ThaiPublica > Sustainability > ESG-driven Society > Engine No.1 เฮดจ์ฟันด์เล็ก เขย่า ExxonMobil ยักษ์ใหญ่น้ำมันโลก

Engine No.1 เฮดจ์ฟันด์เล็ก เขย่า ExxonMobil ยักษ์ใหญ่น้ำมันโลก

31 มกราคม 2022


    ซี่รี่ส์ข่าว สร้างสังคมฉุกคิดด้วย “ESG” (Building “ESG-driven Society”) ได้รับการสนับสนุนการดำเนินโครงการส่งเสริมการลงทุนยั่งยืน : สร้างสังคมฉุกคิดด้วย “ESG” จากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน โดยความร่วมมือจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุน ผู้ระดมทุน และผู้บริโภค ให้ตระหนักถึงความสำคัญของ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม(Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี(Governance) เกิดการรับรู้และนำไปสู่การลงมือปฏิบัติ เพื่อการขับเคลื่อนตลาดทุนและประเทศไทยที่ยั่งยืน

Shareholder Activist กับการขับเคลื่อน ESG เป็นหนึ่งในชุดบทความที่นำเสนอภายใต้ซีรีส์ สร้างสังคมฉุกคิดด้วย…ESG เพื่อแสดงให้เห็นถึง “พลัง” ในการเป็นผู้ถือหุ้น ผลักดันให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้

เรารู้แล้วว่า Shareholder Activist คือ “ผู้ถือหุ้นนักเคลื่อนไหว” ที่ใช้พลังของการถือหุ้น (ในฐานะมีส่วนเป็นเจ้าของบริษัท) พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมของบริษัท ด้วยการเข้ามีส่วนร่วมกับบริษัท เพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ รวมทั้งยังได้รู้อีกว่า ว่า Shareholder Activist รุ่นใหม่ ได้นำประเด็น สิ่งแวดล้อม (environment), สังคม (social) และมีการกับดูแลกิจการที่ดี (governance) ผนวกเข้ากับการลงทุน เพื่อผลักดันให้บริษัทจากทั่วทุกมุมโลกปรับแนวการดำเนินธุรกิจ การลงทุนมาอยู่บนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

Shareholder Activist รุ่นใหม่นี้มีใครบ้าง สร้างสังคมฉุกคิดด้วย…ESG Shareholder Activist กับการขับเคลื่อน ESG จะทยอยนำพวกเขาเหล่านั้นมาให้รู้จัก รวมไปถึงแนวทาง กลไก และเครื่องมือที่ได้ใช้ในการมีส่วนร่วมกับบริษัทที่เข้าไปลงทุน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจด้วย ESG เพื่อความยั่งยืน

Shareholder Activist รายแรกที่เราจะทำความรู้จัก คือ Engine No.1 ซึ่งได้เดินหน้ากดดันให้ ExxonMobil ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และต้องการที่มีส่วนร่วมกับบริษัทเพื่อผลักดันในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนส่งผลให้ ExxonMobil ต้องเปลี่ยนตัวกรรมการ 3 ราย เป็นกรรมการที่มีความรู้ด้านสภาพภูมิอากาศเข้ามาแทน เพื่อให้บริษัทสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่อาจจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

Engine No.1 คือใคร

Engine No.1 ให้คำจำกัดความตัวเองรวมทั้งแนวคิดการลงทุนบนเว็บไซต์ [1]ว่า

“เราเป็นบริษัทบริหารจัดการลงทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวและฟื้นสามัญสำนึกของระบบทุนนิยม”

“เราใช้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อขับเคลื่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานไม่ว่าของบริษัทใดก็ตามจะดีขึ้นอย่างมากจากการลงทุนในพนักงาน ลูกค้า ชุมชน และสิ่งแวดล้อม”

  • ใช้พลังของผู้ถือหุ้น
  • Engine No.1 ระบุว่า สักวันหนึ่ง ผลประโยชน์ของ Main Street และ Wall Street จะสอดคล้องกัน และ Engine No.1 สามารถมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของที่แข็งขันในการขับเคลื่อนให้ไปในแนวเดียวกัน

