ThaiPublica > Sustainability > Contributor > ถ้ำในฐานะที่เก็บน้ำสำรอง

ถ้ำในฐานะที่เก็บน้ำสำรอง

27 ธันวาคม 2021


วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ผมและลูกชาย ‘ปัณณ์’ นิสิตวิศวะ ฉลองคริสต์มาส 2021 นี้ ด้วยการบินไปร่วมคณะสำรวจทำบันทึกการเคลื่อนย้ายของทรายจากอิทธิพลของน้ำที่ไหลผ่านภายในถ้ำหลวงและถ้ำทรายทอง ที่อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

วันแรกของการเข้าสำรวจของเรา เข้าถ้ำหลวงเพียงช่วงโถงหนึ่งถึง โถงสอง ก่อนเท่านั้น คือลึกเข้าไปจากปากถ้ำประมาณ 600 เมตร
ส่วนที่ถ้ำทรายทองนั้นเราไปจนสุดทาง

สิ่งที่สังเกตเห็นได้คือ แนวการเคลื่อนตัวของทรายภายในโพรงถ้ำที่แห้งแล้วในฤดูหนาว ทรายปริมาณมากมายจากฟากหนึ่งในแต่ละโถง เคลื่อนไปอุด กองพูนสูงที่ผนังถ้ำอีกด้าน

บางห้องมีช่องใหญ่พอให้รู้ว่าทรายคงเคลื่อนจากห้องนี้ไปห้องอื่นแล้ว แปลว่ามีช่องทางหลืบโพรง ที่น้ำเข้ามาได้จากด้านข้าง ไม่ใช่เฉพาะจากเส้นทางเดินในถ้ำเท่านั้น

เรามักจินตนาการกันมาว่า น้ำที่ไหลผ่านถ้ำ ก็คล้ายน้ำไหลผ่านอุโมงค์ใต้ดินที่ท่อคดงอไปมา ไม่ค่อยนึกภาพว่ามีน้ำรั่วเข้ามาจากข้างๆผนัง

แต่นั่นคือความเข้าใจที่ถูกบางส่วนเท่านั้น ที่จริงน้ำอัดเข้าถ้ำ ผ่านหลืบซอกได้อีกปริมาณมากพอควร ในหลายๆห้อง

คุณเวอร์นอน หรือเวิรน์ อันสเวิร์ธ (Vern Unsworth)และคุณลักษณ์ คู่หูนักสำรวจที่ทำกิจกรรมสำรวจในหลายๆถ้ำ ทั่วแม่สาย ร่วมกันมาตลอด 15 ปี ช่วยชี้ให้เห็นว่า ทรายละเอียดๆที่เราย่ำไปในถ้ำทีละห้องนั้น มีการเปลี่ยนรูปแบบของเนินทรายทุกปี

คล้ายการที่คลื่นทะเลย้ายกองทรายตามหาดแทบทุกปีนั่นเอง เพียงแต่ตอนที่น้ำฝน ฤดูฝนทะลักอัดเข้ามาในถ้ำ ย่อมอันตรายเกินกว่าที่ทีมสำรวจไหนจะเข้าไปเสี่ยงศึกษาทำเครื่องหมายไว้ได้

บางห้องของโถงถ้ำ น้ำจะท่วมสูงจนมิดหลังคาถ้ำ ซึ่งแปลว่าท่วมหลายเมตร เพราะตลอดเพดานถ้ำห้องนั้น จะคล้ำไปด้วยรอยโคลนทั้งที่ปกติจะเป็นสีเทาขุ่นของหินปูน

บางห้องที่อยู่ติดกัน น้ำกลับท่วมแค่เข่าถึงเอว เพราะเพดานยังสว่างใสเมื่อต้องแสงจากไฟฉายที่คาดหมวกบนหน้าผากของเรา และปรากฏรอยคราบน้ำเพียงตามเนินทรายเหมือนรอยที่เรามักเจอตามกำแพงและเสาไฟฟ้าหลังน้ำลดตอนอยู่ในกรุงเทพ

อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

การเรียงตัวของตะกอนทราย สามารถบอกรูปแบบการไหลของน้ำที่ผ่านเข้าและผ่านออกจากห้องนั้นด้วย กล่าวคือบางห้องน้ำจะเคลื่อนจากทิศเหนือไปด้านทิศตะวันตก บางห้องน้ำมาจากทิศอื่นแล้วไหลออกไปไปในทิศทางตรงข้ามต่างไป

