้พันธมิตรที่มีศักยภาพเข้าร่วมในภาคส่วนนี้”

    นอกจากนี้ Wardhono ยังเน้นย้ำถึง 3 รูปแบบการดำเนินงานที่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สามารถพิจารณาในการพัฒนาระบบรางของอินโดนีเซีย

    รูปแรก คือ การเป็นหุ้นส่วนภายในกรอบความร่วมมือทางการค้า โดยอธิบายว่า”ความร่วมมือทางการค้านี้สามารถดำเนินการได้ผ่านการค้าวัตถุดิบและขบวนรถไฟ”

    รูปแบบที่สองคือ โครงการระดมทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเงินที่ต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนพัฒนาระยะยาวแห่งชาติปี 2030 (RPJPN) มีจำนวนถึง 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และรูปแบบที่สามคือความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา

    Wardhono กล่าวว่า ได้มีการชักชวนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับแผนการลงทุนนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) และเพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นจึงมีการจัดตั้ง PT Penjaminan Infrastrucktur Indonesia (PII) เพื่อให้การค้ำประกันสำหรับแผน PPP

    PT Penjaminan Infrastrucktur Indonesia เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กระทรวงการคลัง จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอินโดนีเซียผ่าน PPP

    ก่อนหน้านี้กระทรวงฯมีเป้าหมายที่จะขยายโครงข่ายรถไฟแห่งชาติเป็น 10,524 กิโลเมตร ภายในปี 2573

    “เราได้วางวิสัยทัศน์ของการรถไฟแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายขยายโครงข่ายรถไฟทั่วประเทศไว้ที่ 10,524 กิโลเมตร ซึ่งรวมถึงโครงข่ายรถไฟในเมือง 3,755 กิโลเมตรในปี 2573” Zulfikri ผู้ว่าการ การรถไฟได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการชุดที่ 5 ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนกรกฎาคม

    ปัจจุบันโครงข่ายรถไฟมีระยะทาง 7,032 กิโลเมตร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,451 กิโลเมตรภายในปี 2567 เนื่องจากมีโครงการรถไฟอื่นๆ แล้วเสร็จ ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวได้ถูกรวมเข้าไว้ในประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับที่ 296 ของปี 2563 ซึ่งระบุถึงการดำเนินการเพื่อพัฒนาการรถไฟของประเทศตามแผนแม่บทการรถไฟแห่งชาติ (RIPNAS)

    โครงการที่ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บท ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายรถไฟในเกาะสุมาตราและเกาะสุลาเวสี รถไฟรางคู่ การปรับสายไปใช้พลังงานไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคชวา

    แผนแม่บทยังกำหนดเป้าหมายหัวรถจักร 2,839 คันและรถไฟ 34,178 ขบวนสำหรับบริการผู้โดยสาร เช่นเดียวกับหัวรถจักร 2,475 คันและรถไฟ 48,364 ขบวนสำหรับบรรทุกสินค้า

    ทั้งนี้ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 835 ล้านล้านรูเปียะห์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนแม่บทโดย 32% ของเงินที่ใช้จะมาจากงบประมาณของรัฐ ในขณะที่อีก 68% ที่เหลือจะมาจากแผนการจัดหาเงินทุนทางเลือก

    “เราจะพยายามทำให้รถไฟของประเทศมีการแข่งขัน บูรณาการ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายอีกประการหนึ่งคือการทำให้บริการรถไฟเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งมวลชนระหว่างเมือง ในเมือง และการขนส่งมวลชน”

    โครงการหลักที่จะดำเนินการจนถึงปี 2567 ได้แก่ การพัฒนาระบบรถไฟมากัสซาร์-ปาเรปาเร, รถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง และการปรับปรุงระบบรถไฟจาการ์ตา-สุราบายาในส่วนการเดินรถจาการ์ต้า-เซมารัง

    นอกจากนี้พยายามปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนใน 6 เมืองในเมืองคือ จาการ์ตา สุราบายา บันดุง เมดาน เซมารัง และมากัสซาร์

