ThaiPublica > เกาะกระแส > จีนจะสร้างนวัตกรรมได้หรือไม่ ถ้าไม่มีเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม และลงโทษรุนแรงกับบริษัทไฮเทค

จีนจะสร้างนวัตกรรมได้หรือไม่ ถ้าไม่มีเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม และลงโทษรุนแรงกับบริษัทไฮเทค

30 กรกฎาคม 2022


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

บริษัท Didi Global ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/ec/DiDi_headquarters

หน่วยงานกับดูแลระบบข้อมูลในเครือข่ายหรือ Cyberspace ของจีน (Cyberspace Administration of China – CAC) สั่งปรับบริษัท Didi Global ที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับ Uber เป็นเงินสูงถึง 1.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 41,000 ล้านบาท โดยทาง CAC ระบุว่า Didi Global ละเมิดกฎหมาย 16 ฉบับ เช่น กฎหมายความมั่นคงของเครือข่าย ความมั่นคงด้านข้อมูล และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

CAC แถลงว่า Didi Global ทำการเก็บข้อมูลแบบผิดกฎหมาย โดยเก็บภาพหน้าจอ 11.9 ภาพ จากโทรศัพท์มือถือ การเก็บข้อมูลคลิปบอร์ด ข้อมูลจากผู้สมัครใช้งาน ข้อมูลใบหน้าของผู้โดยสาร และประวัติการเดินทาง โดยไม่ได้มีการแจ้งผู้ใช้บริการให้ทราบล่วงหน้า

เมื่อปี 2021 สำนักงานต่อต้านการผูกขาดแห่งชาติของจีน (China National Anti-Monopoly Administration – CNAMA) ได้สั่งปรับกลุ่ม Alibaba Group ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ เป็นเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์ และบริษัท Meituan ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นเงิน 527 ล้านดอลลาร์

เบื้องหลังการจัดการบริษัทไฮเทค

ที่มาภาพ : https://imusic.co/books/9789811930416/andrew-collier-2022-china-s-technology-war

หนังสือ China’s Technology War (2022) เขียนถึงจุดเริ่มต้นของทางการจีนในการเล่นงานและลงโทษบริษัทเทคโนโลยีในจีนว่า ในวันที่ 24 ตุลาคม 2020 แจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซ อาลีบาบา ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมผู้นำทางการเงินในนครเซี่ยงไฮ้ โดยกล่าวโจมตีนโยบายของผู้นำจีน ที่ปฏิบัติต่อนวัตกรรมในอุตสาหกรรมแพลตฟอร์ม แจ็ก หม่า ที่ก่อตั้งบริษัทการเงินออนไลน์ Ant Group วิจารณ์เจ้าหน้าที่กำกับระบบการเงินว่า “เราไม่สามารถกำกับควบคุมอนาคตด้วยใช้วิธีการของอดีตเมื่อวานนี้”

คำพูดของแจ็ก หม่า เป็นการท้าทายโดยตรงต่อการนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สัปดาห์ต่อมา แจ็ก หม่า ถูกเรียกให้ไปพบเจ้าหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจจีน หลังจากนั้น เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกตกใจ คือตลาดทุนเซี่ยงไฮ้สั่งระงับการเสนอขายหุ้นการเข้าตลาดของ Ant Group เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งสัญญาณว่า เวลาที่บริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนของจีนเคยคิดว่าตัวเองสามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว

เวลาต่อมา โลกได้มองเห็นว่า กรณี Ant Group เป็นเพียงบทเริ่มต้นของเรื่องยาว มาตรการลงโทษบริษัทหนึ่ง ขยายไปสู่บริษัทเทคโนโลยีอื่นด้วย Alibaba ถูกปรับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ จากพฤติกรรมการผูกขาด Didi Group ถูกข้อหาว่าขายหุ้นแก่คนทั่วไป ก่อนที่จะผ่านการพิจารณาของ CAC และถูกสั่งให้ถอน 25 แอปพลิเคชันออกจากร้านออนไลน์ของตัวเอง 4 วันก่อนที่จะเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ Didi Group ถูกนักลงทุนในสหรัฐฯ ฟ้องเรื่องการให้ข้อมูลผิดพลาดในการลงทุน

