ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ พร้อมรับศึกอภิปราย มั่นใจตอบได้ทุกประเด็น — มติ ครม. กู้ 3,995 ล้าน จัดหายารักษาโควิดฯ

นายกฯ พร้อมรับศึกอภิปราย มั่นใจตอบได้ทุกประเด็น — มติ ครม. กู้ 3,995 ล้าน จัดหายารักษาโควิดฯ

18 กรกฎาคม 2022


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายกฯ พร้อมรับศึกอภิปราย มั่นใจตอบได้ทุกประเด็น-วอนฝ่ายค้านพูดข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ อย่าบิดเบือน — ชี้เงินกู้-งบกลางเหลือน้อย-ใช้จ่ายต้องเกิดประโยชน์สูงสุด — “ศักดิ์สยาม” ตั้งเป้าจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 1 พันคันในปีนี้ — มติ ครม. อนุมัติเงินกู้ 3,995 ล้าน จัดหายารักษาโควิดฯ – เห็นชอบ กนอ. ร่วมทุนเอกชน พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด 3.2 พันล้าน — ไฟเขียวคลังค้ำหนี้ ขสมก. ปี ’66 กู้อีก 7,516 ล้าน

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน อีกทั้งยังมอบหมายให้ ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานข้อสั่งการแทนนายกรัฐมนตรี

ชี้เงินกู้-งบกลางเหลือน้อย-ใช้จ่ายต้องเกิดประโยชน์สูงสุด

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ได้มีการอนุมัติวงเงินกู้จากงบประมาณด้านสาธารณสุขที่เหลืออยู่ประมาณ 500,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่เหลืออยู่ไม่มากนัก จำเป็นต้องรักษาไว้และจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไปจนถึงเดือนเดือนธันวาคม 2565 ส่วนงบกลางเหลือจำนวนหนึ่งสำหรับเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัย และเรื่องอื่นๆ ที่มีความสำคัญ

พร้อมรับศึกอภิปราย มั่นใจตอบได้ทุกประเด็น

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า “ผมได้หารือกับทุกพรรคการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และใน ครม. ผมเพียงแต่พูด ขอให้ทุกคน เตรียมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้สามารถชี้แจงได้ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ผมก็เชื่อมั่นทุกคนว่าจะชี้แจงต่อคำถามได้ในทุกประเด็นที่มีความสำคัญและเป็นข้อเท็จจริง”

ถามว่า มีความกังวลเกี่ยวกับพรรคเล็กหรือไม่ พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมเคยบอกแล้วว่าผมทำงานด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของผม เชื่อมั่นว่าทุกคนก็ทำงานมาอย่างนั้น เพราะเป้าหมาย คือ ประชาชนและประเทศชาติ ผมก็มีความเชื่อมั่น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็รับได้ทุกเรื่อง”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความมั่นใจอย่างไร” พลเอก ประยุทธ์ ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องให้ความมั่นใจผมตอนนี้ ผมมั่นใจกับท่านมาตลอดชีวิต ต่างคนต่างไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เรื่องใดที่เป็นปัญหาก็หารือกัน หาทางแก้ปัญหาด้วยกัน ผมไม่มีปัญหาอะไรกับท่าน ท่านก็ไม่มีปัญหาอะไรกับผม”

วอนฝ่ายค้านพูดข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ อย่าบิดเบือน

พลเอก ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “ขอให้พูดอะไรที่เป็นประโยชน์เป็นข้อเท็จจริง เรื่องที่ไม่บิดเบือน พูดในเรื่องที่ไม่เกิดความเสียหายกับการบริหารสถานการณ์แผ่นดิน และการบริหารประเทศชาติ เพื่อจะได้ไม่มีผลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ทั้งหมดต้องระมัดระวังอย่างที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เพราะบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การลงทุน การค้า การตลาด เศรษฐกิจต่างๆ มันมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด ก็ขอให้ดูสถานการณ์ต่างประเทศ ทั้งในอาเซียนและภูมิภาคอื่น ทุกคนมีปัญหาหมด”

“เราในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในประชาคมโลกไปพิจารณาด้วยว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เป็นไปตามกฎหมายของเราและกฎหมายระหว่างประเทศ หลายอย่างอาจจะคิดว่าทำไมไม่ทำโน่นทำนี่ ต้องไปดูหลายๆ อย่างประกอบกันว่าทำแล้วจะเกิดผลกระทบอย่างอื่นหรือไม่ รัฐบาลก็พยายามแก้ปัญหาทุกอัน อาจจะกล่าวได้ว่าผมทำได้ดีที่สุดหรือดีกว่าใคร ผมไม่พูด แต่ผมก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด มากที่สุด ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน ประเทศชาติสำคัญกว่าอย่างอื่น” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

สั่งเตรียมพร้อมรับมือโควิดฯ หลังหยุดยาว 5 วัน

ด้าน ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานข้อสั่งการและคำปรารภของนายกรัฐมนตรีว่า นายกฯ ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันติดตามสถานการณ์โควิด-19 เตรียมความพร้อมในการรับมือโควิดหลังวันหยุดยาว 5 วันที่ผ่านมา โดยย้ำเรื่องการสวมหน้ากาก และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ขอให้สวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

นายกฯ ยังมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข และกรมประชาสัมพันธ์ เตรียมความพร้อมในการรักษาด้านต่างๆ ทั้งเตียงและยา รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ พร้อมกำชับเรื่องการจัดกิจกรรมทุกพื้นที่ว่าให้ดูแลมาตรการกวดขันและป้องกัน และย้ำว่า “เราไม่สามารถกลับไปที่เก่า”

โต้สื่อโซเชียล ยันยารักษาโควิดฯไม่ขาด

ดร.ธนกร กล่าวต่อว่า “ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ยารักษาโควิด-19 ไม่มีหรือขาด มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นฟาวิพิราเวียร์ โมนูลพิราเวียร์ หรือ เวชภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเรามีความพร้อม และมีสำรองอยู่ เพื่อใช้ในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึงแน่นอน”

“แต่ก็ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่พี่น้องประชาชนติดโควิด-19 แล้วต้องให้ยาฟาวิพิราเวียร์เลย ตรงนี้แพทย์จะต้องเป็นคนแนะนำ อย่างผมเองป่วยเป็นโควิด ก็รักษาตามอาการ ส่วนยาก็ต้องตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น 608 หรือผู้มีอาการหนัก อยากจะขอทำความเข้าใจไปยังสื่อต่างๆ ด้วย”

“ศักดิ์สยาม” ตั้งเป้าจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 1 พันคันในปีนี้

ดร.ธนกร กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม. วันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายงานในที่ประชุมว่า ภายในปีนี้จะมีรถเมล์ไฟฟ้า (EV) ออกมาให้บริการประชาชนประมาณ 1,000 คัน นอกจากนี้นายกฯ ยังอยากเห็นการปรับโฉมรถตุ๊กตุ๊กไทย โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

สั่งรวบรวมรายชื่อผู้บริหารหญิงเสนอที่ประชุมนานาชาติ

ดร.ธนกร กล่าวต่อว่า นายกฯ ต้องการส่งเสริมศักยภาพสตรีไทย โดยขอให้หน่วยงานต่างๆ รวบรวมรายชื่อผู้บริหารสตรีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเมือง ทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่ หรือ เพิ่งเกษียณ เพื่อนำไปรายงานหรือแจ้งในเวทีการประชุมระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นศักยภาพและโอกาส บทบาทของสตรีไทยในบริบทต่างๆ

มติ ครม. มีดังนี้

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกฯ และน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม ครม.
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

อนุมัติเงินกู้ 3,995 ล้าน จัดหายารักษาโควิดฯ

ดร. ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ เห็นชอบโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 กรอบวงเงิน 3,995.27 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 3 เดือน (กรกฎาคม – กันยายน 2565) แบ่งเป็นสำหรับซื้อยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ (ของใหม่) ได้แก่ Favipiravia/Molnupiravia เฉลี่ย 27 ล้านเม็ด/เดือน (จำนวน 1,296.00 ล้านบาท) และ Remdesivir จำนวน 57,000 vial/เดือน (จำนวน 21.96 ล้านบาท) วงเงินรวม 1,317.96 ล้านบาท รวมทั้งเป็นการแบ่งค้างชำระ สำหรับ Favipiravia/Molnupiravia 165 ล้านเม็ด (จำนวน 2,653.81 ล้านบาท) และค่าชุดตรวจ ATK จำนวน 1 ล้านชุด (จำนวน 23.50 ล้านบาท) ของเดือน มีนาคม – มิถุนายน 2565 รวมวงเงิน 2,677.31 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับ เตรียมความพร้อมในการรับมือและป้องกันโรคโควิด-19 และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 สนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ

เห็นชอบข้อตกลงด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ “ไทย-สหรัฐ”

ดร. รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุม ครม. เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแห่งประเทศไทย กับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์แห่งสหรัฐอเมริกา (USNRC) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ซึ่งฉบับเดิมสิ้นสุดแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2565 สำหรับร่างความตกลงฉบับใหม่นี้ ยังคงหลักการเดิมไว้ โดยเป็นเอกสารสัญญาที่กำหนดขอบข่ายและแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงเทคนิคเกี่ยวกับกฎและระเบียบ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลความปลอดภัย ความมั่นคงปลอดภัย การพิทักษ์ ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ มีระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะขับเคลื่อนภายใต้ขอบเขตของข้อตกลง ประกอบด้วย 1) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการที่ไม่เป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี 2) ความร่วมมือในการวิจัยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ และ 3) การฝึกอบรมและการมอบหมายหน้าที่ โดยจะขับเคลื่อนผ่านการ

ดร. รัชดากล่าวด้วยว่า ไทยจะได้รับประโยชน์จากร่างความตกลงฉบับนี้ อาทิ 1) ได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนและฝึกอบรมในหัวข้อที่ไทยขาดความเชี่ยวชาญ 2) โครงการฝึกอบรมด้านการประเมินความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์แบบเครื่องปฏิกรณ์วิจัยและแบบเครื่องปฏิกรณ์กำลังเพื่อการอนุญาตและตรวจสอบ การก่อสร้าง สำหรับใช้ในการประเมินและตรวจสอบแบบก่อสร้างของโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยรังสีรักษาจากโบรอนจับยึดนิวตรอนและโครงการจัดตั้งสถานประกอบการอื่นๆ ในอนาคต เป็นต้น

ไฟเขียว กนอ. ร่วมทุนเอกชน พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด 3.2 พันล้าน

ดร.รัชดา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินโครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะร่วมกับบริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด ตั้งอยู่ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อขนถ่ายสินค้าทั่วไป มูลค่าโครงการรวม 3,221 ล้านบาท ซึ่งสัมปทานเดิมของบริษัทจะสิ้นสุดในวันที่ 16 กันยายน 2565 โดยการทำสัญญาใหม่ในครั้งนี้ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อพัฒนาท่าเทียบเรืออเนกประสงค์จากเดิมที่ทางบริษัทได้ให้บริการขนถ่ายทั้งสินค้าทั่วไปและสินค้าเทกอง ส่วนสัญญาใหม่นี้จะลงทุนในส่วนของการเพิ่มบริการเกี่ยวกับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ เช่น ติดตั้งเครนยกตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท่าเทียบเรือ การให้บริการซ่อมและทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ การพัฒนาพื้นที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการและเรือมาใช้บริการขนถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเพิ่มขึ้น

สำหรับรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะมอบสิทธิให้เอกชนเพื่อดำเนินโครงการและเข้าใช้ทรัพย์สินเดิม มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี โดย กนอ. ไม่ต้องสนับสนุนงบหรือลงทุนใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากเงินลงทุนภาครัฐ 963 ล้านบาท เป็นมูลค่าทรัพย์สินเดิมของโครงการที่มีอยู่แล้ว ส่วนภาคเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดจำนวน 2,257 ล้านบาท และเป็นบริหารจัดการท่าเรือรวมถึงจัดสรรผลตอบแทนให้ กนอ. ตามที่ตกลงไว้ คือ 1) ค่าเช่าพื้นที่ 2) ค่าตอบแทนคงที่ในปีแรก และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทุก 5 ปี 3) รายได้จากค่าภาระเรือเข้าท่าทั้งหมด (Port Dues) 4) ส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินกิจการร้อยละ 5 (ไม่รวม Port Dues) นอกจากนี้ เมื่อสิ้นสุดสัมปทานระยะเวลา 30 ปี ภาคเอกชนต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ลงทุนใหม่ให้แก่ กนอ. ด้วย