    มาเลเซียวางแผนสร้างเส้นทางในมะละกาเชื่อมอินโดนีเซีย

    ดาโต๊ะสรี อับ ราอัฟ ยูโซ๊ะ Melaka investment ที่มาภาพ: https://www.thestar.com.my/news/nation/2022/09/08/new-route-to-be-built-in-melaka-to-link-malaysia-and-indonesia-says-state-exco
    ดาโต๊ะสรี อับ ราอัฟ ยูโซ๊ะ ประธานคณะกรรมการการลงทุน อุตสาหกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการ และสหกรณ์แห่งมะละกา (Melaka investment, industry, entrepreneur development and cooperatives committee) ในมาเลเซีย เปิดเผยว่า จะมีการสร้างเส้นทางใหม่ในมะละกา ในรูปแบบอุโมงค์ หรือ สะพานเพื่อ เชื่อมมาเลเซียกับอินโดนีเซียตรงดูไมในเกาะสุมาตรา ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร โดยจะพัฒนาด้วยความร่วมมือจากภาคเอกชน

    โครงการนี้จะใช้เวลา 20 ปี ในการดำเนินการและเมื่อแล้วเสร็จจะมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โครงการนี้เสนอโดยภาคเอกชน และทั้งสองประเทศได้ตกลงในหลักการที่จะทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

    “ในส่วนของรัฐบาลระดับรัฐ เราได้นำหน่วยงานของรัฐทั้งหมดมาเยี่ยมชมพื้นที่ที่จะสร้างเส้นทางใหม่”

    ดาโต๊ะ อับ ราอัฟ กล่าวว่า โครงการที่จะสร้างขึ้นโดยใช้แนวคิด ‘One Belt One Road’ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่สำหรับมาเลเซียและอินโดนีเซีย

    โครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงพื้นที่รับการจราจรและศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร การกักกันและการรักษาความปลอดภัย (ICQS)

    นอกจากนั้น จะมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่ประมาณ 2,023 เฮกตาร์เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ เป็นระยะๆ

    การพัฒนาพื้นที่จะดำเนินการโดย Melaka Corporation และคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการเปิดเมืองใหม่ใน มัสยิด ทานาห์ ด้วย

    เวียดนามเชื่อมเส้นทางขนส่งทางทะเลกับรัสเซีย

    ที่มาภาพ: https://en.vietnamplus.vn/vietnam-russia-sea-rail-transport-routes-connected/236847.vnp

    เมื่อวันที่ 6 กันยายนได้มีการเปิดตัวการเชื่อมโยง เส้นทางการขนส่งสินค้าทางทะเล ระหว่างเวียดนามและวลาดิวอสต็อกในรัสเซียและเส้นทางรถไฟจากวลาดิวอสต็อกไปยังมอสโก

    เส้นทางที่เชื่อมโยงใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยแบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสินค้าที่เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางแบบเรียลไทม์ และทำให้สามารถใช้พิธีการทางศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกได้ แม้มีจุดสิ้นสุดในมอสโก

    Oleg Belozerov ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งรัสเซีย (RZD) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เน้นย้ำว่า ประเด็นสำคัญของการขนส่งคือการประหยัดเวลา และการเชื่อมต่อทั้งสองเส้นทางช่วยลดเวลาและขั้นตอนการบริหารเมื่อขนส่งสินค้าจากเวียดนามไปยังทางตะวันตกของ รัสเซีย

    ในขณะเดียวกัน Arkady Korostelev ประธานบริษัท Far Eastern Shipping Company ของรัสเซีย (FESCO) กล่าว หลังจากมีเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลโดยตรงจากวลาดิวอสต๊อกไปยังเวียดนาม และเวียดนามมาวลาดิวอสต๊อกได้ไม่นาน FESCO ได้ขนสินค้ามากถึง 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ระหว่างทั้งสองประเทศ และมีแผนจะเพิ่มความถี่ของการขนส่งในเส้นทางนี้

    ความเชื่อมโยงของเส้นทางเดินเรือทางทะเลนี้กับเส้นทางรถไฟวลาดิวอสต็อก – มอสโกเป็นเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการนำเข้า-ส่งออกระหว่างรัสเซียและเวียดนามเพื่อยกระดับการค้าระหว่างสองประเทศ

