ThaiPublica > คนในข่าว > “ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกฯญี่ปุ่น เจ้าของนโยบาย Abenomics ถึงแก่อสัญกรรมหลังถูกลอบยิง

“ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกฯญี่ปุ่น เจ้าของนโยบาย Abenomics ถึงแก่อสัญกรรมหลังถูกลอบยิง

9 กรกฎาคม 2022


อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ เสียชีวิตในโรงพยาบาล ขณะเข้ารับการรักษา หลังจากถูกลอบยิงที่ถนนในเมืองนารา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคเสรีประชาธิปไตย(Liberal Democratic Party:LDP)

นพ.ฟุกุชิมะ ฮิเดทาดะ จากมหาวิทยาลัยการแพทย์นารา ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำการรักษานายอาเบะ แจ้งการเสียชีวิตของนายอาเบะ โดยกล่าวว่า “เราพยายามช่วยชีวิตเขา แต่โชคร้าย เขาเสียชีวิตเมื่อเวลา 17:03 น.(ตามเวลาในญี่ปุ่น)”

แพทย์ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์นาราเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า นายชินโซ อาเบะ มีเลือดออกมากจากแผลลึก 2 แผล และไม่มีสัญญาณชีพเมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลังจากถูกยิง

แผลหนึ่งอยู่ที่คอและอีกแผลหนึ่งลึกไปถึงหัวใจ “โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้” แพทย์บอกกับรอยเตอร์

สถานีโทรทัศน์ NHKรายงานก่อนหน้านี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อาเบะ ชินโซ ทรุดตัวลงเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะกำลังกล่าวปราศรัยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งริมถนนในเมืองนารา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น จากถูกลอบยิง โดยผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังลั่นสองครั้ง

นายอาเบะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หน่วยพยาบาลฉุกเฉินบอกว่าเขาไม่มีสัญญาณชีพ

นายอาเบะนอนจมกองเลือดก่อน ถูกส่งตัวโดย medevac ด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์นาราในเมืองคาชิฮาระในเขตจังหวัด ตำรวจกล่าวว่า นายอาเบะดูเหมือนจะถูกยิงจากด้านหลัง

อดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กล่าวปราศรัยหน้าสถานียามาโตะ-ไซไดจิ สายคินเท็ตสึ ในเมืองนารา เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่มาภาพ:https://www.asahi.com/ajw/articles/photo/43268655

นักข่าว NHK ซึ่งทำหน้าที่รายงานข่าวการหาเสียงของนายอาเบะอยู่ในที่เกิดเหตุกล่าวว่า เธอได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก่อนนายอาเบะจะทรุดตัวลงบนพื้นถนน และถ่ายภาพขณะที่มีคนจัดการกับผู้ต้องสงสัย

นายอาเบะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยมีรอยเลือดที่เสื้อ เห็นได้ชัดว่าไม่แสดงสัญญาณชีพ ขณะที่ส.ส.พรรค LDP กล่าวว่า มีข้อมูลว่า นายอาเบะถูกยิงที่ด้านซ้ายของลำตัวส่วนบน

สถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟยามาโตะไซไดจิ สายคินเท็ตสึ ในเมืองนารา ทั้งนี้นายอาเบะอยู่ในนารา ระหว่างการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนผู้สมัครพรรคเสรีประชาธิปไตย( Liberal Democratic Party:LDP) ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในสภาสูงเมื่อวันอาทิตย์ และมีคนจำนวนมากฟังการปราศรัยของเขาใกล้สถานีรถไฟเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น

สมาชิกพรรค LDP ในพื้นที่เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ของนายอาเบะได้มีการเตรียมการในช่วงบ่ายวันก่อนหน้า และเปิดเผยรายละเอียดผ่านสื่อโซเชียล

ตำรวจจับกุม ยามากามิ เท็ตสึยะ วัย 41 ปี ในเมืองนาราฐานพยายามฆ่า โดยกล่าวว่าพวกเขายึดปืนได้ที่จุดเกิดเหตุซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้ต้องสงสัยถืออยู่ ชายผู้นี้เป็นอดีตสมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น(Japanese Maritime Self-Defense Force) ตำรวจกล่าวว่า มือปืนยอมรับว่าเขาพยายามฆ่าอาเบะเพราะ “ไม่พอใจ” ในตัวนายอาเบะ

หลังเกิดเหตุรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่านายอาเบะถูกยิงแต่ยังไม่ทราบอาการแน่ชัด โดยหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฮิโรคาสึ มัตสึโนะ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรง “เราขอประณามเรื่องนี้อย่างแรง” โฆษกรัฐบาลกล่าว

นายมัตสึโนะกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะจะเดินทางกลับสำนักงานในกรุงโตเกียวจากจังหวัดยามากาตะ ที่เขากำลังหาเสียง และขอให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีทุกคนรวมตัวกันในเมืองหลวง

มือปืนต้องสงสัยรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควบคุมตัวไว้ หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ถูกยิงที่นาราเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่มาภาพ:https://www.asahi.com/ajw/articles/photo/43268654

นายกฯญี่ปุ่นประณามป่าเถื่อน

ด้านนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ซึ่งกำลังรณรงค์หาเสียงในจังหวัดยามากาตะ ได้ยกเลิกโปรแกรมหาเสียงที่เหลือทั้งหมดและตัดการปราศรัยให้เหลือแค่ฟูกูชิมะและเกียวโต เพื่อเดินทางกลับเข้ากรุงโตเกียว และขอให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีทุกคนรวมตัวกัน

นายคิชิดะ ได้กล่าวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบยิง ว่า “การกระทำที่น่ารังเกียจและป่าเถื่อนซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการเลือกตั้งซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตยนั้นไม่อาจยอมรับได้ เราขอประณามการลอบยิงครั้งนี้อย่างรุนแรงที่สุด”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจในการลอบยิง และกล่าวว่าหมอกำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตนายอาเบะ

ส่วนนายโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นซึ่งเป็นน้องชายของนายอาเบะ กล่าวว่า กระทรวงฯกำลังทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อหาสาเหตุที่อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะถูกยิง

ที่มาภาพ: https://english.kyodonews.net/news/2022/07/a0285cdcc6d2-breaking-news-ex-pm-abe-attacked-by-unidentified-man-on-road-in-japan.html

ผู้นำร่วมส่งกำลังใจ-สหรัฐ อินเดียไว้อาลัย

การลอบยิงนายอาเบะ สร้างความตกใจทั่วทั้งประเทศและทั่วโลก โดยก่อนหน้าที่จะมีการรายงานการเสียชีวิตของนายอาเบะ ผู้นำและเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของหลายประเทศได้ออกมาแสดงห่วงใยและประณามการกระทำที่โหดร้าย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าเขา “ตกตะลึง โกรธ และเสียใจอย่างมากกับข่าวที่ว่า อาเบะ ชินโซ เพื่อนของผม อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกยิงเสียชีวิตขณะหาเสียง”

“เหนือสิ่งอื่นใด [อาเบะ] ห่วงใยชาวญี่ปุ่นอย่างที่สุดและอุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พวกเขา แม้ในขณะที่เขาถูกโจมตี เขาก็มีส่วนร่วมในงานเพื่อประชาธิปไตย” ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ที่ออกโดยทำเนียบขาว “แม้ว่าจะมีรายละเอียดมากมายที่เรายังไม่รู้ แต่เรารู้ว่าการโจมตีด้วยความรุนแรงไม่เคยเป็นที่ยอมรับ และความรุนแรงของปืนมักทิ้งรอยแผลเป็นลึก ๆ ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างญี่ปุ่นในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกนี้ ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเขา ”

เพื่อไว้อาลัยกับการเสียชีวิตของนายอาเบะ ประธานาธิบดีไบเดนได้สั่งให้ลดธงชาติอเมริกันลงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาวและในที่ตั้งของหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่นๆ จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2565

ด้านอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยกย่องนายอาเบะในโพสต์ 2 โพสต์ใน Truth Social เมื่อเช้าวันศุกร์ โดยชี้ว่าการเสียชีวิตเขาว่า “เป็นการสูญเสียใหญ่สำหรับชาวญี่ปุ่นที่ยอดเยี่ยม”

“น้อยคนนักที่จะรู้ว่าชายผู้ยิ่งใหญ่และผู้นำ ชินโซ อาเบะ เป็นอย่างไร แต่ประวัติศาสตร์จะสอนพวกเขาและเมตตา” ทรัมป์เขียน “เขาเป็นคนที่รวมกันเป็นหนึ่งไม่เหมือนใคร แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นผู้ชายที่รักและหวงแหนความงดงามของประเทศของเขา”

อดีตประธานาธิบดียังเรียกร้องให้จัดการผู้ลอบสังหารนายอาเบะ “อย่างรวดเร็วและรุนแรง”