    Engine No.1 มองว่า การลงคะแนนคือการออกเสียงแสดงความเห็น เป็นการลงมือทำของผู้ถือหุ้นที่แข็งขัน Engine No.1 มุ่งมั่นที่จะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายคือ การใช้พลังของนักลงทุนเพื่อให้บริษัทรับผิดชอบต่อสิ่งที่นักลงทุนสนับสนุน เช่น เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพนักงาน ฟื้นฟูสภาพอากาศ และมีความโปร่งใสมากขึ้น

    Engine No.1 เชื่อว่า มีวิธีที่ดีกว่า Engine No.1 จึงแบ่งปันข้อมูลการออกเสียงลงคะแนนและผลักดันให้กองทุนอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน เพื่อให้นักลงทุนเห็นว่าเงินของพวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างได้

  • คิดอย่างไร
  • สำหรับกรอบประเมินมูลค่าการลงทุนและวิธีที่ใช้นั้น Engine No.1 ระบุว่า ได้ใช้ข้อมูล ESG ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทำให้มีความแตกต่างจากนักลงทุนรายอื่น และ Engine No.1 เชื่อในการฟื้นสามัญสำนึกของระบบทุนนิยม ใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพ ข้อมูลมีความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อย ๆ และมองว่าตัวเองเป็นผู้นำกระแส

    แนวคิดนี้มาจาก คริสโตเฟอร์ เจมส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร ซึ่งมีวิสัยทัศน์ว่า ทุนนิยมสามารถสร้างผลกระทบทางบวกได้ และบริษัทที่จัดการให้ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น (shareholders) และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) สอดคล้องกัน ก็จะเป็นกิจการที่แข็งแกร่งขึ้นและดีขึ้น

  • มองมูลค่าในมุมใหม่
  • Engine No.1 เชื่อว่ามูลค่ากิจการของบริษัทนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับมูลค่าที่บริษัทสร้างให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยกรอบการประเมินมูลค่าลงทุนของ Engine No.1 เป็นแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในการลงทุน ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถใช้เงินไปกับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี จากนั้นเชื่อมโยงผลกระทบเหล่านั้นกับการสร้างมูลค่าทางการเงินในระยะยาว

  • ส่งมอบผลตอบแทน ทำให้เกิดผล
  • Engine No.1 ยังจำกัดความตัวเองว่า เป็นเจ้าของที่กระตือรือร้น (active owner) ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่สำคัญของบริษัท รวมทั้งสนับสนุนบริษัทเหล่านี้ และยกระดับการมีส่วนให้แข็งขันมากขึ้นหากจำเป็น เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ทางการเงิน การออกเสียงลงคะแนนของ Engine No.1 การรณรงค์ และนักลงทุนที่ Engine No.1 นำมาเป็นแนวร่วมจะขับเคลื่อนและมูลค่าในระยะยาวมีความยั่งยืน

    เฮดจ์ฟันด์รายเล็กที่เขย่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่

    ข้อมูลแนะนำตัวเองจากเว็บไซต์ของ Engine No.1 เราก็อาจจะยังไม่รู้จัก Engine No.1 มากนัก หรือรู้เพียงแต่ว่าเป็นบริษัทจัดการลงทุนที่ยึดหลัก ESG เรามาดูกันว่าคนอื่นพูดถึง Engine No.1 กันอย่างไรบ้าง

    ข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งเว็บไซต์สื่อหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุนมักจะพูดถึง Engine No.1 ว่า เป็นเฮดจ์ฟันด์รายเล็กที่เขย่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ [2]

    Engine No. 1 เป็นเฮดจ์ฟันด์จัดตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 2020 แต่ได้ขยายการลงทุนอย่างรวดเร็ว จนในเดือนพฤษภาคม 2021 มีมูลค่ากองทุนที่บริหารราว 250 ล้านดอลลาร์ และถือหุ้นเพียง 0.02% ใน บริษัทเอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil Corporation) ที่มีมูลค่ากิจการถึง 250,000 ล้านดอลลาร์

    สำนักข่าวซีเอ็นบีซี [3] พูดถึง Engine No. 1 ว่า เป็นบริษัทจัดการลงทุนที่ยึดหลัก ESG และคว้าชัยใน Proxy Fight ในบริษัท ExxonMobil