โพรงขาออกของน้ำ บางโพรงถูกตะกอนทรายเข้าไปอัดแน่นจนคนออกตามไปไม่ได้ แต่น้ำไปได้

นี่จึงอธิบายได้ว่า ถ้ามีการสำรวจดีพอ เราอาจเจอทางเข้าออกของถ้ำนี้หรือถ้ำหินปูนอื่นๆเพิ่มเติมได้เรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ ชุดสำรวจจึงเชื่อมั่นว่า ไม่เพียงน้ำในถ้ำหลวงจะเชื่อมกับถ้ำทรายทองที่อยู่ห่างไปอีกหลายกิโลเมตรได้ แต่ยังน่าจะมีโพรงที่คนเดินไปเชื่อมกันได้ เพียงแต่มีทรายมาขวางอุดจนนึกว่าไม่มีทางที่คนจะผ่านไปได้

ถ้าคุ้ยกองทรายในบางห้องได้ถูกจุด เรามีโอกาสสูงมากที่จะเจอทางเชื่อมที่คนจะเดินหากันได้จากถ้ำแถบนี้

เวลานี้จุดเชื่อมของถ้ำหลวงไปสู่ถ้ำลักษ์ และไปถ้ำจ้องนั้น ถูกค้นเจอแล้ว เหลือระยะอีกราว 8 เมตร จากถ้ำทรายทองก็จะเชื่อมเข้าถึงถ้ำจ้องซึ่งต่อถึงถ้ำหลวงได้ หมายความว่า โพรงถ้ำทั้ง 4 จะเดินต่อถึงกันได้ในไม่ช้า

และถ้านั่นเกิดขึ้นเมื่อใด

ประเทศไทยก็จะมีถ้ำที่สร้างสถิติความลึกใหม่ เพราะเวลานี้ถ้ำหลวงก็ลึกที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอยู่แล้ว

น่าจะเป็นสถิติใหม่ได้สบายๆ

แล้วทำยังงั้นจะมีประโยชน์อะไร

เวอร์นอน อันสเวิร์ธ (ขวา) วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ (ซ้าย) ลูกชาย ‘ปัณณ์’ เสื้อสีส้ม

คำอธิบายก็คือ นั่นจะทำให้มนุษย์สามารถเดินศึกษาระบบธรรมชาติของธรณีวิทยาได้ดีกว่า สามารถเปรียบเทียบอายุหิน การเปลี่ยนแปลงของหิน การวางตัวของสายแร่ ได้จากหนึ่งระบบถ้ำที่เปรียบเทียบโดยไม่ต้องขุดเจาะอะไรเพิ่ม ทำให้เห็นอุทกวิทยาของน้ำในระบบถ้ำชัดเจนขึ้น นำไปสู่ความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นอีกที่มนุษย์จะสามารถบริหารน้ำ ในระบบถ้ำที่มีอยู่มาก ให้กลายเป็นบ่อเก็บบ้าง เป็นท่อส่งน้ำบ้าง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล บอกผมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยทรงทำเป็นตัวอย่างที่ดอยสะเก็ดและที่ถ้ำรู จังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแล้ว ว่าทำได้จริงๆ ซึ่งผมตั้งใจจะไปตามรอยพระบาทเพื่อศึกษามาใส่เกล้าฯไว้ในเร็วๆนี้

น้ำฝนจากฟ้าของไทยมีปริมาณมาก แต่เราไม่มีที่เก็บมากพอ และถึงจะเก็บไว้ ก็กระจายไปไม่ได้มากพอ หากเชื่อมความรู้ด้านระบบถ้ำ ระบบน้ำใต้ภูเขา (ที่อาจไม่มีถ้ำ) และระบบน้ำใต้ดินในที่ราบ และระบบน้ำบนดินได้ดีขึ้น

นี่ก็คือเขื่อนฟรีๆที่ไม่ต้องเสียงบประมาณสร้าง ไม่เดือดร้อนสัตว์ป่า ไม่ต้องกระทบชุมชน นี่คืออ่างเก็บน้ำฟรีที่ไม่ต้องเสียค่าเวนคืน นี่คือท่อส่งน้ำที่ไม่ต้องรบกวนใคร แถมไม่ต้องกลัวเรื่องอัตราสูญเสียเพราะการระเหยจากแดด หรือรั่วไหลจากพื้นผิวของคลองส่งที่ย่อมหักทรุดได้ตามกาลเวลา