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายแอนโทนี บลิงเคน ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G20 ในบาหลีแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่ออาการของนายอาเบะ โดยกล่าวว่า “ขอส่งความห่วงใยและส่งแรงอธิษฐานไปยังนายอาเบะและชาวญี่ปุ่น”

นายราห์ม เอมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น กล่าวว่า “เสียใจและตกใจ” กับเหตุลอบยิง

นายอาเบะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามาและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ความสัมพันธ์ของเขากับทรัมป์มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันพยายามสร้างสัมพันธ์อันอบอุ่นกับเกาหลีเหนือ และได้การต้อนรับเย็นชาจากผู้นำโลกคนอื่นๆ

อดีตรองประธานาธิบดี นายไมค์ เพนซ์ ทวีตว่า เขาและอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 2 คาเรน เพนซ์ “เศร้าใจอย่างยิ่ง” เมื่อได้ยินข่าวการลอบยิงในเช้าวันศุกร์

“เราร่วมกับคนนับล้านอธิษฐานให้กับผู้ชายที่ดีจริงๆ และครอบครัวของเขา ขอพระเจ้าอวยพร ชินโซ อาเบะ” นายเพนซ์ทวีต

นายอาเบะได้เยือนฮิโรชิมาร่วมกับประธานาธิบดีโอบามาในขณะนั้นช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ไปเยือนเมืองที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกในปี 2488 ต่อมาในปีเดียวกัน นายอาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกจากญี่ปุ่นที่มาเยือน เพิร์ลฮาร์เบอร์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อไปเยือนฐานทัพกับประธานาธิบดีโอบามา

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนนายจ้าว ลี่เจี้ยน กล่าวว่า “เราทราบข่าวเหตุการณ์และช้อค เราติดตามสถานการณ์และหวังว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะจะพ้นจากอันตรายและดีขึ้นในเร็ววัน”

สถานทูตจีนในกรุงโตเกียวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของอาเบะ และส่งความเห็นใจมายังครอบครัว ในขณะเดียวกันก็ยอมรับ “การมีส่วนร่วมของเขาในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น”

นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์กล่าวผ่านเฟซบุ๊คว่า “ผมรู้สึกตกใจที่สุดที่ทราบว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ชินโซ ของญี่ปุ่นถูกยิงที่จังหวัดนาราเมื่อเช้านี้ นี่เป็นการกระทำรุนแรงที่ไร้สติ

“ท่านอาเบะเป็นเพื่อนที่ดีของสิงคโปร์ ผมเพิ่งเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันในเดือนพฤษภาคม ในช่วงที่ไปเยือนโตเกียว ขอส่งกำลังใจและคำอธิษฐานของผมมายังท่านอาเบะและครอบครัว”

อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียนายสก็อตต์ มอร์ริสันกล่าวถึงนายอาเบะว่า “เป็นหนึ่งในผู้นำโลกที่มีความสำคัญในยุคหลังสงคราม และยังโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า “ผมเสียใจเป็นที่สุดที่ได้ยินรายงานการลอบยิงอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น นายกฯอาเบะเป็นเพื่อนที่ดีและเฉียบคมของออสเตรเลียและเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกที่สำคัญที่สุดในยุคหลังสงคราม ของส่งคำอธิษฐานของเราไปให้เขา และอากิเอภรรยาของเขาและชาวญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ทุกข์ใจนี้”

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียนายแอนโทนี อัลบาเนซี ทวีตว่า “ข่าวที่น่าตกใจจากญี่ปุ่น ที่อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะถูกยิง ขอส่งความห่วงใยมายังครอบครัวและประชาชนชาวญี่ปุ่นในห้วงเวลานี้”

และหลังมีการยืนยันการเสียชีวิตของนายกฯอาเบะ นายอัลบาเนซี ออกแถลงการณ์ว่า เป็น”ข่าวร้าย” และยกย่องอดีตผู้นำญี่ปุ่นว่าเป็น “เพื่อนสนิทที่สุดของออสเตรเลียบนเวทีโลก” และยังแสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับสิ่งที่อดีตนายกฯอาเบะทิ้งไว้นั่นคือ Quad ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือระหว่าง สหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ อินเดีย

ทางด้านนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้ประกาศว่า อินเดียจะจัดให้มีการไว้อาลัยนายชินโซ อาเบะทั่วทั้งประเทศเป็นเวลา 1 วัน ในวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2565

