ThaiPublica > Native Ad > ผ่าแนวคิดความร่วมมือทางธุรกิจของ OR กับการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย

ผ่าแนวคิดความร่วมมือทางธุรกิจของ OR กับการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย

5 ตุลาคม 2021


ด้วยนโยบายของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (“OR”) ที่ต้องการขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) โดยการแสวงหาโอกาสและความร่วมมือทางธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับสังคมชุมชน ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ และธุรกิจต่างประเทศ OR จึงมีนโยบายที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) ในการเพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจ (Scale Up)

ขณะเดียวกัน ‘นวัตกรรม’ และ ‘เทคโนโลยี’ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนโลกในศตวรรษ 21 ที่ช่วยยกระดับองค์กร และปลดล็อกขีดความสามารถใหม่ ๆ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังที่เห็นว่าบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นจำนวนมากคือบริษัทที่เกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี ไอที และสตาร์ทอัพ (Start-Up)

แต่การเริ่มต้นของบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีจำเป็นต้องมี ‘แหล่งทุน’ เพื่อเป็นสายป่านให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไปได้ OR มองเห็นโอกาสการเติบโตของเทคโนโลยี รวมถึงการอาศัยเทคโนโลยีเพื่อเสริมโครงสร้างธุรกิจของ OR ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นรวมไปถึงธุรกิจรายย่อยที่สร้างความยั่งยืนให้สังคม

“ORBIT Digital” เสริมแกร่งดิจิทัล ไอทีและบิ๊กดาต้า

ก่อนหน้านี้ OR ได้เข้าไปลงทุนกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีโดยผ่าน บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด หรือ Modulus ร่วมมือด้านการลงทุน (Joint Venture) กับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (Bluebik) ซึ่งบริษัทคอนซัลต์ชั้นนำผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด หรือ ORBIT Digital เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการพัฒนาธุรกิจดิจิทัล โดยจะอาศัยจุดแข็งของ OR ทั้งฐานลูกค้า Blue Card และเครือข่าย พีทีที สเตชั่น และ Café Amazon ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในการต่อยอดสู่ธุรกิจในอนาคต

การลงทุนในครั้งนี้เป็นไปตามแนวคิดของ OR ที่ว่า “Retailing Beyond Fuel” ซึ่งมุ่งเน้นการขยายงานด้านค้าปลีก (Retail) ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Lifestyle) ของผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กับการปรับโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับความต้องการในการเดินทางของผู้คนในอนาคต (Mobility) ซึ่งรวมถึงความต้องการในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้

แต่นวัตกรรม เทคโนโลยี และบิ๊กดาต้าคือเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะทำให้ OR ขับเคลื่อนไปได้ ดังนั้น ORBIT Digital ภายใต้ความร่วมมือกับ Bluebik ที่มีการใช้องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและ Data Science รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงการเชิงกลยุทธ์จะเป็นจิกซอว์ที่จะปลดล็อกศักยภาพธุรกิจของ OR มากขึ้น โดยเฉพาะการช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ ของ OR ผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และเชื่อมประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) กับผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประกาศลงทุนครั้งนี้ ORBIT Digital ได้เข้าไปปรับปรุงระบบ Loyalty สำหรับลูกค้า OR และสมาชิก Blue Card ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนกลายเป็นระบบ Loyalty Management System ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากทาง OR ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบคะแนนสะสมและทำการแลกคะแนนหรือของรางวัลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นระบบหัวใจหลัก (Core System) ของการทำธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน
ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่เป้าหมายการผลักดันให้ OR กลายเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีก

OR ร่วมลงทุน Flash ผู้ให้บริการ E-Logistics ครบวงจรของไทย

ถัดมาเป็นการปิดดีลจากการระดมทุนสตาร์ทอัพสัญชาติไทยในรอบซีรีย์ D และ ซีรีย์ E ของกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-Logistics สัญชาติไทยแบบครบวงจร และเป็นบริษัทแม่ของ Flash Express ผู้ให้บริการด้านขนส่งเอกชน โดยมีนักลงทุนกลุ่ม Buer Capital Limited และ SCB 10X ร่วมทุน พร้อม eWTP – OR -เดอเบล-กรุงศรีฟินโนเวต ประกาศขึ้นเป็นขนส่งเอกชนอันดับ 1 ด้วยตัวเลขจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น

กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิด การเป็นผู้ให้บริการ E-Logistics สัญชาติไทยแบบครบวงจร โดยได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มนักลงทุนหลายอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมสนับสนุน ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมธุรกิจในเครือหลากหลายประเภท อาทิ Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง นอกจากนี้ยังมีบริการ Flash Fulfilment คลังสินค้าแบบครบวงจร ที่มีบริษัทชั้นนำเป็นพันธมิตร และใช้บริการมากมาย รวมถึงบริษัทในเครืออีกหลายบริษัทที่สอดคล้องกับธุรกิจ E-commerce และรูปแบบตลาดของประเทศไทย