    Proxy Fight [4] หมายถึง ผู้ถือหุ้นที่รวมตัวกันและรวบรวมสิทธิลงคะแนนเสียงด้วยการมอบอำนาจลงคะแนนเสียง (proxy voting) เพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่สนับสนุน คณะกรรมการบริษัท หรือเพื่อดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการบริษัทคนใหม่เข้ามา ตัวอย่างเช่น ผู้ถือหุ้นอาจใช้ Proxy Fight หากเห็นว่าบริษัทไม่ดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมได้ดี จึงตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเปลี่ยนตัวกรรมการในคณะกรรมการ และหากรรมการคนใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างรอบคอบเข้ามาแทน เพื่อที่จะกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น บริษัทที่ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถือหุ้น อาจพบว่าตัวเองต้องเผชิญกับ Proxy Fight

    Hart Energy [5] ก็พูดถึง Engine No.1 ไม่ต่างกันว่า กรณีของ Engine No.1 และ ExxonMobil น่าจะเป็นเดวิดและโกไลแอธ ในตลาดหุ้น เพราะ Engine No.1 เฮดจ์ฟันด์ขนาดเล็กที่หาญท้า บริษัทน้ำมันที่ทรงพลังมากในสหรัฐฯอย่าง ExxonMobil จนมีตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการถึง 3 คน เพื่อเตรียมการที่จะก้าวสู่อนาคตที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
    (เดวิดและโกไลแอธ เป็นนิทานเกี่ยวกับเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งที่เอาชนะนักรบร่างยักษ์ได้ด้วยความฉลาด)

    Engine No.1 ทำอะไร

    Engine No. 1 ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจของ ExxonMobil ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานสหรัฐฯให้อยู่บนเส้นทางความยั่งยืน และสิ่งที่ทำก็ไม่มีอะไรไปมากกว่า การใช้สิทธิในฐานะผู้ลงทุน ปกป้องเงินลงทุน กดดันให้บริษัทใช้เงินในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งปรับแนวการทำธุรกิจให้มามุ่งเน้นพลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดี อันจะส่งผลต่อการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น

    การผลักดันการเปลี่ยนแปลงใน ExxonMobil ของ Engine No. 1 ก็ยึดหลัก ESG ตามที่ประกาศไว้ ผนวกกับการเข้าไปมีส่วนร่วมเป็น Active Owner พร้อมกับใช้กลไกที่มีอยู่แล้วทำให้เกิดผลตามที่ต้องการ นั่นคือ การออกเสียงลงคะแนนของผู้ถือหุ้นในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี และใช้ช่องทางที่หน่วยงานกำกับดูแลเปิดให้ทำได้

    Engine No. 1 ได้เปิดตัวแคมเปญ It’s time to reenergize ExxonMobil โดยระบุว่า “อุตสาหกรรมพลังงานและโลกกำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อปกป้องและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น เราเชื่อว่า ExxonMobil จะต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน” พร้อมจัดทำเว็บไซต์ https://reenergizexom.com/ เป็นสื่อกลางในการสื่อสาร ให้ข้อมูล เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ ExxonMobil ตระหนักถึงความสำคัญของสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ถือหุ้นต้องเข้ามามีส่วนร่วม

    Engine No. 1 ใช้วิธีการส่งจดหมายเป็นระยะๆถึง ดาร์เรน วู้ดส์ ประธานและซีอีโอของ ExxonMobil เรียกร้องให้บริษัทปรับแนวทางการทำธุรกิจเพราะโลกเปลี่ยน พร้อมชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญๆหลายข้อใน ด้าน E และ G

    จดหมายฉบับแรก [5]ออกมาในวันที่ 7 ธันวาคม 2020 หลังจากก่อตั้งได้ไม่นาน โดย Engine No. 1 ชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหาพื้นฐาน ตั้งแต่ 1) การจัดสรรการทุนระยะยาวที่ไม่มีประสิทธิภาพไม่คุ้มค่า 2)ไม่มีแผนระยะยาวในการเพิ่มหรือรักษามูลค่า แม้มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่ไม่มีแผนสร้างการเติบโต เช่น พลังงานหมุนเวียน และ 3) ไม่สามารถปรับค่าตอบแทนผู้บริหารให้สอดคล้องกับการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้