เพียงแต่เราต้องทำการศึกษาสำรวจกันให้เข้าใจ

ประเทศไทยมีถ้ำที่พบแล้วราว 2,000 ถ้ำ และนักสำรวจต่างชาติที่เคยมาสัมผัสยังเชื่อว่าน่าจะมีอีกราว 2,000 ถ้ำ ที่ถูกพืชคลุมปิด ถูกตะกอนดินทรายไปอุดบังไว้ ถูกต้นไม้บังไว้

แม้ไม่ได้แปลว่าทุกถ้ำจะใช้ประโยชน์แบบที่เล่ามาได้หมด

แต่แค่หลักร้อยแห่งที่อาจทำได้ ก็จะได้ชลประทานธรรมชาติมาเสริมในหลายต่อหลายพื้นที่ ที่ยังขาดน้ำไปเติมใช้ในหน้าแล้ง

ส่วนเรื่องถ้ำเป็นที่ท่องเที่ยวได้นั้น คงใช่แน่ๆในหลายแห่ง แต่ถ้ำที่จะเที่ยวได้ต้องปลอดภัยมาเป็นปัจจัยแรก จะรู้ว่าปลอดภัยต้องอาศัยการสำรวจเพื่อทำความเข้าใจเสียก่อนเสมอ

คณะสำรวจของเราเข้าถ้ำทรายทองต่อในวันถัดมา โดยเข้าลึกจนสุดทางของถ้ำ

ใช้เวลาเดินปีนไต่เข้าออกกันในนั้นอีกราว 5 ชั่วโมงครับ

ถ้ำทรายทองจะแห้งก่อนถ้ำหลวงเสมอ ทั้งที่รับน้ำปริมาณมหาศาลผ่านมาจากถ้ำหลวง ที่นั่นอากาศข้างในถ้ำโปร่งกว่าถ้ำหลวง มีลมเย็นเบาๆไหลผ่านตลอดเพราะโพรงถ้ำที่นั่นมีปล่องที่อากาศไหลเข้าออกมากกว่าเยอะ

ถ้ำทรายทองนี่ก็เพิ่งถูกสำรวจอย่างจริงจังกันตอนจะหาทางช่วยน้องๆหมูป่านี่แหละ น้ำที่ผ่านถ้ำทรายทองออกมามีลักษณะการตกตะกอนเร็ว จากนั้นน้ำจะใสแจ๋ว และเมื่อต้องแสงแดดจะสะท้อนสีเขียวใสสวยงาม ทางอุทยานจึงขุดเป็นสระเก็บน้ำไว้หน้าถ้ำเสียเลย เปลี่ยนบ่อเลนเละๆจากการขุดช่วยระบายน้ำออกจากถ้ำหลวง จนกลายเป็นสระที่น่าไปท่องเที่ยวอีกแห่งของย่านนี้

ถ้ำหลวงช่วงที่เราเข้าไปหนนี้ แม้อุณหภูมิจะเย็น แต่ยังไม่มีลมโชยเบาๆในถ้ำ ทั้งนี้เพราะเลยโถงสามไปแถวสามแยกที่หมูป่าเคยไปติดอยู่ ยังน่าจะมีน้ำเต็มโถง น้ำเหล่านั้นจึงบล็อกอากาศไม่ให้ถ่ายเทจากฟากหนึ่งของสามแยกในถ้ำไม่ให้มาถึงส่วนอื่นๆ

แต่คราวปีก่อนที่ผมมุดถ้ำหลวงลึกไปเกิน 3 กิโลเมตร กลับมีลมเย็นตลอดทาง นั่นเพราะน้ำลดครบถ้วน ไม่มีท่อนไหนที่น้ำบล็อกทางไหลของลมแล้ว ระบบอากาศไหลเวียนของถ้ำจึงมีความเปลี่ยนแปลงตามฤดูของน้ำไปด้วย

เราเข้าถ้ำทรายทองไปพอดีจังหวะที่กลุ่ม KIDO จัดกิจกรรมแคมป์เยาวชนในพื้นที่ มีจัดทริปพาเด็กเยาวชนไปเดินศึกษาในถ้ำทรายทองด้วยพอดี

ผู้นำค่ายประกอบไปด้วยอดีตทหารและหลายๆคนในปัจจุบันก็เป็นครูฝึกทหารหน่วย RECON หรือหลักสูตรจู่โจม พาเด็กเยาวชนที่ผู้ปกครองจากกรุงเทพและที่ต่างๆมาเรียนรู้การฝึกรับผิดชอบตัวเองเมื่ออยู่ในป่าเขา