เห็นชอบแถลงการณ์ร่วม รมต.อาเซียน หนุนความเท่าเทียมทางเพศ

ดร.รัชดา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 4 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังสตรี และเด็กหญิงในภูมิภาคอาเซียนตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี 2568 โดยตระหนักถึง 1) ผลกระทบด้านเพศภาวะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อสตรีและเด็กหญิง 2) สถานะของสตรีที่มีแนวโน้มอยู่ด้อยกว่าบุรุษ และกลุ่มสตรีที่อาศัยในชนบทที่ยากจน กลุ่มสตรีชาติพันธุ์ สตรีพิการ สตรีย้ายถิ่นฐาน ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกละทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสการเข้าถึงของสตรีผ่านการปฏิวัติทางดิจิทัล เช่น การส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีดิจิทัลและการสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันทางดิจิทัลเพื่อให้สตรีของอาเซียนปรับตัว พัฒนา และประสบความสำเร็จภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคอาเซียน

มากไปกว่านั้น สาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วมยังได้ยืนยันถึงการส่งเสริมสตรีใน 2 ด้าน ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมสตรีในเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงการเข้าถึงการสนับสนุนและข้อมูลด้านการเงิน การฝึกอบอรม เสริมสร้างศักยภาพ โอกาสด้านการตลาดและความเชื่อมโยงนโยบายอื่นๆ 2) การมีส่วนร่วมของสตรีในกระบวนการตัดสินใจและการกำหนดนโยบาย โดยรับฟังเสียงและความต้องการของสตรี เพื่อประกันว่าการดำเนินนโยบายและแผนงานมีมุมมองมิติเพศภาวะ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะแจ้งผลการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป

“จุรินทร์” เผยสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันปาล์มขวดลดลง 3-4 บาท

ดร.รัชดา กล่าวว่า ก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานเร่งรัดการลดราคาน้ำมันปาล์มขวด เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนผลิต ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้วราคาขายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ได้ปรับลดลงมา 5-6 บาท และในภายในสัปดาห์นี้ ทางกรมการค้าภายในได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการว่า ราคาจะลดลงอีก 3-4 บาท อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ภายใต้มาตราการเข้าดูแลค่าครองชีพประชาชน กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมขับเคลื่อนอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการจัดจำหน่าย ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งปรับสูงขึ้นอย่างมาก แต่สินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ หรือแม้มีการปรับขึ้นก็อยู่ในวงจำกัด

ดร.รัชดา กล่าวด้วยว่า สำหรับไก่สด คาดว่าเร็วๆ นี้ราคาจะปรับลดลง หลังจากที่ได้หารือกับโรงชำแหละรายใหญ่ ซี่งพร้อมให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ ช่วงก่อนหน้าที่ราคาไก่สดปรับสูงขึ้นเนื่องจาก ส่วนประกอบของอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่ราคาเนื้อหมูก็จะปรับลดลงเช่นเดียวกัน โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้ยืนยันให้ความร่วมมือกับกระทรวง ที่จะรักษาระดับราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้ที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม แม้ต้นทุนการเลี้ยงยังคงสูง

“นายจุรินทร์ ได้สั่งการเรื่องควบคุมดูแลราคาสินค้า ซึ่งสินค้าบางตัวจะเป็นการดำเนินการในลักษณะความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพราะต้นทุนสินค้าหากนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูงขึ้น ก็อาจมีการปรับขึ้นบ้างหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสินค้าหลายตัวผู้ประกอบการ และผู้จัดจำหน่าย ได้ให้ความร่วมมือด้วยการตรึงราคาสินค้าไว้ โดยกระทรวงพาณิชย์มีการใช้นโยบายวิน-วินโมเดล คือต้องดูปริมาณสินค้าให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสินค้าขาดแคลนอาจเป็นปัญหาต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าต่อไปได้ และผู้บริโภคจะไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป” ดร.รัชดา กล่าว