    Engine No. 1 ระบุในจดหมายว่า เพื่อไม่ให้ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับบริษัทอื่นที่เคยมีชื่อเสียงแต่ล้มหายตายจากกลับกลายเป็นอดีต Exxon Mobil ต้องปรับตัวเพื่อการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยาว โดยต้องมีกรรมการอิสระที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยี ตลาด และนโยบายที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรม ซึ่งไม่มีกรรมการของ Exxon Mobil รายใดที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานอื่นเลย

    ในจดหมาย ยังให้ข้อมูลอีกด้วยว่า ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยรวม(total shareholder return)ซึ่งรวมถึงเงินปันผลของ ExxonMobil ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาติดลบ 20% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน(Return on Capital Employed :ROCE) ของโครงการปลายน้ำซึ่งเคยสูงถึง 75% ตกลงมาเฉลี่ยที่ 35% ในช่วงปี 2001-2010 และในปี 2015-1019 ยิ่งลดลงอีกเหลือเพียง 6% เท่านั้น แม้ราคาน้ำมันและก๊าซอยู่ในระดับสูง

    ข้อมูลเหล่านี้มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกที่ใช้เวลาหลายเดือนรวมถึงการพูดคุยกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม นักวิเคราะห์ และนักลงทุน และว่าจ้างที่ปรึกษาชั้นนำในอุตสาหกรรมให้วิเคราะห์สินทรัพย์และการดำเนินงานของExxon Mobil

    Engine No. 1 จึงได้เสนอแนวทางการปรับตัวให้กับ ExxonMobil โดย 1) ให้ปรับคณะกรรมการ โดยเสนอตัวแทนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการจำนวน 4 คน ที่มีคุณภาพและมีความเป็นอิสระ ที่ผ่านการประเมินจาก California State Teachers’ Retirement System (CalSTRS) 2) สร้างวินัยในการจัดสรรทุนระยะยาวมากขึ้น 3) จัดทำกลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลง 4) ปรับสิทธิประโยชน์ฝ่ายบริหาร

    ต่อมาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2021 Engine No. 1 ออกจดหมายฉบับที่ 2 ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และชี้ว่า ExxonMobil ยังทำไม่มากพอ ไม่ว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนหรือการกักเก็บคาร์บอน และไม่ได้มีแผนระยะยาวที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส พร้อมกับยังคงเสนอตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการ 4 ราย

    ที่มาภาพ: https://corporate.exxonmobil.com

    เรียกร้องผู้ถือหุ้นปกป้องเงินลงทุน

    หนึ่งเดือนหลังจากทำจดหมายถึง ExxonMobil สองฉบับ Engine No. 1 รณรงค์ในเชิงรุกมากขึ้น ในเดือนมีนาคม 2021 ด้วยการทำจดหมายถึงผู้ถือหุ้น เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้น ExxonMobil ทุกคนปกป้องการลงทุนและเงินปันผลของตัวเอง ด้วยการออกเสียงลงคะแนน “ให้” กับการเลือกกรรมการอิสระที่เสนอโดย Engine No. 1 ทั้ง 4 ราย ให้เป็นคณะกรรมการของ ExxonMobil ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่กำหนดไว้วันที่ 26 พฤษภาคม 2021

    โดยชี้ให้เห็นว่า ExxonMobil ซึ่งเมื่อสิบปีก่อนเคยเป็นบริษัทใหญ่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าตลาด (market capitalization) และเป็นเบอร์ 1 ในดัชนีดาวโจนส์(DJIA) แต่ตอนนี้มูลค่าตลาดลดลงครึ่งหนึ่งและยังถูกนำออกจากดัชนีดาวโจนส์ ราคาหุ้นที่เคยสูงก็ร่วงลง ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยรวมติดลบ 15% รายงานผลขาดทุน 22 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 และถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นครั้งที่ 3

    Engine No. 1 ยังชี้ให้เห็นว่า ExxonMobil ต้องมีแนวทางใหม่ในการสร้างมูลค่า แม้การเปิดตัวแคมเปญ reenergize ExxonMobil ทำให้ราคาหุ้นของ ExxonMobil ดีขึ้น แต่ก็ไม่พอที่จะชดเชยมูลค่านับพันล้านที่หายไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ExxonMobil ถูกบีบให้ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยบางส่วน และส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุปสงค์น้ำมันกับก๊าซที่ฟื้นตัว และเป็นผลบวกชั่วคราวเท่านั้น เพราะ ExxonMobil ยังไม่ยอมที่จะปรับเปลี่ยน