    โฮ จิมินห์เล็งพัฒนาเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่

    ที่มาภาพ: https://en.vietnamplus.vn/hcm-city-eyes-establishment-of-huge-economic-zone/236886.vnp
    นครโฮจิมินห์กำลังวางแผนที่จะจัดตั้ง เขตเศรษฐกิจขนาด 26,000 เฮกตาร์ ทางตอนใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม เขตเมือง และบริการที่เกี่ยวข้องมากมาย

    เขตเศรษฐกิจนี้อยู่ภายใต้โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตส่งออกปี 2568 – 2573 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2583 ดังนั้นเขตเศรษฐกิจนี้จะครอบคลุมทั้งเขต 7 และอำเภอญาเบ รวมไปถึงบางส่วนของบิ่ญจั๊ญและเกิ่นเส่อ พื้นที่หลักคือ เขตแปรรูปส่งออก ทัน ถ่วนเนื้อที่ 300 เฮกตาร์ และ เขตเมืองท่าเรือเฮียบฟุกในเนื้อที่ 1,354 เฮกตาร์

    นักลงทุนที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจจะได้รับสิทธิประโยชน์จูงใจ เช่น ยกเว้นภาษีเป็นเวลา 4 ปี และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง 50% เป็นเวลา 9 ปีสำหรับรายได้ที่เกิดจากโครงการลงทุนที่เป็นไปตามเกณฑ์

    สำหรับโฮ จิมินห์ ที่เป็นมหานครทางใต้แล้ว เขตเศรษฐกิจและสังคมขนาดใหญ่ และกำลังการผลิตแบบบูรณาการ มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ด้อยพัฒนาให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนของการพัฒนาเศรษฐกิจ

    นอกจากนี้ยังช่วยเร่งกระบวนการในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย ​​และสร้างเขตเมืองที่มีคุณภาพสูง ประกอบกับโฮ จิมินห์กำลังส่งเสริมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในตอนใต้ จึงนับว่าเหมาะสมที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจขึ้น

    ฮัว ก๊วก ฮุง ผู้อำนวยการ Export Processing and Industrial Zones Authority กล่าวว่า มีนักลงทุนต้องการเช่าที่ดินหลายสิบเฮกตาร์เพื่อสร้างโรงงาน แต่เมืองไม่สามารถจัดหาให้ได้

    ดังนั้นเมื่อมีเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เพียงพอและมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอ เมืองก็จะสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ได้ จึงทำให้เกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจ

    เวียดนามเตรียมจัดเงินคริปโท สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากฎหมายฟอกเงิน

    ที่มาภาพ:https://english.thesaigontimes.vn/cryptocurrency-proposed-for-addition-to-anti-money-laundering-law/

    รองประธานสภาแห่งชาติ ได้เสนอให้เพิ่ม สกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าไว้ในร่างกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน

    เหงียน ทิ ห่ง ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเวียดนาม รายงานต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 กันยายนว่า ธนาคารกลาง จะส่งร่างข้อบังคับเกี่ยวกับการต่อต้านการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลให้รัฐบาล ซึ่งจะสอดคล้องกับร่างกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน

    ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเวียดนาม กล่าวว่า การเพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงินดิจิทัลเข้าไว้ในกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอแนะขององค์กรระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลเสถียรภาพทางการเงินในประเทศอีกด้วย

    เยือง วัน ฟุ๊ก สมาชิกของสภาแห่งชาติจากจังหวัดกว๋างนาม เตือนว่า สกุลเงินดิจิทัลสามารถใช้ในการฟอกเงินได้ เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ การพนันขนาดใหญ่และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินคริปโทได้ขยายวงมากขึ้นในประเทศ แต่เวียดนามไม่ได้มีข้อบังคับเกี่ยวกับประเด็นนี้

    เหงียน เถา สมาชิกสภาแห่งชาติจากจังหวัดเลิมด่ง ชี้ว่า กฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงินควรครอบคลุมด้านที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและตัวแทนที่ให้กู้ยืมสกุลเงินดิจิทัล