ไฟเขียวคลังค้ำหนี้ ขสมก. ปี ’66 กู้อีก 7,516 ล้าน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ 2566 รวมจำนวน 7,516 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ในการกู้เงิน โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ขสมก. ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากผลประกอบการที่ขาดทุนและไม่ได้รับเงินชดเชยผลการขาดทุนตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง

ทั้งนี้ มีสาเหตุหลักมาจากการที่ ขสมก. เก็บค่าโดยสารตามอัตราที่ภาครัฐกำหนดซึ่งต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง และไม่สามารถปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามสภาวการณ์ปัจจุบันได้ จึงส่งผลให้มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ภาระหนี้สินสะสม และดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบัน ขสมก. อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนร่างแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ฉบับปรับปรุงใหม่ ทำให้ ขสมก. ยังคงมีหนี้สินค้างชำระรวมทั้งสิ้น 132,565 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขสมก. ได้จัดทำประมาณการเงินสดรับ-จ่าย ในปีงบประมาณ 2566 คาดว่าจะมีเงินสดคงเหลือปลายงวดขาดมือจำนวน 42,640 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ดั้งนั้น เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินและสามารถ ทำให้องค์กรบริหารจัดการต่อไปได้ ขสมก. จึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 42,640 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระและไถ่ถอนพันธบัตรเงินกู้ จำนวน 35,123 ล้านบาท ซึ่งได้นำเสนอสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อบรรจุเข้าแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 แล้ว จึงคงเหลือเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และเป็นเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานของ ขสมก. ในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 7,516 ล้านบาท เป็นการชำระค่าเชื้อเพลิงวงเงิน 2,250 ล้านบาท, ชำระค่าเหมาซ่อม 1,422 ล้านบาท และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 3,844 ล้านบาท

ทั้งนี้ ขสมก. รายงานว่า การกู้เงินในครั้งนี้ จะทำให้สามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยค้างชำระได้เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่กู้เงินที่ภาระดอกเบี้ยค่าเชื้อเพลิงอยู่ที่ร้อยละ 5.82 ต่อปี ค่าเหมาซ่อมอยู่ที่ร้อยละ 6.35 ต่อปี รวมเป็นดอกเบี้ยที่ต้องชำระ 221.27 ล้านบาทต่อปี แต่หากกู้เงินต้นทุนดอกเบี้ยจะปรับลดลงเหลือเฉลี่ยร้อยละ 1.098 ต่อปี รวมดอกเบี้ยที่ต้องชำระ 40.324 ล้านบาท หรือประหยัดดอกเบี้ยได้ 180.95 ล้านบาท

กำหนดเกณฑ์ “รถป้ายแดง” ลดปัญหาใช้รถไม่จดทะเบียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์ หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม และกำหนดแบบใบอนุญาตสมุดคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์ หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม โดยกำหนดอายุของใบอนุญาตและเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องรายงานการใช้เครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปรับปรุงแบบใบอนุญาตคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ เพื่อให้ทางราชการสามารถควบคุม กำกับ ดูแลการใช้เครื่องหมายพิเศษ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปัญหาการหลีกเลี่ยงการใช้รถโดยไม่จดทะเบียน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รายละเอียดการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวง ประกอบด้วย

    1. กำหนดอายุของใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถ และเครื่องหมายพิเศษให้ชัดเจน (จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้) โดยกำหนดให้ใบอนุญาต (ใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม) คู่มือประจำรถ (ที่นายทะเบียนออกให้แก่ผู้ได้รับอนุญาต) และเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดงที่นายทะเบียนออกแก่ผู้ได้รับใบอนุญาต) มีอายุ 5 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต
    2. กำหนดสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ชัดเจน (จากเดิมไม่กำหนดไว้) โดยให้ผู้ที่มีรถยนต์ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม ถ้าจะขับเองหรือให้ผู้อื่นขับ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ซึ่งสถานประกอบกิจการนั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมขนส่งทางบกกำหนดได้
    3. การปรับปรุงใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและลักษณะเครื่องหมายพิเศษ ให้เป็นปัจจุบัน และมีความชัดเจนยิ่งขึ้น และกำหนดให้ในการออกใบอนุญาตให้นายทะเบียนออกเครื่องหมายพิเศษหนึ่งคู่ซึ่งมีหมายเลขเดียวกันและสมุดคู่มือประจำรถ โดยมีรายละเอียด