ที่มา:https://twitter.com/narendramodi/status/1545336004411678720

นายอาเบะดำรงตำแหน่ง ประธานสมาคมญี่ปุ่น-อินเดียและได้พบกับนายโมดีที่ญี่ปุ่นเมื่อสองเดือนก่อน

นายโมดียังได้ทวีตภาพที่เขาได้พบกับนายอาบะเมื่อเร็วๆนี้ด้วย

ที่มา:https://twitter.com/narendramodi?ref_src=twsrc%5Egoogle%7Ctwcamp%5Eserp%7Ctwgr%5Eauthor

นายราชนาถ สิงห์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอินเดียกล่าวว่า “วันนี้อินเดียสูญเสียเพื่อนสนิทไปแล้ว”

ช้อคใหญ่ทั้งโลกเหตุร้ายจากปืนในญี่ปุ่นต่ำมาก
ความรุนแรงทางการเมืองและความรุนแรงจากปืนโดยทั่วไปนั้นหายากมากในญี่ปุ่นหลังสงคราม ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นตกตะลึงอย่างสุดขีด ความเป็นเจ้าของปืนถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และส่วนใหญ่จำกัดเฉพาะนักล่าที่ลงทะเบียน

มีการยิงเป็นครั้งคราวโดยกลุ่มอาชญากรที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมุ่งเป้าไปที่กันและกัน แต่ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดอาชญากรรมรุนแรงในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มขวาจัดมีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีนักการเมืองสองสามครั้งในช่วงหลังสงคราม ในปี 2533 ฮิโตชิ โมโตชิมะ นายกเทศมนตรีเมืองนางาซากิในขณะนั้น ถูกยิงและบาดเจ็บ และในปี 2503 อิเนจิโร อาซานุมะ หัวหน้าพรรคสังคมนิยมญี่ปุ่นฝ่ายค้าน ถูกแทงและสังหาร

ในยุคก่อนสงคราม นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยพบว่า ถูกโจมตีและข่มขู่บ่อยครั้งจากกลุ่มทหาร นายกรัฐมนตรีอินูกาอิ สึโยชิ ถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่กองทัพเรือของจักรวรรดิในการพยายามทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2475

ในญี่ปุ่นการยอมให้เป็นเจ้าของปืนแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีส่วนทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมด้วยปืนต่ำมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากปืน 6 รายในญี่ปุ่นในปี 2557 และมีจำนวนไม่เกิน 10 รายในประเทศที่มีประชากร 126 ล้านคน ในปี 2549 มีผู้เสียชีวิตเพียง 2 คนจากการโจมตีด้วยปืน

กฎหมายปี 1958 ว่าด้วยการครอบครองดาบและอาวุธปืน ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดครอบครองอาวุธปืน หรือดาบ ไม่ว่าเพียงหนึ่งด้ามหรือหลายด้าม”

แต่มีข้อยกเว้นบางประการ ได้แก่ ปืนลูกซองสำหรับล่าสัตว์และเล่นกีฬา แม้กระนั้น ผู้ที่จะเป็นเจ้าของก็ต้องเข้าชั้นเรียนและผ่านการสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติ จากนั้นพวกเขาจะต้องได้รับการประเมินทางจิตวิทยาเพื่อพิจารณาว่าพวกเขาเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของอาวุธปืนหรือไม่ การตรวจสอบประวัติของตำรวจนั้นละเอียดถี่ถ้วนและยังเกี่ยวข้องกับการซักถามญาติของเจ้าของปืน

การถือครองปืนพกของพลเรือนเป็นสิ่งต้องห้าม การละเมิดเล็กน้อยที่รายงานในสื่อมักเกี่ยวข้องกับสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมยากูซ่าของประเทศ จากรายงานของตำรวจ มีผู้ถูกจับกุม 21 รายจากการใช้อาวุธปืนในปี 2563 โดย 12 รายเกี่ยวข้องกับกลุ่มแก๊งค์ จากรายงานของสำนักข่าวนิกเกอิเอเชีย

ผู้นำทางการเมืองของญี่ปุ่น

นายอาเบะในวัย 67 ปี เกิดวันที่ 21 กันยายน 2497 ที่โตเกียว ในครอบครัวการเมืองที่โดดเด่น ประวัติศาสตร์การเมืองของครอบครัวเขายาวนานหลายสิบปี ปู่ของเขา คิชิ โนบุสุเกะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2500 ถึง 2503 และชินทาโร อาเบะ พ่อของนายอาเบะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