    ฟิลิปปินส์ไฟเขียวส่งแรงงานหมื่นรายเข้าสิงคโปร์

    ที่มาภาพ: https://www.manilatimes.net/2022/09/09/news/national/ph-okays-10k-job-orders-for-singapore/1857797
    สำนักงานแรงงานต่างประเทศของฟิลิปปินส์ อนุมัติให้ส่งแรงงานเกือบ 10,000 คนไปยังสิงคโปร์

    ซูซาน โอเปิล อธิบดีกรมแรงงานข้ามชาติ ประกาศ ภายหลังการเยือนสิงคโปร์ของประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ในสัปดาห์นี้

    “แม้ก่อนการเยือนของประธานาธิบดี สำนักงานแรงงานของเราในสิงคโปร์ได้อนุมัติคำสั่งจองแรงงานแล้วเกือบ 10,000 คน ก็ยังมีงานช่างเทคนิคอากาศยาน 5,000 ตำแหน่งรออยู่ในอุตสาหกรรมการบิน”

    ทั้งนี้คาดว่า การจัดส่งแรงงานให้นายจ้างสิงคโปร์ที่สั่งจองมา จะได้รับการดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    สำหรับใบสั่งจองแรงงานจากนายจ้างชาวสิงคโปร์ที่ได้รับการอนุมัติ ประกอบด้วยช่างเทคนิคอากาศยาน 5,000 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3,000 คน แรงงานที่มีทักษะ 1,000 คน พนักงานในอุตสาหกรรมการศึกษา 500 คน และ 300 คนในภาคไอที

    เมียนมาชวนลงทุนในน้ำมันและก๊าซ

    ที่มาภาพ: https://elevenmyanmar.com/news/sac-chair-invited-investors-to-invest-in-myanmars-oil-and-natural-gas-and-mining-sectors-in-his

    พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ประธานสภาบริหารรัฐ (SAC)และนายกรัฐมนตรีเมียน มาได้เชิญชวนนักลงทุนเข้าไปลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ภาคเหมืองแร่ ภาคเกษตรกรรมและการผลิตอาหารที่มีมูลค่าสูงจากปศุสัตว์ ภาคพลังงาน ภาคการท่องเที่ยว และภาคเครื่องนุ่งห่ม

    พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย เชิญชวนในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม Eastern Economic Forum-2022(EEF) ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่รัสเซียเมื่อวันที่ 7 กันยายน

    “ผมขอเชิญนักธุรกิจทุกท่านที่เข้าร่วมการประชุม ให้เข้าไปลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเมียนมา ภาคเหมืองแร่ ภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์ที่มีมูลค่าสูง ภาคพลังงาน ภาคการท่องเที่ยว ภาคเครื่องนุ่งห่ม คลังเชื้อเพลิง และภาคการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยาง ภาคพลังงานหมุนเวียน ภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคสารสนเทศและโทรคมนาคม ภาคสุขภาพและการธนาคาร และภาคธุรกิจ และภาคเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผมอยากจะบอกว่าเราเปิดโอกาสให้อย่างมากสำหรับการค้าต่างประเทศอื่นๆ” พลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย กล่าว

    ในภาคน้ำมันและก๊าซ มีแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่ง 51 แห่งในเมียนมา และพบก๊าซธรรมชาติใน 8 บล็อก และจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ พลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย กล่าว

    พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าวอีกว่า “ปัจจุบันมีการพบก๊าซธรรมชาติมากกว่า 2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตในอ่าวเบงกอล และจะสามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์ในไม่ช้า ในทำนองเดียวกัน ยังมีการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่อีกด้วย ดังนั้นในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในเมียนมามากขึ้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจลงทุนทุกท่าน”

    นอกจากนี้ พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย กล่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่มีสำรวจในเมียนมา รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แร่ธาตุมากมาย เช่น ทองแดง เหล็ก และดีบุก

    “ยังมีน้ำมันและก๊าซสำรองจำนวนมากที่ยังไม่มีการสำรวจในเมียนมา ในขณะเดียวกัน ก็ขอบอกว่ามีผลิตภัณฑ์แร่มากมาย เช่น ทองแดง เหล็ก และดีบุกที่สามารถส่งออกไปยังตลาดโลกได้ เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตรและประมงไปยังรัสเซีย และนำเข้า ปุ๋ย เชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ หากเราสามารถเพิ่มความร่วมมือระหว่างสองประเทศในภาคส่วนเหล่านั้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับเราทั้งคู่” พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าว