ในปลายปี 2021 มูลค่าตลาดของบรรดาบริษัทแฟลตฟอร์มของจีนสูญหายไปอย่างมาก Alibaba หายไป 378 พันล้านดอลลาร์ Tencent หายไป 308 พันล้านดอลลาร์ มูลค่าของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาที่สูงถึง 120 พันล้านดอลลาร์ ก็ลดลงอย่างมาก แม้แต่หุ้นของบริษัทสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำของโลก 5 บริษัทก็สูญหายไป 67 พันล้านดอลลาร์ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตของกำลังซื้อเศรษฐกิจจีนจะเป็นอย่างไร

พร้อมกันนั้น ทางการจีนก็หันมาเน้นเรื่อง “อุดมการณ์” หลังจากการลงโทษบริษัทเทคโนโลยี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ออกมารณรงค์เรื่อง “ความมั่งคั่งร่วมกัน” (common prosperity) ซึ่งหมายถึงการทำให้มาตรฐานชีวิตของประชาชนโดยเฉลี่ยสูงขึ้น มาตรการหนึ่งคือการเรียกร้องภาคเอชนให้บริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล Alibaba ประกาศจะบริจาค 15 พันล้านดอลลาร์ Meituan ประกาศจะบริจาค 2.7 พันล้านดอลลาร์ให้มูลนิธิการกุศลของตัวเอง

เติบโตมีคุณภาพและควบคุมความเสี่ยง

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2021 ในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการการเงินและเศรษฐกิจจีน สี จิ้นผิง กล่าวต่อที่ประชุมว่า การพัฒนาเศรษฐกิจจีนประกอบด้วย 6 ด้านที่สำคัญ คือ การพัฒนาที่สมดุล การขยายจำนวนชนชั้นกลาง การปรับปรุงบริการสาธารณะ การควบคุมเรื่องการมีรายได้ที่สูง การส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกัน และการสร้างรายได้ในชนบท

สี จิ้นผิง กล่าวว่า การส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกันถือเป็นสิ่งสำคัญของระบบสังคมนิยม และความทันสมัยแบบจีนเรียกร้องให้ยึดถือแนวคิดการพัฒนา ที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง

การส่งเสริมความมั่งคั่งร่วมกันในช่วงที่จีนกำลังมุ่งสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ระบบการเงินถือเป็นแกนสำคัญของเศรษฐกิจสมัยใหม่ โดยมีการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่มาจากการประสานงานระหว่างหลักการตลาดและหลักนิติธรรม

ที่ประชุมของคณะกรรมการชุดนี้ ที่มีสี จิ้นผิง เป็นประธาน สรุปว่า จะต้องดำเนินการให้มีความสมดุลระหว่างการเติบโตที่มั่งคั่งกับการป้องกันความเสี่ยง ดำเนินการให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจแบบมีคุณภาพ และให้มีการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน

ที่มาภาพ : https://english.news.cn/20220119/08935ba3904e4c94ad42a7ba78b86733/c.html

เศรษฐกิจแพลตฟอร์มของจีน

หนังสือ China’s Technology War อธิบายลักษณะเศรษฐกิจแพลตฟอร์มของจีนว่า บริษัทแพลตฟอร์มเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของจีน เป็นหัวหอกของการสร้างนวัตกรรม เนื่องจากมีประชากรมากที่สุดในโลก ทำให้บริษัทแพลตฟอร์ของจีนมีประสิทธิภาพมากกว่าบริษัทเดียวกันในประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัททางด้านการส่งสินค้า การขนส่ง อีคอมเมิร์ซ และการเงินแบบออนไลน์