นายอาเบะเป็นผู้นำจากพรรค LDP ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดของญี่ปุ่นหลังจากทำหน้าที่ 2 ครั้งตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2550 และอีกครั้งระหว่างปี 2555 ถึง 2563 แต่ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากโรคลำไส้เรื้อรังกำเริบ

2520 เป็นปีที่นายอาเบะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Seikei ในโตเกียวด้วยปริญญารัฐศาสตร์ หลังจากนั้นเขาไปสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษานโยบายสาธารณะที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียเป็นเวลา 3 เทอม

ปี 2522 เริ่มทำงานที่ Kobe Steel เนื่องจากบริษัทกำลังขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ปี 2525 ลาออกจากบริษัทเพื่อดำรงตำแหน่งใหม่ที่กระทรวงการต่างประเทศและร่วมงานกับพรรคเสรีประชาธิปไตยที่ครองอำนาจ

ในปี 2536 นายอาเบะลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรกหลังจากพ่อของเขาเสียชีวิต และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรค LDP เป็นครั้งแรกซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัดยามากุจิทางตะวันตกเฉียงใต้ นายอาเบะซึ่งถูกมองว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมอยู่แล้ว กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งและในที่สุดก็เป็นผู้นำกลุ่มเซวาไค กลุ่มใหญ่ที่สุดของพรรค ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อของเขาซึ่งเสียชีวิตในปี 2534 เคยเป็นหัวหน้า

เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญในการเมืองของญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในฐานะรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เขาได้ไปเยือนเกาหลีเหนือพร้อมกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นในขณะนั้น

2548 นายอาเบะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใต้นายกรัฐมนตรี จูนิชิโร โคอิซูมิ ในระหว่างนั้นเขาเป็นผู้นำการเจรจาเพื่อส่งพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปเกาหลีเหนือคืน ในปีเดียวกันนั้น เขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค LDP ปูทางให้เขาก้าวสู่การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/abeshinzo/photos

26 กันยายน 2549 นายอาเบะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ผู้นำในการบริหารประเทศเป็นครั้งแรก เมื่ออายุ 52 ปี ทำให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดหลังสงครามของญี่ปุ่น ประมาณหนึ่งปีต่อมา พรรคเสรีประชาธิปไตยแพ้การเลือกตั้งสภาสูง และนายอาเบะลาออกโดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ เนื่องจากมีอาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลแต่สามารถควบคุมได้ด้วยยา

ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเขาได้ดูแลการปฏิรูปเศรษฐกิจ ในขณะที่จัดการกับเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าวและพยายามมีส่วนร่วมกับเกาหลีใต้และจีน

หลังจากได้รับเลือกเป็นประธาน LDP อีกครั้ง นายอาเบะนำพรรค LDP คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรปี 2555 และได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง

ในปีต่อมา 2556 นายอาเบะได้เปิดตัวนโยบาย “Abenomics” ซึ่งเน้นการให้กู้ยืมและการปฏิรูปโครงสร้าง เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนที่ไม่ราบรื่นเริ่มดีขึ้น หลังจากนายอาเบะพบกับผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอดเอเปกในกรุงปักกิ่ง

2557-2563 ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค LDP อีกครั้ง เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก 2 สมัย รวมเป็น 4 สมัย ในระหว่างนั้น เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนั้น โดยร่วมประชุมสุดยอดและเล่นกอล์ฟด้วยกัน

ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2137783089678456&set=pb.100003403570846.-2207520000..&type=3

28 สิงหาคม 2563 นายอาเบะประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพอีกครั้ง หลังจากที่อาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลกำเริบอีกครั้ง แต่ ณ จุดนั้น นายอาเบะได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในญี่ปุ่นไปแล้ว

2564 แม้ออกจากตำแหน่ง แต่ยังคงเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลใน LDP และนายอาเบะยังแสดงให้เห็นว่าเขายังสามารถทำให้ปักกิ่งไม่พอใจได้ด้วยความคิดเห็นเกี่ยวกับไต้หวัน ซึ่งมีระบอบการปกครองของตนเอง ที่จีนอ้างว่าเป็นเขตปกครองของจีนและขู่ว่าจะโจมตี ในการกล่าวสุนทรพจน์ นายอาเบะเตือนว่า “การใช้กำลังทางทหารจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ”