อนาคตเด็กเยาวชนเหล่านี้ อาจจะใช้พลังและการเรียนรู้จากทริปท้าทายอย่างนี้ กลายเป็นทักษะผู้นำเบื้องต้นได้ คนที่สนใจอาจได้แรงบันดาลใจเป็นนักสำรวจทางธรณีวิทยา เป็นนักเก็บข้อมูล หรือแม้ไม่เป็นอะไรข้างต้นเลย ก็ยังจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในสารพัดเรื่องทางออนไลน์ในยุคถัดไป เพราะเจนเนอเรชั่นใหม่เหล่านี้ มีทักษะภาษาต่างประเทศ มีทักษะด้านไอที เป็นพื้นฐานในตัวเสียแล้ว

และพวกเขานี่แหละ ที่จะสามารถต่อยอดจากภาพยนต์ฟอรม์ยักษ์หลายกองที่ได้เข้ามาถ่ายทำในเหตุการณ์กู้ภัยที่ถ้ำหลวง และสามารถรับไม้ถ่ายทอด สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงดงามและหลากหลายน้ำใจที่แม่สาย จากหนังใหญ่ระดับโลก

ตอนนี้มีค่าย MGM สตูดิโอทำแนวหนังผจญภัยจากที่นี่ มีพระเอกนางเอกใส่ท้องเรื่องเกี่ยวกับการกู้ภัยที่ถ้ำหลวง

หนังซีรี่ย์ของ Netflix ถูกสร้างเป็นหนังชุดให้ติดตามได้ทางทีวีทั่วโลกความยาวหลายๆสิบตอนต่อเนื่อง ด้วยเงินลงทุนสูงชนิดกองถ่ายไทยยังได้แต่ใฝ่ฝันถึง

National Geographic ของค่ายดิสนีย์มาถ่ายทำในรูปหนังสารคดี ชื่อThe Rescue ตอนนี้ออกตระเวนฉายกวาดรางวัลของเทศกาลภาพยนตร์โลกไปแล้วกว่า 10 รางวัล และเพิ่งได้รับการประกาศว่าได้รับคัดเลือกเข้าอยู่ใน15 short lists ของหนังสารคดีชิงรางวัลออสการ์ปีนี้แล้ว

แม่สายจะถูกประกาศนามอีกครั้งอย่างกึกก้องผ่านโลกแห่งภาพยนตร์

สิ่งที่เราต้องเร่งทำคือปรับปรุงความรู้ ความพร้อม ความแม่นยำ และความมุ่งมั่นที่จะทำให้แม่สาย เชียงราย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เป็นเมืองเป็นเทศบาลที่มีอารยสถาปัตย์ มีระบบจัดการขยะมูลฝอยที่แข็งแกร่ง ซึ่งเมื่อช่วงค่ำผมได้ไปเป็นประธานกิจกรรม ลานวัฒนธรรม 13 ชนเผ่า จัดโดยเทศบาลตำบลแม่สาย เห็นทีมผู้บริหารเข้มแข็ง พยายามทำความพร้อมให้พื้นที่ ทั้งด้านความสะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้เอกลักษณ์และความยั่งยืน น่าชื่นใจ

ไม่ว่ายังไงหลังโควิดผ่านแล้ว เรื่องประทับใจที่คนไทยร่วมกับจิตอาสาทั่วโลก จะยังเป็นพลังศรัทธาและความกล้าหาญ เสียสละยิ่งใหญ่ที่ยังไงก็จะยังเป็นกำลังใจของชาวโลกให้ใช้ร่วมกัน สู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สู้กับการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อร่วมกันกู้โลกในยุคภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงได้ต่อไป

ขอบคุณคุณกวี ประสมพลและทีมเจ้าหน้าที่อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ต้อนรับแขกไม่มีวันหยุดพัก จากที่เคยมีคนมาเยือนปีละไม่ถึงหมื่นเป็นปีละนับล้านคนหลังปีปฏิบัติการกู้ภัยหมูป่า

ขอบคุณลุงเวิรน์และคุณลักษณ์ ที่ช่วยกิจกรรมสร้างการรับรู้ให้เยาวชนและรวมทั้งทูตอารยสถาปัตย์มาทุกๆหน

ขอบคุณคุณหลินและคุณต้อม จากทีมงานรายการกฤษณะทัวร์ยกล้อ ที่มาร่วมคณะสำรวจอย่างสมบุกสมบันยิ่ง และช่วยบันทึกภาพถ่ายสวยๆมาให้ใช้ประกอบงานเขียนนี้