    โครงการความร่วมมือ เช่น การประชุม EEF ครั้งที่ 7 ซึ่งกำลังมีขึ้น จะมีส่วนต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นมิตร สร้างพรธมิตรทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ตลอดจนกิจกรรมการมีส่วนร่วมและการสื่อสารซึ่งกันและกัน พลเอกอาวุโส สมิน ออง หล่าย กล่าวและว่า อิทธิพลของประเทศตะวันตกในภูมิภาคตะวันออกจะถูกต่อต้านในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    เงินเฟ้อลาวพุ่งทะลุ 30% เดือนสิงหาคม

    แอดซัง(เบนซิน) หมดแล้ว ที่มาภาพ : The Laotian Times

    สำนักสถิติลาวเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบรายปี โดยเดือนสิงหาคมปีนี้เพิ่มขึ้น 30.01% ซึ่ง สูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ ส่งผลกระทบต่อการหาเลี้ยงชีพ

    ดัชนีราคาผู้บริโภค(consumer price index)เพิ่มขึ้นจาก 23.6% ในเดือนมิถุนายนเป็น 25.6% ในเดือนกรกฎาคม โดยราคาสินค้าในทุกหมวดปรับเพิ่มขึ้น

    ค่าเงินกีบและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนสินค้าที่สูงจากการนำเข้าปุ๋ยและอาหารสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญ ต่ออัตราเงินเฟ้อในประเทศลาว

    ลาวพึ่งพาการนำเข้าอย่างมากในด้านเครื่องจักร อาหารสัตว์ ปุ๋ย และปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเลี้ยงโคและฟาร์มไก่เชิงพาณิชย์ และการปลูกผัก

    นักเศรษฐศาสตร์กังวลอย่างมากเกี่ยวกับราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกในบางพื้นที่ของประเทศเสียหายจากอุทกภัยครั้งล่าสุด

    ลาวมีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความต้องการเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำเข้าสินค้าและชำระหนี้ทำให้ เงินกีบอ่อนค่าลงอีก

    ในเดือนสิงหาคม ค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 51.7% เมื่อเทียบรายปี การเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดนี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมัน ยานพาหนะ และต้นทุนที่เกี่ยวข้อง

    ราคาน้ำมันและรถยนต์เพิ่มขึ้น 96.4%และ 57.2% เมื่อเทียบรายปีตามลำดับ ส่วนค่าอะไหล่และค่าซ่อมรถยนต์ และบริการขนส่งเพิ่มขึ้น 24.6% และ 17.7% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ

    ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเพิ่มขึ้น38.3% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยราคายาเพิ่มขึ้น 42.4% และคารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ

    ที่น่าสนใจคือราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 30.2%ในเดือนสิงหาคม จากที่เพิ่มขึ้น 21.6% ในเดือนกรกฎาคม ราคาข้าว เนื้อ ปลา และอาหารทะเล เพิ่มขึ้น 35.2% 22.3% และ26.7% เมื่อเทียบปีต่อปีตามลำดับ

    ราคาไข่ (อาหารพื้นฐานสำหรับผู้มีรายได้น้อย) ที่จำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้นจาก 40,000 กีบต่อกล่องบรรจุไข่ 30 ฟองในเดือนเมษายนเป็น 55,000-57,000 กีบต่อกล่องในปัจจุบัน

    ในเดือนสิงหาคม ราคาน้ำมันประกอบอาหาร ผลไม้ และเครื่องปรุงเพิ่มขึ้น 121.8%, 31.1% และ 47.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีตามลำดับ
    สำหรับหมวดอื่นๆ ราคาสินค้าในบ้านเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบปีต่อปี หมวดโรงแรมและร้านอาหาร 22.3% สินค้าและบริการ 25.7% การศึกษา 9.2% เ เสื้อผ้าและรองเท้า 20.5% เ และ ที่อยู่อาศัย น้ำประปา ไฟฟ้าและก๊าซ 20.5%