  • “ชินโซ อาเบะ” ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
  • ผู้นำระดับโลกที่มีประสบการณ์มากที่สุด

    นายชินโซ อาเบะกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่มาภาพ:https://www.facebook.com/abeshinzo/photos

    แม้จะได้รับการยกย่องในการนำเสถียรภาพมาสู่ญี่ปุ่นหลังจากช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำและการหมุนเวียนของผู้นำอย่างต่อเนื่อง แต่นายอาเบะกลับสร้างอย่างเกาหลีใต้และจีน รวมถึงชาวญี่ปุ่นอีกจำนวนมาก ด้วยวาทศิลป์เกี่ยวกับชาตินิยมของเขา และเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของประเทศ

    นายอาเบะ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม Nippon Kaigi(กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีความคิดแบบชาตินิยมสุดโต่งซึ่งมีอิทธิพลมาก) ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศและการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นในวงกว้าง โดยตีความมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพใหม่ เพื่อให้มีการตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง(Self-Defense Forces)ในต่างประเทศมากขึ้น

    รัฐบาลของเขาเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศทุกปี และในปี 2558 สภาไดเอทหรือสภาผู้แทนราษฎร (รัฐสภาญี่ปุ่น) ได้ผ่านร่างกฎหมายการรักษาความปลอดภัยที่มีการถกเถียงและขัดแย้งกัน ซึ่งอนุญาตให้ Self-Defense Forces เข้าร่วมปฏิบัติการด้านการป้องกันร่วมกับประเทศพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา แต่อาจรวมถึงออสเตรเลีย อินเดีย และ ประเทศอังกฤษ

    นายอาเบะเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดจัดตั้ง Quad(Quadrilateral Security Dialogue) กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ อินเดีย และในปี 2559 ได้นำข้อความที่ว่า “อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” ให้เป็นเป้าหมายหลักของนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่นในการคงระเบียบแนวคิดเสรีนิยมที่นำโดยสหรัฐฯ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    การดำรงตำแหน่งที่ยาวนานทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกที่มีประสบการณ์มากที่สุด และใช้ประสบการณ์ด้านนโยบายต่างประเทศของเขาในการจัดการพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง จัดการกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ผ่าน “การทูตกอล์ฟ”

    ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/abeshinzo/photos

    นายอาเบะสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างมั่นคงกับเพื่อนบ้านอย่างจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แม้จะมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนหมู่เกาะเซ็นคาคุมายาวนาน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ยังคงย่ำแย่ เนื่องจากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการปกครองอาณานิคมเกาหลีของญี่ปุ่น

    จากการเป็นสมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ใหญ่ที่สุดในพรรคเสรีประชาธิปไตย อิทธพลของนายอาเบะต่อพรรคและการเมืองญี่ปุ่นเริ่มเสื่อมลงเมื่อพรรคร่วมรัฐบาล สูญเสียเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ในการเลือกตั้งสภาสูงในปี 2562 อีกทั้งเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการให้ประโยชน์แก่ญาติพี่น้องก่อนเป็นอันดับแรกที่ต่อเนื่องมายาวนาน ยังกระทบสถานะบุคคลสาธารณะของเขาอีกด้วย การสอบสวนโดยอัยการนำไปสู่การตั้งข้อหาเพื่อนร่วมงานและเจ้าหน้าที่ทางการเมืองของนายอาเบะ แม้ว่าตัวนายอาเบะจะไม่เคยถูกฟ้องร้องก็ตาม

    แม้ญี่ปุ่นจะรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้ค่อนข้างดี โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความร่วมมือกับมาตรการด้านสุขภาพที่ภาครัฐเสนอแนะ รัฐบาลนายอาเบะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการตอบสนองการระบาดใหญ่อย่างไม่เหมาะสมหลายครั้ง ในขณะที่เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง อาการป่วยของนายอาเบะกลับมาอีกครั้ง และลาออกในเดือนสิงหาคม 2563 และมีนายโยชิฮิเดะ สึงะ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของเขามารับตำแหน่งแทน

    นายอาเบะยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และปีที่แล้วกลายเป็นผู้นำของกลุ่มโฮโซดะ หลังจากสนับสนุนอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะคนปัจจุบันในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค

    เจ้าของนโยบาย”อาเบะโนมิกส์”

    ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้นำ นายอาเบะพยายามที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยการส่งเสริมนโยบาย “อาเบะโนมิกส์” Abenomics จนเป็นที่รู้จักและ เป็นนโยบายที่มีชื่อของเขาเพราะมาจาก Abe ชื่อของเขาและคำว่า Economics รวมกัน

    แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปฏิรูปครั้งใหญ่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

    นายอาเบะเข้ารับตำแหน่งในปี 2555 ในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะถดถอยและอาเบะโนมิกส์ถูกมองว่าช่วยให้ญี่ปุ่นกลับมาเติบโตในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่ง

    แถลงข่าวการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 96 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ที่มาภาพ:https://www.facebook.com/abeshinzo/photos

    อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2020

    นโยบายที่นายอาเบะริเริ่มขึ้นมานั้นซึ่งเรียกร้องให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากเป็นพิเศษ รวมทั้งการใช้จ่ายทางการคลังอย่างมหาศาล และการผ่อนคลายกฎระเบียบ และพยายามปฏิรูปโครงสร้าง

    อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีการบริโภคถึง 2 ครั้ง ได้มีผลกระทบต่อการยกระดับเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้พ้นจากภาวะชะงักงันที่มียาวนานหลายทศวรรษ

    อาเบะโนมิกส์ เป็นชุดนโยบายของเขาที่มีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้หลุดพ้นความซบเซากว่าสองทศวรรษอย่างรวดเร็ว โดยใช้ 3 แนวทางที่เรียกว่าทฤษฎี “3 ลูกศร” ได้แก่

    นโยบายการเงิน: นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากของญี่ปุ่น ด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นติดลบ เพื่อทำให้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ สามารถกู้ยืมเงินและใช้จ่ายได้ถูกลง

    มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ: การอัดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลใช้จ่ายเงินมากขึ้นในสิ่งต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน หรือการให้สิ่งจูงใจทางการเงินแก่บริษัทต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษี

    การปฏิรูปโครงสร้าง: การปฏิรูปองค์กร การเพิ่มผู้หญิงเข้าทำงาน การเปิดเสรีแรงงาน และอนุญาตให้ผู้อพยพเข้าทำงานมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านแรงงานและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    ในด้านที่เป็นการดำเนินการพื่อการสร้างแบรนด์ทางการเมือง Abenomics ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ถึงเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของนายอาเบะก็ตาม

    เมื่อรัฐบาลของเขาเข้าทำหน้าที่ ต้องเผชิญกับภารกิจที่น่ากลัวในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นญี่ปุ่นที่มีพลวัต ซึ่งยังคงอยู่ในเงามืดของการชะลอตัวครั้งใหญ่ในช่วงที่เรียกว่า “ทศวรรษที่สาบสูญ” ตั้งแต่ราวปี 2534 ถึง 2544

    Abenomics ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต แม้ว่าไม่ได้เป็นไปตามระดับเดียวกับในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูหลังสงครามก็ตาม แม้กระทั่งตอนนี้ ขนาดของเศรษฐกิจยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย 600 ล้านล้านเยน (4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่กำหนดโดยฝ่ายบริหารของนายอาเบะสำหรับปี 2563

    แต่ในขณะที่เขาออกจากตำแหน่ง นักเศรษฐศาสตร์หลายคนให้เครดิตนายอาเบะในการทำให้ประเทศอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งเกินพอที่จะรับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจ เช่น การระบาดใหญ่ได้ และแกร่งมากกว่าตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเกือบ 8 ปีก่อน

    แนวทางทางเศรษฐกิจของนายอาเบะถูกตั้งคำถามเมื่อญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2563 นอกจากนี้เขายังเจอการวิพากษ์วิจารณ์ต่อวิธีการจัดการกับการระบาดของโควิดในประเทศ โดยเขาเริ่มรณรงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามกล่าวว่ามีส่วนทำให้การติดเชื้อเพิ่มขึ้น

    เสียงวิจารณ์ยังชี้อีกว่า Abenomics ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ให้คำมั่นไว้ เช่น ให้ผู้หญิงในที่ทำงานมีสิทธิมีเสียงมากขึ้น จัดการกับการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานที่มีผลเสียต่อสุขภาพ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า นายอาเบะได้ดำเนินการอย่างมากเพื่อ “ดึงญี่ปุ่นออกจากภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อ” และ “บรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”และเสริมว่าเขาต้องการ “แสดงความเคารพอย่างจริงใจต่อความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของนายอาเบะ” รวมทั้ง”คุโณปการในการพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น”