      3.1) แบบใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม มีการเพิ่มข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขทะเบียนนิติบุคคลและอีเมลของผู้ได้ใบอนุญาต ระบุวันสิ้นสุดอายุใบอนุญาตไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งตรากรมการขนส่งทางบกเป็นพื้นหลังใบอนุญาต

      3.2) สมุดคู่มือประจำรถ เพิ่มคิวอาร์โค้ด เพื่อให้สามารถตรวจสอบว่ากรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ออกสมุดคู่มือประจำรถนั้นๆ

      3.3) ลักษณะเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง) ปรับขนาดแผ่นป้ายให้มีขนาดกว้าง 15 ซม. ยาว 30 ซม. (เดิม 34 ซม.) และแผ่นป้ายแบบใหม่จะแบ่งเป็น 3 บรรทัด จากเดิม 2 บรรทัด โดยบรรทัดที่1 ประกอบด้วยตัวเลขประจำหมวดตัวที่ 1 ตัวอักษรประจำหมวดตัวที่2 และหมายเลขทะเบียนไม่เกิน 4 หลัก (เดิมประกอบด้วยตัวอักษรบอกหมวด ขีดตามทางยาวและตามด้วยตัวเลข) บรรทัดที่ 2 เป็นตัวอักษรบอกชื่อจังหวัด เว้นแต่กรณี อำเภอเบตง จังหวัดยะลาให้ใช้คำว่า เบตง และบรรทัดที่ 3 เป็นตัวอักษร “เพื่อขายหรือซ่อม”

    4. กำหนดเงื่อนไขการใช้ และการรายงานข้อมูลการใช้เครื่องหมายพิเศษของผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติ ได้แก่ 4.1) ติดเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง) ที่ด้านหน้าและท้ายรถด้านละ 1 แผ่นให้สามารถมองเห็นชัดเจน 4.2) จัดทำรายงานการใช้เครื่องหมายพิเศษในระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกครั้งที่มีการหมุนเวียนไปใช้กับคันอื่น ตามที่กรมขนส่งทางบกกำหนด โดยหากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนายทะเบียนมีอำนาจพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตได้
    5. การขอใบอนุญาต กรณีใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ ให้ยื่นคำขอพร้อมหลักฐานล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน ก่อนวันที่ใบอนุญาตเดิมสิ้นสุด โดยในการพิจารณาต่อใบอนุญาตนายทะเบียนต้องตรวจสอบว่าผู้ยื่นคำขอได้จัดทำรายงานการใช้เครื่องหมายพิเศษในระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกครั้งที่มีการหมุนเวียนไว้กับรถคันอื่นหรือไม่
    6. กำหนดเหตุที่ใบอนุญาตสิ้นสุดตามกรณี ดังต่อไปนี้ 6.1) ใบอนุญาตครบ 5 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต 6.2) ผู้ได้รับอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล 6.3) ผู้ได้รับอนุญาตเลิกประกอบกิจการ 6.4) กรมขนส่งทางบกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งในกรณีที่ใบอนุญาตสิ้นสุด ผู้ได้รับอนุญาตต้องคืนใบอนุญาต เครื่องหมายพิเศษและสมุดคู่มือประจำรถภายใน 15 วันนับแต่วันที่ใบอนุญาตสิ้นสุด
    7. กำหนดเงื่อนไขการขอใบแทน ใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายพิเศษ กรณีสูญหายหรือชำรุดในสาระสำคัญ โดยกำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตยื่นคำต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันทราบการสูญหายหรือชำรุด
    8. บทเฉพาะการกำหนดให้บรรดาใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายที่จัดทำไว้แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับ ซึ่งนายทะเบียนจะออกให้หรือได้ออกให้แล้วแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไปไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ

ตั้ง “เพ็ญแข ลาภยิ่ง” ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางสาวเพ็ญแข ลาภยิ่ง ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย ให้ดำรงตำแหน่ง ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

อ่าน มติ ครม. ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 เพิ่มเติม