    Engine No. 1 ชี้แจงในจดหมายว่า ExxonMobil จำเป็นต้องมีกรรมการที่มีประสบการณ์ด้านพลังงาน ซึ่ง Engine No. 1 ได้เสนอตัวแทนเข้าเป็นกรรมการ 4 รายที่ประสบความสำเร็จมีประสบการณ์ด้านการเปลี่ยนโฉมพลังงาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายได้เต็มที่ ด้วยการกำหนดกรอบวินัยการใช้จ่ายระยะยาว การวางกลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวในโลกที่เปลี่ยนแปลง และปรับค่าตอบแทนผู้บริหารให้สอดคล้องกับการสร้างมูลค่าของผู้ถือหุ้นมากขึ้น

    จดหมายของ Engine No.1 ทุกฉบับเผยแพร่บนเว็บไซต์ https://reenergizexom.com/

    เส้นทางของ Engine No. 1 เพื่อการเข้าไปมีส่วนร่วมใน ExxonMobil ไม่ได้ราบรื่น เพราะที่ผ่านมา Exxon Mobil สามารถโต้กลับนักเคลื่อนไหวที่พยายามผลักดันให้บริษัทปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านสภาพภูมิอากาศ และแยกบทบาทของประธาน กับ ซีอีโอ ออกจากกัน ด้วยการเข้าหาผู้ถือหุ้นมากขึ้น

    การต่อสู้ระหว่าง ExxonMobil กับ Engine No. 1 เป็นที่จับตาในโลกการลงทุน เพราะเป็นครั้งแรกที่ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่[6] ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐประสบกับการท้าทายจาก Shareholder activist

    ทั้งสองฝ่ายมีการตอบโต้กันไปมา โดยหลังจากการออกจดหมายฉบับที่ 3 ของ Engine No. 1 ในเดือนเดียวกัน ExxonMobil ก็ออกจดหมายเตือนผู้ถือหุ้นให้ตัดสินใจอย่างรอบคอบ[6] ต่อการที่ Engine No. 1 เฮดจ์ฟันด์ขนาดเล็กซึ่งถือหุ้นเพียง 0.02% ในบริษัทเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยชี้ว่า Engine No. 1 ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับแผนและกลยุทธ์ของบริษัท และสิ่งที่ Engine No. 1 ริเริ่มนั้นจะกระทบความสามารถในการสร้างรายได้ การจ่ายเงินปันผล การลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต และการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งบริษัทไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ Engine No. 1 ดังนั้นขอให้ผู้ถือหุ้นไม่ลงคะแนนให้กับตัวแทนที่ Engine No. 1 เสนอมาและให้ใช้ใบลงคะแนน BLUE PROXY CARD เพื่อสนับสนุนคณะกรรมการบริหารที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูงของบริษัท รวมทั้งกลยุทธ์ที่นำเสนอนักลงทุนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

    ExxonMobil ยังแจ้งผู้ถือหุ้นว่า บริษัทยังรักษาการจ่ายเงินปันผลที่สูงไว้ได้และสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกแห่งคาร์บอนต่ำ และในปี 2021 กรรมการที่จะต้องนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนทั้งหมด 12 ราย กลับเข้ามารับหน้าที่อีกคร้้งนั้น ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอิสระถึง 11 ราย นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2016 ได้เพิ่มกรรมการอิสระที่มีประสบการณ์สูงเข้ามาจำนวนมาก นับว่ากรรมการของบริษัทมีความสามารถสูงและมีความหลากหลายมากที่สุดในอุตสาหกรรม

    วันที่ 15 พฤษภาคม 2021 ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นจะมีขึ้น Engine No. 1 ได้ส่งสารไปยังผู้ถือหุ้นของ ExxonMobil เพื่อชี้แจงสิ่งที่ ExxonMobil กล่าวหา พร้อมย้ำอีกครั้งว่า การปรับเปลี่ยนธุรกิจและการพลิกโฉมธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันนั้น ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ และต้องอาศัยการทำงานอย่างขยันขันแข็งและการกำกับดูแลจากคณะกรรมการที่มีประสบการณ์รอบด้านในอุตสาหกรรมพลังงาน และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต

    เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม 2021 ExxonMobil แจ้งผู้ถือหุ้นว่า บริษัทตั้งใจที่จะเพิ่มกรรมการใหม่ 2 คนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย 1 คนมีประสบการณ์ด้านพลังงาน และ 1 คนมีประสบการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศ ภายในวันเดียวกัน Engine No. 1 ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนให้ตัวแทนของ Engine No. 1

    รวมพลังผู้ถือหุ้น

    Engine No.1 ได้ยื่นแบบฟอร์ม DEF 14A หรือหนังสือมอบฉันทะ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีข้อมูลตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้บริษัทต้องจัดหาข้อมูลให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจบนฐานข้อมูลในเรื่องที่จะนำเสนอในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี พร้อมแนบแบบฟอร์มมอบฉันทะ White Proxy Card เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้กับ Engine No.1 เสนอ

    ข้อเสนอของ Engine No. 1 ในการประชุมผู้ถือหุ้น มีด้วยกันทั้งหมด 10 ข้อ เช่น การเสนอ 4 ตัวแทนเข้าเป็นกรรมการ, ตั้งประธานอิสระ, ให้บริษัทออกรายงานการตรวจสอบผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์ Net Zero 2050 ที่ IEAประเมิน, รายงานต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม, รายงานการสนับสนุนทางการเมือง, รายงานการจ่ายเงินและนโยบายการล็อบบี้, รายงานการล็อบบี้ด้านการสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส

    เมื่อถึงวันประชุม ผลปรากฎว่า Shareholder activist อย่าง Engine No. 1 ที่ลงทุนใน ExxonMobil เพียง 40 ล้านดอลลาร์ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่มากพอจนสามารถมีตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการได้ 2 ราย ในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน

    ที่มาภาพ: https://www.cnbc.com/video/2021/05/26/exxon-mobil-ceo-on-activist-fund-engine-no-1s-new-board-seats.html

    การลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของผู้ถือหุ้น ที่ผลักดันให้ให้บริษัทดำเนินการมากขึ้นในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    แอนน์ ซิมป์สัน [7]ผู้บริหารด้านการลงทุนของ CalPERS ให้ความเห็นในแถลงการณ์ว่า “นักลงทุนไม่ได้อยู่วงนอกอีกต่อไป และเป็นวันชี้ดำชี้แดง”

    ด้านกองทุนแบล็กร็อคให้ข้อมูลว่า [9] ได้ โหวตให้ตัวแทน 3 คนจาก 4 คนที่เสนอชื่อโดย Engine No. 1 เข้าเป็นกรรมการบริษัท แต่ลงคะแนนคัดค้านข้อเสนอเรื่องประธานกรรมการอิสระ, เรื่องรายงานต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และรายงานการสนับสนุนทางการเมือง แต่โหวตเห็นด้วยกับข้อเสนอเรื่องการออกรายงานการตรวจสอบผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์ Net Zero 2050 ที่ IEAประเมิน,รายงานการจ่ายเงินและนโยบายการล็อบบี้, รายงานการล็อบบี้ด้านการสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส

    ความสำเร็จของ Engine No.1 มาจากการสนับสนุนของนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ California Public Employees Retirement System (CalPERS), กองทุนแบล็กร็อก(BlackRock), Vanguard, State Street ซึ่ง 3 รายหลังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้นใน ExxonMobil รวมกันถึง 19% ส่วน CalPERS ลงทุนใน ExxonMobil ราว 300 ล้านดอลลาร์

    BlackRock และ State Street เป็นสมาชิกของ Climate Action 100+ กลุ่มนักลงทุนที่รวมตัวกันกดดันผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดให้ดำเนินการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    Engine No.1 ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันรายอื่นคือ New York Common Retirement Fund, the Church of England, และ California State Teachers’ Retirement System (CalSTRS)

    วันที่ 3 มิถุนายน ExxonMobil ออกแถลงการณ์ว่า ตัวแทนของ Engine No.1 คว้าเก้าอี้บอร์ดตัวที่ 3 มาได้อีก[10] เพราะในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีนั้นการลงคะแนนยังไม่ได้สรุป เนื่องจากใกล้ปิดการประชุมแล้ว