การเข้มงวดและลงโทษบริษัทแพลตฟอร์มจะมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจนี้ในจีน ในทัศนะของผู้นำจีน เศรษฐกิจแพลตฟอร์มให้ความสะดวกแก่ผู้บริโภค แต่ไม่ได้มีส่วนสำคัญต่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เป็น “แก่นของเทคโนโลยี” คือ เซมิคอนดักเตอร์

จีนเป็นประเทศที่มีฐานขนาดใหญ่ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 61% ของประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สมาชิกบริการสมาร์ทโฟนมีถึง 1.3 พันล้านคน และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 800 ล้านคน ทำให้จีนมีความได้เปรียบด้านเศรษฐกิจดิจิทัล แต่รัฐบาลจีนเห็นว่า การให้บริการออนไลน์ของบริษัทแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Didi Global หรือ Alibaba เป็นการให้ความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ ดังนั้น บริษัทแพลตฟอร์มจึงต้องมีบทบาทมากกว่านี้

China’s Technology War ระบุว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนเติบโตรวดเร็ว ในปี 2020 มีมูลค่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 39% ของ GDP มากกว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่น ปี 2020 ยอดการซื้อขายด้านอีคอมเมิร์ซมากถึง 37.2 ล้านล้านหยวน จากข้อมูลของ McKinsey ปี 2016 บริษัทเกิดใหม่ (Startup) ของจีน ทีมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ มีอยู่ 34 บริษัท เทียบกับสหรัฐฯ ที่มี 47 บริษัท ปี 2020 บริษัทแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ 4 บริษัท Alibaba Tencent Meituan และ JD.com มีกำไรรวมกัน 250 พันล้านหยวน แต่ก็แค่ 2.9% ของกำไรทั้งหมดของบริษัทอุตสาหกรรมจีน

ดังนั้น ในสายตาของผู้นำจีน บทบาทหลักของบริษัทแพลตฟอร์มต่อเศรษฐกิจจีน คือการจ้างงาน ในปี 2020 บริษัทแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ 4 บริษัท มีพนักงานทั้งหมด 587,569 คน มีสัดส่วนแค่ 0.1% ของการจ้างงานทั้งหมดของจีน ที่มีอยู่ 750 ล้านคน แต่ถ้ามองให้กว้างออกไป รวมไปถึงการจ้างงานที่บริษัทแพลตฟอร์มีส่วนทำให้เกิดขึ้น จำนวนการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นมาก เช่น Alibaba ทำให้เกิดการจ้างงาน 40 ล้านงาน เพราะรวมถึงพนักงานขายสินค้าต่างๆ ผ่านบริษัทอีคอมเมิร์ซของ Alibaba ที่ทาง Alibaba ทำสัญญากับบริษัทขนาดเล็ก 11 ล้านบริษัท

ทาง Didi Global ก็เปิดเผยว่า ระบบบริการเรียกรถโดยสารออนไลน์ สร้างการทำงานแบบยืดหยุ่น 10 ล้านงาน ทำให้จากปี 2016-2019 คนใช้บริการเรียกรถแบบออนไลน์เพิ่มจาก 32% เป็น 47% ของจำนวนคนใช้รถเช่าทั้งหมด

การกำกับควบคุมและลงโทษทางกฎหมายต่อบริษัทแพลตฟอร์ม คงจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตของธุรกิจนี้ในจีน เพราะบริษัทแพลตฟอร์มมีบทบาทต่อเศรษฐกิจจีน มากกว่าการจ้างงานโดยตรง เช่น บริษัทขนาดกลางและเล็กสามารถใช้เป็นช่องทางการขายบริษัทแพลตฟอร์มทำให้เกิดบริการใหม่ๆ เช่น บริการส่งอาหารตามสั่ง และประสิทธิภาพการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

เอกสารประกอบ

China Fines Didi $1.2 Billion mas Tech Sector Pressures Persist, July 22, 2022, nytimes.com
China’s Technology War: Why Beijing Took Down Its Tech Giants, Andrew Collier, Palgrave MacMillan, 2022.