OR ในฐานะผู้ลงทุนหลักจากรอบซีรีย์ D และตัดสินใจลงทุนเพิ่มในซีรีย์ E มองว่าการร่วมลงทุนระหว่าง OR และ Flash จะเป็นการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านขนส่งและพลังงาน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ ของ OR เชื่อมต่อธุรกิจแบบ Online to Offline เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตที่มีไลฟ์สไตล์ปรับตัวสู่โลกออนไลน์มากขึ้น
ความร่วมมือของ OR และ Flash ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การที่ OR ให้บริการน้ำมันแก่รถที่ใช้ในการขนส่งของ Flash Express หรือการที่ Flash Express เริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ของ OR และได้เพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ ทั้งความร่วมมือในการเปิดให้บริการจุดรับส่งพัสดุของ Flash Express ภายในร้าน Café Amazon เฟสแรก 71 สาขาทั่วประเทศ และการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บางแห่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าของ Flash Express เป็นต้น

ลงทุน “พีเบอร์รี่ ไทย” เติมเต็มจุดแข็งกาแฟ “Specialty” – ธุรกิจอาหาร “โอ้กะจู๋” สู่สมาร์ทฟาร์ม

ไม่เพียงแต่การลงทุนในบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ OR ยังลงทุนในรายย่อย เช่น เมื่อปลายปี 2563 OR ยังร่วมลงทุนใน บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด เจ้าของแบรนด์ Pacamara เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจกาแฟและเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดกาแฟกลุ่ม Specialty Coffee เพิ่มศักยภาพการจัดหาวัตถุดิบและ อุปกรณ์ รวมถึงบริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายของร้าน Café Amazon ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจเพื่อให้ร้าน Café Amazon เป็นร้านกาแฟระดับโลก

จุดร่วมที่ร้านกาแฟภายใต้แบรนด์ Pacamara และ Café Amazon มีร่วมกันคือการเป็นสถานที่นัดหมายของผู้บริโภค โดย Pacamara เป็นร้านที่คอกาแฟต้องมาสัมผัส ส่วน Café Amazon เปรียบเสมือนโอเอซิสของคนเดินทาง เพราะด้วยออกแบบและตกแต่งแนวธรรมชาติช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย

เมื่อ OR ร่วมลงทุนใน พีเบอร์รี่ ไทย ทั้งสองฝ่ายจะได้เติมเต็มจุดแข็งของกันและกัน โดย พีเบอร์รี่ ไทย ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และเร่งโอกาสการเติบโตทั้งด้านร้านกาแฟและธุรกิจอุปกรณ์เครื่องทำชา-กาแฟ ส่วน OR เองจะได้ยกระดับคุณภาพ Café Amazon ด้วยฝีมือของผู้คร่ำหวอดในวงการกาแฟมาเกือบ 20 ปี เพราะใน พีเบอร์รี่ ไทย มีนักชิมกาแฟระดับสากล ซึ่งเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้เป็น Lead instructor ของสมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งอเมริกา ( SCAA )

นอกจากนี้ได้ลงทุนใน ‘โอ้กะจู๋’ แบรนด์ร้านอาหารที่มี ‘ผัก’ เป็นจุดเด่นเพราะปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรตั้งแต่ต้นน้ำอย่าง ‘ฟาร์มของตนเองที่เชียงใหม่’ ถึงปลายน้ำคือการส่งผักสดตรงถึงหน้าร้าน

นโยบายการบริการแบบ “From Farm to Table” พร้อมด้วยเมนูทั้งผักสลัด สปาเก็ตตี้ และอาหารจานเดียวในราคาที่เข้าถึงได้ ผ่านบริการทั้ง Dine-In, Takeaway และ Delivery ทำให้ โอ้กะจู๋ เติบโตอย่างรวดเร็ว

อีกปัจจัยที่เร่งการเติบโตให้ร้านอาหารแบรนด์นี้คือ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึงมีวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและหันมาเลือกซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานหรืออาหารสำเร็จรูปเพื่อนำกลับไปรับประทานที่อื่น แทนที่นั่งรับประทานอาหารในร้านมากขึ้น

OR มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงเข้าไปลงทุนและใช้จุดแข็งที่มีร่วมกันในการตั้งเป้า ‘ขยายสาขา’ ร้านโอ้กะจู๋ เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือทางธุรกิจของ OR ตั้งแต่วิธีการเฟ้นหาบริษัท จนถึงการต่อยอดทางธุรกิจเพื่อให้ทั้งสองบริษัทเติบโตไปพร้อมกันในอนาคตได้

นี่เป็นตัวอย่างความร่วมมือทางธุรกิจเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ OR ยังมีแผนที่จะผลักดันธุรกิจทั้งรายเล็กและรายย่อย ยิ่งกว่านั้นเป็นแผนที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้ธุรกิจไทยอย่างแน่นอน

หากอยากรู้ว่าก้าวต่อไปของ OR จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมงานเสวนา “Beyond Partnership. Beyond Unicorns. Beyond Horizons.” โอกาสที่สตาร์ทอัพไทยจะเติบโตไปกับ OR วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 13.00-14.00 น.ทาง FB Live OR Official