    เดินหน้าชูความโปร่งใส

    อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Engine No.1 ประสบความสำเร็จคือ การยึดมั่นในแนวคิดการลงทุนด้วย ESG และการมีส่วนร่วม ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี และที่สำคัญที่สุดทำให้ผู้ถือหุ้นตระหนักถึงการรักษามูลค่า และการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืน

    Engine No.1 ไม่ได้หยุดขับเคลื่อนการลงทุน ESG ไว้ที่ ExxonMobil แต่เดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมกับนักลงทุนรายอื่นเพื่อจุดพลังผู้ถือหุ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ด้วยความโปร่งใส

    ราวต้นปีที่ผ่านมา Engine No. 1 ได้เปิดตัวรายงานการออกเสียงลงคะแนน[11] (dashboard)ในแต่ละเรื่อง ในแต่ละบริษัทของ ที่ Transform 500 ETF หรือ VOTE กองทุนของบริษัทได้เข้าไปลงทุน โดยจะเป็นข้อมูลเรียลไทม์มากที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะอำนวย

    ความโปร่งใสนี้จะแสดงให้เห็นว่านักลงทุน คู่แข่ง และสมาชิกคณะกรรมการบริษัทใน VOTE ออกเสียงลงคะแนนอย่างไรในโลกที่ให้ความสำคัญกับข้อเสนอ ESG มากขึ้น

    Engine No.1 แสดงให้เราเห็นถึงพลังของผู้ถือหุ้นที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทที่เข้าลงทุนได้ เพียงแค่ใช้กลไก และช่องทางที่มี และทำตัวเป็นผู้ถือหุ้นที่กระตือรือร้น Active Owner เท่านั้น เพราะไม่เพียงเป็นการปกป้องอนาคตของบริษัท แต่ยังเป็นการปกป้องการลงทุนของเราเอง

    อ้างอิง
    1. Engine No.1. Transforming https://engine1.com/ (28 มกราคม 2565)
    2. Yahoo Finance.2021.Engine No. 1: The little hedge fund that shook Big Oil. https://finance.yahoo.com/news/engine-no-1-little-hedge-164829591.html (28 มกราคม 2565)
    3.CNBC.2021.DELIVERING ALPHA. Engine No.1 CEO Jennifer Grancio on the firm’s new approach after winning the battle against Exxon.https://www.cnbc.com/2021/12/16/engine-nopoint1-ceo-jennifer-grancio-on-the-firms-new-approach-after-winning-the-battle-against-exxon.html (28 มกราคม 2565)
    4.The Businessprofessor.2021.Proxy Fight or Contest – Explained https://thebusinessprofessor.com/en_US/business-governance/proxy-fight-definition (28 มกราคม 2565)
    5.Reenergize Exxon.2020.Letter to the Board of Directors https://reenergizexom.com/materials/letter-to-the-board-of-directors (28 มกราคม 2565)
    6.ExxonMobil.Corporate.Shareholder Letter https://corporate.exxonmobil.com/-/media/Global/Files/investor-relations/annual-meeting-materials/proxy-materials/ExxonMobil-3_16_21-Shareholder-Letter.pdf (28 มกราคม 2565)
    7. CNN. 2021. Activist investor ousts at least two Exxon directors in historic win for pro-climate campaign. https://edition.cnn.com/2021/05/26/business/exxon-annual-meeting-climate-oil/index.html (28 มกราคม 2565)
    8.Hart Energy.2021.Exxon Mobil Faces Proxy Fight Launched by New Activist Firm Led by Chris James.https://www.hartenergy.com/exclusives/exxon-mobil-faces-proxy-fight-launched-new-activist-firm-led-chris-james-191254 (28 มกราคม 2565)
    9.BlackRock.Investment Stewardship.Vote Bulletin: ExxonMobil Corporation https://www.blackrock.com/corporate/literature/press-release/blk-vote-bulletin-exxon-may-2021.pdf (28 มกราคม 2565)
    10.CNBC.2021 MARKETS.Activist firm Engine No. 1 claims third Exxon board seat. https://www.cnbc.com/2021/06/02/activist-firm-engine-no-1-claims-third-exxon-board-seat-.html (28 มกราคม 2565)
    11.YahooFinance.2022. Engine No. 1 Lays Its Cards on the Table for Next Proxy Targets
    https://finance.yahoo.com/news/engine-no-1-lays-cards-173955469.html (28 มกราคม 2565)